"เศรษฐา ทวีสิน" ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย ลั่น หากได้เป็นรัฐบาล ไม่ทำแน่ ขายที่ดินให้ต่างชาติ บอก "อิ๊งค์" เป็นคนทาบเข้ามาช่วยงานการเมือง ไม่กังวล ขุด ว.5 โฟร์ซีซั่น ยันไม่น้อยใจ นายกฯ เตือน "ประเทศไม่ใช่ธุรกิจ"

วันที่ 2 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวในการสัมภาษณ์พิเศษ กับทีมข่าวการเมือง ไทยรัฐออนไลน์ โดยยืนยันว่า ผมขอน้อมรับ ถือเป็นคำแนะนำ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเตือน "ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ" ย้ำ ท่านพูดก็ไม่ได้ผิด องค์ประกอบให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ก็อาจแตกต่างจากการทำให้บริษัทเดินไปข้างหน้า ท่านพูดมาไม่ได้ผิดอะไร ก็ผมมองเดินลึกไปกว่านั้น ท่านพูดมาว่า การจัดการประเทศมีองค์ประกอบมากกว่านั้น เตือนแล้ว การที่เราจะมาตรงนี้ มันไม่ใช่บริษัทที่สั่งได้ ใช่ไหมครับ ประเทศชาติมีระบบเรียกว่าข้าราชการ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญ มีข้อบทกฎหมายที่อาจบอกว่าเปลี่ยนแปลงไปได้เป็นธรรมดาครับ อันนี้ผมถือเป็นคำเตือนไม่ได้น้อยใจหรือโกรธอะไรทั้งสิ้น

...

การทำธุรกิจ การเมือง แตกต่างกันไป ผมว่าการที่ผู้ใหญ่พูดบางอย่างออกไป แต่ละคนก็สไตล์ต่างกันไป เราอย่าไปโฟกัสที่สไตล์ดีกว่า โฟกัสที่เนื้อหาดีกว่า ผมว่าท่านหวังดีนะครับ พยายามมองโลกในแง่ดี แล้วถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจริงก็จะคิดเสมอในคำที่ท่านเตือนมา

ตอนเป็นนักธุรกิจ คุณเศรษฐา เคยมีโอกาสคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างไหม?

นายเศรษฐา ยืนยัน ไม่เคยเลยครับ เคยคุยเพียงแต่คนที่แวดล้อมท่านบ้าง อย่างพี่พงษ์ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ผมเข้าใจผมเคยเขียนจดหมายเปิดผนึก เสนอท่านนายกฯ 8-9 ข้อ ในช่วงโควิด-19  ก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ก็เป็นข้อคิดของผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อยากให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรือง แล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไร ท่านทำไม่ทำ เพียงแต่เราต้องแชร์กัน เราเป็นนักธุรกิจ เราก็มีมุมองที่ท่านอาจคิดไม่ถึง แต่ถ้าคิดดูแล้วรอบคอบแล้ว ทำไม่ทำ ผมถือว่า ท่านมีบทบาท มีหน้าที่ของท่านไป

ใครเป็นคนทาบทาม เข้าสู่วงการเมือง

ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวต่อว่า อย่าลืมผมรู้จักคนเยอะ หมอเลี้ยบ นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พี่อ้วน นายภูมิธรรม เวชยชัย ผมก็รู้จัก หมอมิ้ง นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริยะเดช หรือ เด็กรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อไทย ผมก็รู้จัก แต่คนที่มาชวนผมเป็นทางการคือ "คุณอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร แล้วตำแหน่งก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ท่านก็คงเห็นว่า ผมช่วยเติมเต็มตรงนั้นได้ เราก็คุยกันเรื่องบ้านเมืองมานานแล้ว ผมก็เมื่อทางน้องๆ อยากให้ผมมีข้อแนะนำ ผมก็แนะนำ ข้อคิดเป็นประโยชน์ ผมก็ส่งให้

"อิ๊งค์" จีบ "คุณเศรษฐา" มาช่วยการเมือง นานไหม

ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาอ้อนวอน ง้อกันหรอกครับ เขาก็รู้อยู่แล้ว ผมเองก็รู้อยู่เช่นกัน จุดยืนพรรคเพื่อไทยคืออะไร เผอิญผมมีจิตวิญญาณคล้ายๆ กันอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นความลงตัวมากกว่า และมันก็ถึงเวลาแล้ว ถ้าเกิดว่าอีกเดือน สองเดือนจะเลือกตั้งแล้ว เวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว ก็จะยุบสภาวันที่ 8-15-21-22 ก็แล้วแต่ ท่านนายกฯ ละกัน แต่ก็ชัดเจนเลือกตั้ง 7 พ.ค. คุณอิ๊งค์ก็ท้อง 7 เดือนกว่าแล้ว ก็ลำบากลงพื้นที่ ตัวผมได้มาลงพื้นที่ ก็ช่วยได้บ้าง

