อภิปราย ม.152 เปิดฉากวันแรก ส.ส.ฝ่ายค้านดาหน้าถล่ม “บิ๊กตู่” “ชลน่าน” นำทีมชำแหละผู้นำใช้เงินสืบทอดอำนาจ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพวกพ้องตัวเอง ปล่อยองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฟอกเงิน “พิธา” ฉะอยู่มา 8 ปี ถลุงภาษีไป 28 ล้านล้าน แต่ประเทศไทยยังย่ำอยู่ที่เดิม ปลุกเข้าคูหาปิดสวิตช์ 3 ป. “ทวี” ซัดสมคบเอกชนปล้นสาธารณสมบัติ ส.ส.เพื่อชาติตั้งฉายา “หัวหน้าผีปอบ” “จิราพร” ลากไส้บริษัทหลานชาย พฤติกรรมเข้าข่ายฮั้วประมูล “จุลพันธุ์” จวกปล่อยสิงสาราสัตว์หากินบนความทุกข์ประชาชน “ประยุทธ์” หน้าบึ้งโวยถูกตีกิน รับไม่ได้ ปชป.ชงชื่อ “จุรินทร์” แคนดิเดตนายกฯหนึ่งเดียว “อิทธิพล” ทิ้ง “คุณปลื้ม” ซบ “ตู่” “ท็อป” จบสวย “ตุ๋ย” ย่องดูด กกต.ยื่นศาล รธน.ตีความแบ่งเขตแล้ว
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเริ่มพิจารณาญัตติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันแรก ที่ ส.ส.พรรค ฝ่ายค้านดาหน้าพุ่งเป้าถล่มไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประเด็นการบริหารงานผิดพลาดบกพร่อง และเปิดช่องให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน
...
“สุทิน” ขู่ถ้าล่มเจอกันที่โถงสภา
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า การอภิปรายวันแรก ฝ่ายค้านจะพูดถึงประเด็นเศรษฐกิจ พลังงาน และต่างประเทศ ส่วนวันที่ 16 ก.พ. เป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสังคม และการทุจริต เมื่อถามว่าคาดว่าจะเปิด ประชุมได้หรือไม่ นายสุทินตอบว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่มีปัญหา หากจะมีปัญหาก็คือรัฐบาล แต่อย่างน้อย พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะมาร่วมประชุม แต่องค์ ประชุมคงหวุดหวิดพอสมควรต้องลุ้นกัน เรากำชับวิปรัฐบาลให้ช่วยกันรักษาระบบสภา อยู่ที่ความสำนึก ฝ่ายค้านเตรียมแผนไว้แล้วหากองค์ประชุมล่ม เราจะ อภิปรายนอกห้องประชุมสภา คือ ที่โพเดียมห้องโถง แห่งนี้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นที่ขู่ไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม คิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากกลัว หนีการตรวจสอบ กลัวเสียเครดิตก่อนเลือกตั้ง แค่คำแก้ตัวหาเหตุผลไม่ร่วมประชุมตามมาตรา 152
“โรม” ไม่จบแค่นี้ฟันเอาผิดต่อ
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้แม้จะไม่มีการลงมติ แต่ใกล้การเลือกตั้งใหญ่ เราจึงทำงานในระดับ เดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ มั่นใจว่ามีหลักฐานเอาผิดรัฐบาล และไม่จบแค่การซักฟอก แต่จะดำเนินการ ตามกฎหมายอีกเยอะ ส่วนการขู่นับองค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาล ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ดีเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่รัฐบาลไม่ต้องการให้เราทำ ตกลงรัฐบาลต้องการอะไร ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูล รับรู้การทุจริตใช่หรือไม่ เท่ากับกำลังยอมรับ ว่าตัวเองมีบาดแผลเหวอะหวะเต็มตัวใช่หรือไม่ กลัวว่า ประชาชนจะรู้เลยพยายามปิดบังฝ่ายค้าน อยากให้เป็นเวทีที่ทั้งสองฝ่ายได้พูด ไม่มีการปิดปากใคร รัฐบาล จะได้มีโอกาสชี้แจง ประชาชนจะได้รับข้อมูล เมื่อถามว่า กังวลเรื่องสภาล่มหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า เรา พยายามทำให้ไม่ล่ม แต่ถ้าสุดท้ายมันล่มเราเตรียมแผนสำรองไว้ โดยการนำเสนอเรื่องราวนอกสภา
“โอ๋” เตือนฝ่ายค้านคิดให้ดีๆ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีถูกล็อกเป้าจากฝ่ายค้าน ว่า รอฟังอยู่ มาตรา 152 เป็นการเสนอแนะไม่ใช่การ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมอธิบายทุกเรื่อง เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทยขู่จะไม่เป็นองค์ประชุม นาย ศักดิ์สยามตอบว่า คงเป็นไปตามที่คนในพรรคออกมา แถลง ถ้าอยากจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ก็พิจารณาให้ดี การอภิปรายตามมาตรา 152 ต้องปฏิบัติอย่างไร
