“พิธา” ชวน ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกล ตบเท้าเข้าให้กำลังใจ “ตะวัน-แบม” ที่หน้าศาลฎีกา ด้านแกนนำพลเมืองโต้กลับ งัดกฎหมายการชุมนุมเย้ยตำรวจ ไม่มีอำนาจสลายม็อบเว้นมีคำสั่งจากศาล

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 28 ก.พ. 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำคณะ ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาเยี่ยม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม แต่ไม่ได้ไปเข้าไปพบในเต็นท์ เพียงสอบถามข้อมูลจาก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ และนั่งพูดคุยกับ นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของตะวัน และนางพรนิพา ภู่พงษ์ มารดาของแบม

นายพิธา กล่าวว่า ทราบข้อมูลจากทนายความว่าเหลืออีกเพียง 3 คน ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ดังนั้นถ้าได้ประกันก็จะทำให้ชีวิตของตะวันและแบมไม่ต้องมาแขวนบนเส้นด้ายอีกต่อไป ดังนั้นคำพูดที่ว่าความยุติธรรมที่ล่าช้าจะกลายเป็นความอยุติธรรม จึงถือเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักมากในช่วง 2-3 วันนี้ เรื่องที่ให้สันนิษฐานว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับการตัดสินสิ้นสุดจากศาลต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนควรจะต้องมี จึงอยากให้เรื่องนี้ยุติได้โดยไม่ต้องมีการสูญเสีย ขอคารวะในความกล้าหาญของทั้งคู่

จากนั้น นายพิธา ร่วมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ยืนหยุดขัง 1.12 ชม. ครั้งที่ 265 ซึ่งจัดโดยกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลา 18.42 น. สิ้นสุดการยืนหยุดขัง นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ แกนนำกลุ่ม กล่าวกับผู้เข้าร่วมว่า กรณีตำรวจอ่านคำสั่งให้เลิกการชุมนุมหน้าศาลฎีกาภายใน 11.00 น. จากข้อมูลศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หากพ้นเวลา 11.00 น.แล้ว ผู้ชุมนุมยังไม่เลิก เจ้าหน้าที่ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา 21 พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ ไม่สามารถเข้าสลายการชุมนุมได้ทันที และผู้ชุมนุมมีสิทธิ์คัดค้านการไต่สวนออกคำบังคับให้เลิกชุมนุม

...

นอกจากนี้ หากมีการไต่สวนและมีการออกคำบังคับจากศาลให้เลิกการชุมนุมแล้ว แต่ผู้ชุมนุมยังไม่เลิกชุมนุม เจ้าหน้าที่ต้องประกาศพื้นที่ควบคุมและกำหนดระยะเวลาให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ตามมาตรา 23 พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ขณะที่ผู้ชุมนุมนั้นยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้เลิกการชุมนุมไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตามมาตรา 22