"ไทยสร้างไทย" ประกาศ ยกระดับคุณภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค ปฏิวัติแนวคิด ชู 30 บาทพลัส สุขภาพดีถ้วนหน้า สู่ Well-being Society ใช้เทคโนโลยี AI สร้างสังคมอุดมสุขภาพ ป้องกันก่อนป่วย ดูแลสุขภาพด้วยหมอประจำตัว 24 ชั่วโมง
วันที่ 26 ก.พ. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ดร.สุวดี พันธุ์พานิช คณะทำงานด้านสาธารณสุขพรรคไทยสร้างไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงแนวทางในการปฏิรูประบบสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยี AI และสร้าง Well-being Society
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศไทยในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมาคือ ค่าใช้จ่ายด้านระบบสาธารณสุขของไทยพุ่งสูงขึ้นมาก แต่ประสิทธิภาพน้อยลง โดยปี 2544 ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข 157,228 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีค่าใช้จ่าย 682,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 334% แต่กลับมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเกือบ 20% จากปีก่อนหน้าทุกปี
...
นอกจากนั้น ยังมีจำนวนแพทย์เพิ่มขึ้น 106.7% และพยาบาล 140% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ภาระของแพทย์ พยาบาล ยังต้องทำงานหนักมากขึ้น และคาดว่าในปี 2574 ค่ารักษาพยาบาลจะพุ่งสูงขึ้นถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งระบบงบประมาณของประเทศจะไม่สามารถรองรับได้อย่างแน่นอน และจะทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
"ถึงเวลาที่พรรคไทยสร้างไทย จะต้องปฏิวัติระบบคิด ด้านการสาธารณสุข ถึงเวลาต้องเพิ่มคุณภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 พลัส สุขภาพดีถ้วนหน้าสร้าง Well-being Society สังคมอุดมสุขภาพ"
ขณะเดียวกัน เราจะปฏิวัติวิธีคิดระบบสาธารณสุขไทย จาก "Sickcare เป็น Healtcare" เราต้องเลิกรอให้ป่วยแล้วค่อยดูแล สร้างประเทศไทยให้เป็น Well-being Society พร้อมเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ Rethink Redesign Restructure Return Rights
สำหรับ 30 บาท Plus เราจะเน้น Do It Yourself หรือ DIY Healtcare โดยใช้เทคโนโลยีมายกเครื่องระบบสุขภาพเต็มรูปแบบ
ประชาชนคนไทยทุกคนจะมี Mobile Doctor อยู่ติดตัวตลอดเวลา สามารถสอบถามเรื่องสุขภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ ChatGPT คือ AI Chatbot หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสื่อสารผ่านข้อความกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งมีความสามารถสอบผ่าน วิชาทางการแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ทุกวิชาด้วยคะแนนร้อยละ 80-90 ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนระดับท็อปของมนุษย์
ซึ่งการมี Mobile Doctor ประจำตัวนั้น จะทำให้คนไทยดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้น สามารถสอบถามหมอประจำตัว ได้ 24 ชั่วโมง ถ้าตรวจประเมิน พบว่าเจ็บป่วยเล็กน้อย จะสามารถสั่งยาผ่าน Mobile Doctor และนำ QR Code ไปสแกนรับยาฟรีที่ร้านยาใกล้บ้าน แต่หากต้องพบแพทย์ Mobile Doctor ก็จะนัดแพทย์ใกล้บ้านให้ ดังนั้นผู้ที่เจ็บป่วยจึงสามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลที่ใดก็ได้ หรือหากป่วยหนัก Mobile Doctor จะหาแพทย์เฉพาะทางให้โดยไม่ต้องรอใบส่งตัว
ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยลดภาระหมอ พยาบาล ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลและจะทำให้ความแออัดในโรงพยาบาลลดลง ซึ่งระบบทั้งหมดจะอยู่ใน Cloud จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์สุขภาพของแต่ละบุคคลได้ เพื่อป้องกันโรคไม่ให้เกิดกับประชาชนได้
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า ถึงเวลาที่ต้องยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค พัฒนาสู่ 30 บาท Plus สร้าง Well-being Society เพื่อให้คนไทยทุกคนเปลี่ยน Sickcare เป็น Healthcare
ทั้งนี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้วได้ริเริ่ม การสร้าง Medical Hub แต่ถึงวันนี้ เราจะมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้มากกว่าเดิม ด้วยการเป็น Global Well-being Hub ของคนทั้งโลก เจาะตลาดสุขภาพที่มีมูลค่ากว่า 156 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าตลาดท่องเที่ยวถึง 2 เท่า และหากเจาะตลาดได้เพียง 1% จะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยและคนไทยกว่า 1.56 ล้านล้านบาท ซึ่งเรามีแพทย์ พยาบาลที่เก่ง มีอาหารเสริม มีสมุนไพร มีสปา และการบริการที่ดีเยี่ยม ซึ่งพร้อมจะเดินหน้าทำได้ทันที
ด้าน ดร.สุวดี กล่าวเสริมว่า การปฏิวัติระบบสาธารณสุข ต้องเริ่มจากการดูแลประชาชนด้วยการรักษาโดย P4 ประกอบด้วย
1) ช่วยในการคัดกรองข้อมูล
2) ช่วยให้ประชาชนไม่ต้องรอคิว
3) ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น
4) ช่วยดูแลผู้ป่วย Acute care ลดจำนวนคนไข้ในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ จะสร้างบำนาญประชาชน 3,000 บาทดูแลสังคมสูงวัยให้แข็งแรง ซึ่งคนไทยที่มีสุขภาพดีต้องมีรางวัล อาจเป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายจากภาครัฐเช่นไฟฟ้า ประปา การเดินทางรถสาธารณะต่างๆ เป็นต้น ที่สำคัญจะมีการนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาบริหาร จัดการระบบสาธารณสุขของไทยใหม่ทั้งระบบ