ปชป.ทำหน้าที่จนนาทีสุดท้าย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเราไม่ล่มองค์ประชุม เพราะไม่กลัวการตรวจสอบ เราเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ได้กำชับ ส.ส.ทุกคน ยืนยันว่าเราจะทำหน้าที่จนนาทีสุดท้ายในฐานะผู้แทนราษฎร ไม่คิดว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะมีผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะไม่ใช่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านสามารถแสดงความคิดเห็นแนะนำรัฐบาล หรือสอบถาม รัฐบาลได้ เมื่อถามย้ำว่าห่วงมีการขยายผลไปถึงการ หาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ถ้าไม่เป็น ความจริงก็ไม่มีผลอะไร การเอาไปขยายผลนอกสภา แตกต่างกับในสภา ถ้าเรามั่นใจในความสุจริตก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบใดๆ
“บิ๊กตู่” ร่วมฟังอภิปราย ม.152
ต่อมา เวลา 09.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธาน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณา ญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันแรก แต่กว่าจะมี ส.ส.มาเซ็นชื่อ ครบองค์ประชุม ต้องรอนานกว่า 45 นาที เพราะฝนตกหนัก การจราจรติดขัด กระทั่งเวลา 10.15 น. จึงเปิดประชุมได้ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าร่วมรับฟังการ อภิปรายของพรรคฝ่ายค้านด้วยสีหน้าปกติ
ถล่มผู้นำใช้เงินสืบทอดอำนาจ
เริ่มที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดการอภิปรายว่า การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา นโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ไม่ได้ ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ มุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์การเมือง สร้างคะแนนนิยมรัฐบาล และความอยู่รอดของตัวเอง การปฏิรูปการเมือง ล้มเหลว เกิดธนกิจการเมือง ใช้เงินเพื่อสืบทอดอำนาจ อยู่ 8 ปี ยังไม่พอ จะไปต่ออีก 2 ปี ไม่คำนึงถึงความ ชอบธรรม การใช้งบประมาณไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตกว้างขวาง ทั้งโครงการใหญ่และระดับท้องถิ่น เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพวกพ้องตนเอง มีการผูกขาดแสวงหาผลประโยชน์โครงการของรัฐ เป็นรัฐบาลที่ซื้อขายตำแหน่งมากที่สุด ขณะที่ปัญหายาเสพติดและ บ่อนพนันออนไลน์ ไม่มีการป้องกันปราบปรามจริงจัง
ร่วมกันกระชากหน้ากากคนดี
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ปล่อยให้องค์กรอาชญา กรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน ล้มเหลวแก้อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขาดยุทธศาสตร์ บริหารประเทศ ขาดความซื่อสัตย์การปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลชุดนี้ได้ฉายาหน้ากากคนดี ฝ่ายค้านจะอภิปราย ให้เห็นตัวตนของคนดีที่ใส่หน้ากาก จะกระชากหน้ากาก คนดีให้ประชาชนได้รู้ แม้จะไม่มีการลงมติในการอภิปราย แต่ขอให้ประชาชนไปลงคะแนนในคูหาจะให้คนดี อยู่ต่อไหม ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน เพื่อสืบทอดอำนาจ
“พิธา” ฉะถลุงภาษี ปชช. 28 ลล.
จากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ไทยอยู่ในช่วงทศวรรษที่สูญหาย เกือบ 10 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ภาษีประชาชนไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท หากคิดเป็นทองคำเฉลี่ย 30,000 บาทต่อทอง 1 บาท เทียบเท่ากับทองคำพันล้านแท่ง เอาไปชุบถนนทั่วประเทศได้เกือบ 2 รอบ แต่สิ่งที่คนไทยได้มาคือ การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม ลงทุนไป 28 ล้านล้านบาท ก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่เราจะแพ้เพื่อนบ้านแบบไม่เห็นฝุ่น เราสูญเวลาไปกับ 3 สิ่งสำคัญ คือ 1. การศึกษา คะแนนมาตรฐานโลกอย่าง PISA ก็รั้งท้าย 2.คอร์รัปชัน อันดับความโปร่งใสลดลง และ 3.ภัยแล้ง มีพรรครัฐบาลบอกว่า “มีลุงไม่มีแล้ง” แต่เกือบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมา พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคอีสานเพิ่มจาก 40 ล้านไร่ เป็น 49 ล้านไร่
ปลุกเข้าคูหาปิดสวิตช์ 3 ป.