ผมอายุ 60 ปีแล้ว ก็รู้จักคนเยอะ ผมเชื่อก็เข้าใจการอยู่ร่วมกันพอสมควร ธุรกิจก็เจอ เปิดหน้าชก บินสูง อะไรก็ตามที "แสนสิริ" เอง ก็มีสินทรัพย์แสนกว่าล้าน ถ้าเราลงทุน เราทำอะไรก็มีความเสี่ยง มันก็ต้องเจอเหมือนกัน จะช่วยเหลือสังคม ช่วยวิพากษ์วิจารณ์ทางด้านเรื่องของคลีนเอเนอร์จี้ พลังงานบริสุทธิ์ มีคนได้มีคนเสีย มีอะไรหลายๆ อย่าง ผมก็ขอวันนี้ หากเราต้องการให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง มันก็มีคนได้ มีคนเสีย เรื่องนี้ก็ต้องอธิบายกันไป อย่าเอาเป็นเรื่องส่วนตัว เอาประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก

หากได้เข้ามาทำงานเป็นรัฐบาล ยัน ไม่ทำแน่นอน เรื่องขายที่ดินให้ต่างชาติ

ก็ต้องตอบกันไป ตรงไหน คือ คำถามมากกว่า เรื่องขายที่ดินให้ต่างชาติ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ก็ต้องระวังระวัง แต่ถามว่า ถ้าเกิดพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสมาบริหารประเทศ ผมได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ต้องห่วงครับ ผลประโยชน์ทับซ้อนไม่มีแน่นอน ประเทศชาติประชาชนเป็นหลักไม่ต้องห่วง ไม่มีเปลี่ยนแปลงกฎหมาย นอกจากที่มันมีอยู่แล้ว

กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น หวั่น หนีไม่พ้นถูกนำมาโจมตี เมื่อเข้ามาเล่นการเมือง

ยืนยัน เราอยู่กันหลายคน คนที่กล่าวหามาก็ถูกฟ้องร้องไปแล้วก็มีการออกมาขอโทษในที่สาธารณะแล้ว ไม่กังวลมันจบไปแล้ว

มีความกังวลอะไร ต่อจากนี้หรือไม่? 

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า กังวลว่า "สิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ" กังวลขีดจำกัดบางอัน อย่างที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกมาว่า "บริษัทไม่เหมือนประเทศ" ที่มีมิติไหนที่เรามองไม่เห็นหรือเปล่า ผมยืนยันตรงๆ เมื่อวานนี้ ไม่มีอารมณ์ และไม่สวนกลับไป เพราะผมฟังจริงๆ อันนี้เป็นข้อกังวลจริงๆ เรารู้ว่า จุดนี้ไปจุดนี้มันเดินไปได้ แต่เดินไปแล้วมันจะมีอะไรผุดขึ้นมา มองไม่เห็นแล้ว เราจะหลีกทำลาย มันไปหรือเปล่า แล้วในที่สุดก็เป็นคนหนึ่งเดินเข้ามาทางการเมืองแล้วก็มาอธิบายให้พวกคุณฟัง ว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น ไม่อยากเป็นทำไม่ได้หรอกครับ มันมีขีดจำกัดตรงนั้น ขีดจำกัดตรงนี้ ตอนที่ผมยังไม่เข้าการเมืองมา ผมก็ไปฟังอยู่ แล้วคุณเข้ามาทำไม ผมไม่อยากเป็นคนนั้น ไปด้อยค่าเขา ด้วยความตั้งใจ ด้วยความปรารถนาดี เราน่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ได้

แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ต้องมีคุณสมบัติตรงไหนบ้าง เพื่อสู้กับตรงข้าม

"การแข่งขันกัน เป็นการแข่งขันด้านความคิด ด้านนโยบายมากกว่า ขอโทษ เขาไม่มีเบอร์ เลือกมี 3 คน ไม่ได้สู้แคนดิเดตเบอร์นั้น เบอร์นี้ เราเป็นผู้นำเสนอนโยบาย จริงๆ แล้วสิ่งที่ประชาชนจะดู คือ เรื่องนโยบายมากกว่า ผมเป็นผู้นำเสนอนโยบาย ผมเป็นผู้ปฏิบัติ ถ้าแรกได้รับเลือกเป็นแคนดิเดต 1 ใน 3 แล้วก็ถ้าประชาชนให้ความไว้วางใจ ได้เสียงส่วนมากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 7 พ.ค. แล้วเรามีส่วนเข้าไปบริหารจัดการ ก็เป็นเรื่องที่นำเสนอให้ได้ ผมไม่ได้สู้กับ คุณอนุทิน ผมไม่ได้สู้กับ คุณประยุทธ์ ผมสู้ความยากจน สู้เหลื่อมล้ำมากกว่า นโยบายที่พรรคเพื่อไทยคิดขึ้นมา ถ้าผมมีโอกาสมาปรับปรุงเพิ่มเติม แล้วมันจะสามารถแก้ไขความเหลื่อมล้ำ ความยากจนได้ ทำให้คนไทยอยู่ด้วยกัน ทุกเจเนอเรชันได้ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ ผมว่านี่คือสิ่งที่ผมแข่งขันมากกว่า" นายเศรษฐา กล่าว...