สนุกกันใหญ่ “แหม ทำไปได้” อารมณ์แบบที่ปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” ลงทุนสวมผ้าโพกหัว ออกลีลาลั่นกลองสะบัดชัย โดยมี “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนอานม้า นำแสดงเอ็มวี “เช้าวันใหม่” โหมกระแส ปชป.ในสนามเลือกตั้ง

ยอมลดทอน “ความขลัง” ของสถาบันการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์ เพื่อให้ทันยุคสมัย

และไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ได้เห็น กับภาพของ “มหาบัณฑิตออกซ์ฟอร์ด” นักเรียนนอกอย่างนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงทุนสวมชุด “หมอลำ” เซิ้งม่วนบนเวที

โดยไม่คำนึงถึงราศีของอดีตขุนคลังมาดอินเตอร์

“ชวน-จุรินทร์-กรณ์” คนยี่ห้อประชาธิปัตย์ทั้งอดีตและปัจจุบัน ต้องหันมาลุยเกมการตลาด ตามสภาพไฟต์บังคับต้องโหนกระแสตามเทรนด์ เล่นกับคนรุ่นใหม่

ทุ่มทุนสร้างหมดหน้าตัก เพื่อเดิมพันเลือกตั้งที่แพ้ไม่ได้

...

ที่แน่ๆน่าจะได้เห็น “ลุงป้อม ทรงอย่างแบด” ลีลาของ “บิ๊กบราเธอร์” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่เล่นบท “วัยรุ่นฟันปลอม” เนียนไปกับ “วัยรุ่นฟันน้ำนม”

ใส่ชุดนำแฟชั่นร่วมสมัยคนรุ่นใหม่ แบบไม่ขัดไม่เขิน

เดินตลาดห้างร้านปนเปไปกับหนุ่มๆสาวๆ เที่ยวกินย่านวัยรุ่นนิยม อารมณ์คนแก่หัวใจเด็ก สลัดภาพกระย่องกระแย่ง กลายเป็นความคึกคักกระชุ่มกระชวย

ยุทธศาสตร์ “การตลาด” ช่วยปรับภาพลักษณ์กันได้

แต่เรื่องของเรื่อง มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะมีคะแนนหรือไม่ เพราะยังเป็นแค่การเร้ากระแสให้ตื่นตาตื่นใจได้เฉพาะหน้าในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจกาบัตร

ประชาชนคนไทยฉลาดมากกว่าจะหลงตามกระแสเรื่อยเปื่อย

กว่าจะได้ 1 แต้ม ต้องออกแรงเหนื่อยอีกเยอะ ไม่ใช่แค่โชว์อีเวนต์ปั่นเกมการตลาดง่ายๆ

และจุดตัดสินใจสุดท้ายจริงๆของการเลือกตั้งใหญ่รอบต่อไป ภายใต้โจทย์เดิมพันหลังมหาวิกฤติโควิด มันหนีไม่พ้น “นโยบาย” โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจมาก่อนอื่นใด

ชาวบ้านร้านตลาดต้องการรู้ว่า เลือกแล้วจะได้อะไรมาบรรเทาความยากลำบากจากภาวะสินค้า ข้าวยากหมากแพง ใครที่พอฝากความหวังเรื่องปากท้องได้

สำคัญเหนืออื่นใด ขายฝันนโยบาย แล้วมีโอกาสทำได้จริงหรือไม่

หรือแค่โม้ตีกิน หลอกต้มคะแนนเท่านั้น

อย่างที่เห็นกันชัดๆ “พรรคพี่-พรรคน้อง” ปาดหน้าแย่งกันขาย “บัตรคนจน” เบิ้ลตัวเลขแข่งกันระหว่าง “ลุงตู่พลัส 1,000” กับ “ลุงป้อม 700” เบิ้ลราคาประมูลกันเลย

แต่เรื่องตัวเลขมันไม่สำคัญเท่ากับในทางปฏิบัติใครมีโอกาสเป็นจริงมากกว่า

ว่ากันตามลีลาแบบที่นายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง ที่รีเทิร์นมาปักหลักกับพรรคพลังประชารัฐ เคลียร์นิ่มๆเลยว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นนโยบายที่ได้ผลเชิงเศรษฐกิจ และการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศเดินหน้าต่อก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น

แต่หากย้อนไปดูไทม์ไลน์ จะชัดเจนว่า นโยบายบัตรคนจนที่เริ่มตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช.จนมาถึงรัฐบาลพลังประชารัฐ คนต้นคิดจริงๆคือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ มือเศรษฐกิจ

แน่นอน ตอนนี้ทีม “สมคิด” อยู่กับพลังประชารัฐ

นั่นหมายถึงทีมของ “บิ๊กป้อม” เคลม “บัตรคนจน” ได้เต็มปากเต็มคำมากกว่า “บิ๊กตู่”

แต้มต่อของ “บิ๊กบราเธอร์” มีมือทำงานด้านเศรษฐกิจ ชัดเจนเป็นรูปธรรม

แต่ที่จะทำให้ “เจ๊ง” ตั้งแต่ยังไม่ทันตั้งลำ ก็คือการจัดการภายในทีมยุทธศาสตร์พลังประชารัฐที่ยังมั่ว สไตล์พวกร้อนวิชา ชิงดี ชิงเด่น แย่งปาดหน้ากันเป็นคนถือธงนำ

ปรากฏการณ์แบบที่เห็น “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ มือเศรษฐกิจ ที่ถือสิทธิเข้าซุกปีก “พี่ใหญ่” ก่อนใครเพื่อน เปิดรายการโชว์ของ อวดกึ๋น ขายฝันนโยบายลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

แต่กลายเป็นเรียกแขกรุมถล่ม โดน “บิ๊กตู่” ได้ทีสอนมวย คิดอะไรต้องดูความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วย อย่าตีกินมั่ว แต่ที่แสบสันกว่าก็คือคิวของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เกาะติดเรื่องพลังงานมาตลอด ดักทางอ่านไต๋ “มิ่งขวัญ” เป็นแค่ลีลาหาเสียงแบบตีหัวเข้าบ้าน เหลี่ยมเคาะกะลาเรียกกลุ่มทุนพลังงานมาเจรจา

และไปๆมาๆก็เป็น “เฮียมิ่ง” ที่ยอมรับว่า เป็นแค่ความคิดของ “เฮียมิ่ง” คนเดียว ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของทีมยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ ไม่ได้ไฟเขียวเป็นนโยบายหาเสียงอย่างเป็นทางการ

จากที่จะได้แต้ม กลายเป็นหมดท่า เสียราคาไปซะอย่างนั้น.

ทีมข่าวการเมือง