นายพิธากล่าวอีกว่า เรายังสูญเสียโอกาสในการ ปฏิรูป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ ตำรวจตอนนี้ ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจ มีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถ นักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎร กลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร รวมถึงระบบ เส้นสาย-ตั๋ว ถ้าไม่อยากให้คนไทยแก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย รายได้ไม่มี หนี้เพิ่มทุกวัน คำตอบสั้นๆคือ รัฐสวัสดิการ ต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ เอาทหาร ออกจากการเมือง และสิ่งที่สำคัญคือต้องหาฉันทามติ ใหม่ในความปกติใหม่ ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน รวมถึงการใช้มาตรา 112 ที่มีโทษรุนแรงเป็นทางตัน ความขัดแย้งไม่จบสิ้น ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ทศวรรษหน้าก็ยังเป็นทศวรรษที่สูญหายของประเทศไทย อีกราว 80 วัน ประชาชนจะเข้าคูหา การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาส เปลี่ยนทศวรรษที่สูญหาย ปิดสวิตช์ 3 ป. เป็นทศวรรษแห่งความหวัง
ซัดปล่อยเขมรรุกล้ำอธิปไตย
นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ยกตัวอย่างการทุจริตในรัฐบาลนี้ คือ กองทัพภาคที่ 1 อยากให้นายกฯในฐานะ รมว.กลาโหม เข้าไปตรวจสอบแก้ไขเขตพื้นที่ป่า อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตลอดแนว 165 กม. คนไทยเข้าไม่ได้ แต่ปล่อยบ้านเรือนคนกัมพูชาสร้างยาวจดศุลกากร 2 ประเทศ ทำไมกัมพูชาข้ามมาหาเราได้ แต่เราข้ามไปหาเขาไม่ได้ อย่างนี้คือการยอมเสียอธิปไตย จนสื่อท้องถิ่นแฉว่ามีการขนของเถื่อนบริเวณชายแดน ทหารกัมพูชายังเหิมเกริมยิงปืนข่มขู่ชาวบ้านที่เข้าไปรังวัดที่ดิน ไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย คนที่ควรด่าคือแม่ทัพภาคที่ 1 และ รมว.กลาโหม ถ้าไม่มีปัญญาแก้ก็ออกไป ถึงเวลาต้องปฏิรูปกองทัพ
สมคบเอกชนปล้นสมบัติชาติ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า สิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สร้างความเสียหายไว้ให้ประชาชน คือ มติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2563 ปรับแก้ร่างสัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วน D) และสัญญาโครงการทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด แลกกับการระงับข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่อยู่ระหว่างฟ้องร้องกัน การต่อสัญญาดังกล่าวเป็นการปล้นสาธารณะสมบัติแผ่นดิน รีดทรัพย์ประชาชน ครม.นำทรัพย์สินมูลค่าแสนล้านบาทไปยินยอมประนีประนอม ทำให้โครงการทางด่วนที่กำลังจะครบสัญญา และตกเป็นสาธารณะสมบัติชาติ ขยายไปอยู่กับเอกชนอีก 15 ปี 8 เดือน การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะมักง่าย ผลักภาระให้ประชาชนเสียค่าทางด่วนแพง เป็นการสมคบกัน
ตั้งฉายาใหม่ “หัวหน้าผีปอบ”
นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายว่า การบริหารงานเกือบ 4 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่ความล้มเหลว เป็นผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ คุณธรรม จริยธรรม มักใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ไม่พอใจก็ชี้หน้า สื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า “แปดเปื้อน” และฉายารัฐบาลว่า “หน้ากากคนดี” ในฐานะ ส.ส.ขอตั้งฉายาให้ พล.อ.ประยุทธ์ในภาษาเหนือว่า “หัวหน้าผีกะ” หรือภาษาอีสานคือ “หัวหน้าผีปอบ”
รทสช.ฉุน “เต้” ด่าผู้นำทุจริต
ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์สร้างความเสียหายในหลายด้าน คือ 1.การบริหารเศรษฐกิจพัง 8 ปีสร้างหนี้สาธารณะ 5 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือน 15 ล้านล้านบาท 2.ปล่อยยาเสพติดเกลื่อนประเทศ 3.การทุจริตประมูลอีบิดดิ้ง และบ่อนพนันออนไลน์ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว ประชาชนจะเชื่อหรือไม่ ทำให้นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ รีบลุกขึ้นประท้วงปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้ถอนคำพูด แต่นายมงคลกิตติ์โต้ว่า ไม่ได้พูดว่านายกฯทุจริต แค่ถามว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยให้อภิปรายต่อได้ ช่วงท้ายของการอภิปราย นายมงคลกิตติ์ประกาศจะยื่นใบลาออกในวันที่ 17 ก.พ.นี้ หลังอภิปรายเสร็จได้เดินไปบริเวณหน้าบัลลังก์ ก่อนจะก้มลงกราบพื้นสภา
