“นภาพร” ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ชูนโยบายพลังงาน น้ำมัน-ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับประชาชน รื้อระบบสัญญาไม่เป็นธรรม ลุยตรวจสอบทุจริตหากได้เป็นรัฐบาล


วันที่ 19 ก.พ. 2566 นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการจัดประชุมใหญ่สามัญ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และการแถลงนโยบายของพรรคเสรีรวมไทย เมื่อวานที่ผ่านมา (18 ก.พ. 2566) ว่า แสดงถึงความพร้อมของพรรคใน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 ซึ่งนอกจากนโยบายที่พรรคเห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริงแล้ว พรรคเสรีรวมไทยยังให้ความสำคัญกับนโยบายพลังงาน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับประชาชน เนื่องจากน้ำมันถือเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ค่าครองชีพสูง

“ที่พูดกันว่าบ้านเรามีทั้งก๊าซและน้ำมัน ทำไมคนไทยจึงต้องซื้อแพง บอกบอกเลยว่าเอาจริงๆ เราไม่มีทั้งก๊าซและน้ำมัน เพราะเราขายสัมปทานให้เอกชนและต่างชาติไปหมดแล้ว แต่เมื่อเราซื้อคืนจากเอกชน เราจะกลับมามีทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นอีกครั้ง โดยเราจะไม่ขายสัมปทานอีกต่อไป ให้รัฐทำเอง กำไรเอง”

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 21 บาท บวกกับภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม กองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน ค่าการตลาด กว่าจะใช้น้ำมันบวกไป 7 รายการนั้น ยังสามารถตัดเรื่องเอาเข้ากองทุนและหลายรายการออกได้ เพราะหากต้นทุนน้ำมันแพงรัฐก็พยุงเอง แค่ขาดทุนกำไร แต่ไม่ได้ขาดทุนจริง ขณะเดียวกันจะสามารถออกกฎหมายเฉพาะเพื่อบริหารได้อย่างอิสระ ปลอดจากการเมือง ซึ่งจะเกิดประโยชน์และเป็นธรรมต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ โดยไม่แสวงหากำไร

...

ขณะที่การตั้งกองทุนเอาเงินไปซื้อหุ้นคืน แล้วเอากำไรผลประกอบการไปคืนกองทุน และผลประกอบการที่ได้จะถูกนำไปสู่สวัสดิการสังคมด้านอื่นๆ รวมถึงการโอนเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไปใช้จ่ายค่าน้ำมันที่ปั๊มไหนก็ได้เพื่อลดปัญหาการกีดกันทางการค้า พร้อมยกเลิกการอ้างอิงราคาการนำเข้าจากสิงคโปร์ และยกเลิกการผสมเอทานอล เมื่อราคาเอทานอลในขณะนั้นสูงกว่าน้ำมันฟอสซิล

สำหรับนโยบายไฟฟ้า พรรคเสรีรวมไทยจะรื้อระบบสัญญาเอกชนกับการไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรม ปราบทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งทุจริตเชิงนโยบายจากรัฐบาลก่อนหน้า ด้วยการทำสัญญารับซื้อไฟฟ้าที่ทั้งแพงและยาวนาน บางบริษัทได้กำไรมหาศาลจนคืนทุนไปแล้ว แต่ยังบังคับขายไฟฟ้าตามสัญญาแพงๆ ต่อให้รัฐต่อไปอีก โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า

“หากพรรคเสรีรวมไทยได้เป็นรัฐบาล จะเข้าไปตรวจสอบสัญญา ไปดูต้นทุน สืบสวนหาหลักฐาน หากพบมีการทุจริตเราจะดำเนินคดีและยกเลิกสัมปทานขายไฟฟ้าทั้งหมด หากจะมีข้อพิพาท ร้องอนุญาโตตุลาการ ก็จงรู้ไว้ก่อนนะว่าคู่กรณีคือคนไทยทั้งประเทศ”