“รองนายกฯ จุรินทร์” แจงสภา เงินเฟ้อไทยดีขึ้น โต้ไม่ได้แพงทั้งแผ่นดิน เผยสินค้า-ปุ๋ยราคาลดแล้ว พืชเกษตร ผลไม้ราคาดีเกือบทุกตัว พร้อมนำไทยจี้ทำ FTA ไล่กวดเวียดนาม

วันที่ 15 ก.พ. 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือ เสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวถึงเงินเฟ้อ และคำว่าแพงทั้งแผ่นดิน ว่า ทั้ง 2 ประเด็น

เป็นประเด็นเดิมๆ ที่ถูกอภิปรายในสภามาแล้ว ความจริงประเทศไทยต้องถือว่าสถานการณ์เงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ นั่นแปลว่าเงินเฟ้อลดลง ซึ่งเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากก่อนหน้านั้นเฟ้อ 6-7% ก็ลงมาเหลือ 5% และเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในโลก

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ารัฐบาลรวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ และได้รับความร่วมมือจากเอกชน เราสามารถที่จะเข้าไปกำกับราคาต้นทุนการผลิตบางอย่าง และสามารถกำกับสถานการณ์ราคาสินค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าดี แม้ว่าราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส ราคาค่าไฟยังปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญไม่ได้ เพราะต้นทุนอันเกิดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์อื่น อันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ยังไม่เป็นที่ยุติ

ส่วนประเด็นแพงทั้งแผ่นดินนั้น หากไปดูตัวเลขจริง ๆ จะพบว่าราคาสินค้าที่ปรับลดลงก็มีอยู่เยอะมาก อย่างน้อย 58 รายการ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ หมูเนื้อแดง ตอนนี้อยู่ที่ 165 บาทต่อ กก. แม้บางที่อาจจะไป 160 170 180 ก็ตาม รวมถึงราคาผักอื่นๆ ก็ปรับลงมา ส่วนน้ำมันปาล์ม ที่สมาชิกอภิปรายเมื่อสักครู่บอกว่าขวดละ 60 บาท ความจริงไม่ใช่ ตัวเลขคลาดเคลื่อนและนานมาแล้ว เพราะปัจจุบันอยู่ที่ 48-50 บาท ปรับลดลงมา 17%

...

ขณะที่เรื่องราคาปุ๋ย ตอนนี้ ไม่ขาดตลาดแล้ว และราคาลดลงมา แม้ยังไม่ลดอย่างที่เกษตรกรอยากให้ลด จึงอยากจะแจ้งว่า ที่บอกว่ามันแพงตลอด หรือแพงทั้งแผ่นดิน ข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

นอกจากนี้นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงราคายางพารา ที่ยังหย่อนอยู่ในขณะนี้ ยังไม่ถึง 60 บาท เป็นเพราะ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รถยนต์ขายยากขึ้น และสถานการณ์โควิดดีขึ้น ความต้องการใช้ถุงมือยางลดน้อยลง ซึ่งราคาส่วนต่าง กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. อีกกี่ไม่กี่สัปดาห์นี้ ก็จะสามารถชดเชยเงินส่วนต่างให้เกษตรกรชาวสวนยางได้ต่อไป

สุดท้ายเรื่อง FTA ที่บอกว่าเราตามหลังเวียดนามไม่เห็นฝุ่นนั้น มันไม่ได้มาเป็นตอนรัฐบาลชุดนี้ เราตามหลังมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่รัฐบาลนี้กำลังไล่กวดขึ้นมาเพื่อให้ทันเวียดนาม และอนาคตเรามีโอกาสที่จะแซงหน้าเวียดนาม ปัจจุบันประเทศไทยมี FTA กับทั้งโลก 14 ฉบับ 18 ประเทศ แต่เวียดนามเขามี 16 ฉบับ 54 ประเทศ มากกว่าเรามาก

“ทำไมผมต้องนำคณะไปบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากท่านนายกฯ เดินทางไปกรุยทางแล้ว ที่บรัสเซลส์ก่อนหน้านั้น ผมต้องไป ทั้งที่ต้องนอนบนเครื่องบิน 2 คืน ไปคืนนึงกลับคืนนึง อยู่วันเดียว เพื่อต้องการที่จะไปเจรจาทำ FTA ระหว่างไทยกับ EU หรือ สหภาพยุโรป ซึ่งเราค้างคามาเป็น 10 ปี แต่บัดนี้ใกล้ความจริงแล้ว ถ้าเราทำ FTA ไทยกับสหภาพยุโรปได้ แปลว่าอะไร สหภาพยุโรปมีสมาชิก 27 ประเทศ เราจะได้ 27 ประเทศมาบวกจาก 18 ประเทศที่เรามี กลายเป็น 45 ประเทศทันที ขณะที่เวียดนามมีเพียง 54 เราจะไล่กวดมา ขาดอีก 9”

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ภายในปีนี้ อีกสักประมาณปีกว่าๆ เราจะยังมี FTA ไทย-ตุรกี ไทย-ศรีลังกา ไทย-ปากีสถาน อาเซียน-แคนาดา และ BIMSTEC อีก 7 ประเทศ ถ้าเราทำได้ตามนี้ภายในปี 67 เราจะแซงเวียดนามในเรื่องจำนวนประเทศที่เราทำ FTA อีกด้วย