ลากไส้บริษัทหลานชาย “ลุงตู่”
น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายกรณีหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปิดธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในค่ายทหารว่า อาจเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ลูกไม้หล่นไม่ไกลค่าย เพราะลุงก็อยู่บ้านหลวงไม่ยอมย้ายออก หลานชายก็ทำธุรกิจกับกองทัพมาตั้งแต่ปี 2559 ได้รับงานประมูลรัฐในวงเงินสูง แต่หลังจากทนเสียงวิจารณ์ไม่ไหวจึงย้ายออกจากค่ายทหาร แต่ยังเดินหน้ารับงานประมูลรัฐต่อเนื่อง ได้งานของรัฐต่อเนื่องตลอด 8 ปี ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง เป็นเขตอิทธิพลพ่อ บารมีลุง ทั้งที่บริษัทมีทุนจดทะเบียนแค่ 1.5 ล้านบาท แต่เป็นคู่สัญญารัฐ 28 ล้านบาท เอาธนาคารที่ไหนการันตี หากตอบไม่ได้แสดงว่าได้งานเพราะนามสกุล และเป็นไปได้ว่าประมูลงานได้แล้วไปขายงานต่อมากกว่าทำเอง
พฤติกรรมเข้าข่ายฮั้วประมูล
น.ส.จิราพรกล่าวว่า จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าน่าสงสัยจะมีการฮั้วประมูลโครงการรัฐหรือไม่ เพราะบริษัทคู่แข่งสภาพบริษัททุกแห่ง ไม่สามารถรับงานระดับสิบล้านบาทได้ เป็นแค่นอมินีคู่เทียบ ส่วนต่างของบริษัทที่แพ้ต่างกันแค่ 1% ทุกครั้ง โครงการที่ดูผิดวิสัยคือโครงการก่อสร้างอาคารชุดนายทหารชั้นประทวน 48 ครอบครัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก 1 หลัง ของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) มูลค่า 47 ล้านบาท มีบริษัทคู่เทียบซื้อซองประมูล แต่เมื่อเปิดประมูลมีแค่บริษัทหลาน พล.อ.ประยุทธ์ประมูลบริษัทเดียว อีกบริษัทไม่ประมูล ทั้งที่มีศักยภาพมากกว่า มีอิทธิพลอะไรห้ามไว้หรือไม่นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์เข้าข่ายตกแต่งบัญชี หลีกเลี่ยงภาษี บริษัทได้งานรัฐแต่งบบัญชีขาดดุล จะให้กรมสรรพากรตรวจสอบหรือไม่
ซัดปล่อยสิงสาราสัตว์หากิน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพท. อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์เคยชูเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่วันนี้เศรษฐกิจไทยสงบเงียบเป็นป่าช้า และได้อำนาจมาโดยไม่ชอบ ในเวทีต่างประเทศกลายเป็นตัวตลก ส่วนเวทีในประเทศ เพื่อจะคงอยู่ในอำนาจต่อไป ยอมปล่อยให้สิงสาราสัตว์เข้ามาหากินบนความทุกข์ประชาชน แบ่งเค้ก แบ่งหวีกล้วยกินกันอย่างน่าเกลียด จนเศรษฐกิจพังพินาศ ยิ่งปลายสมัยรัฐบาลยิ่งแล้วใหญ่ วันๆนายกฯกับรองนายกฯเล่นซ่อนหา ปาดหน้ากันชิงตัว ส.ส. ประชาชนได้ประโยชน์อะไร เรื่องหนี้สินรัฐบาลนี้ทำเป็นแต่กู้สะบั้น ก่อหนี้ 8 ปี สูงกว่ารัฐบาลก่อนหน้าที่อยู่มาทั้งหมดรวมกัน กู้สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 10 ล้านล้านบาท ยุค พล.อ.ประยุทธ์ความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ประชาชนเห็นการทุจริตทุกด้าน และรอเอาคืน เขาจะเข้าคูหาแล้วฉีกหน้ากากคนดีออก ประชาชนเขาจะมาล้างแค้นท่าน
“ประยุทธ์” หน้าบึ้งโวยถูกตีกิน
ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ชี้แจงข้อครหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงมีอารมณ์ว่า ฟังมาแต่เช้าแล้ว เอาแต่ตีกิน เวลารัฐบาลหน่วยราชการชี้แจงก็ไม่ฟัง ส่วนการทุจริตผิดกฎหมายที่เอาตนไปโยงคนนั้นคนนี้ ยืนยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร ให้ไปตรวจสอบมา สมัยพวกท่านเป็นรัฐบาลไม่เห็นพูดเก่งแบบนี้ เรื่องทุจริตไม่พูดกันสักคำ เรื่องต่างๆจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง เพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มา ไม่อยากทำให้เสียอารมณ์ ไม่เคยปล่อยปละละเว้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็สอบสวน การที่มาพูดในสภาแล้วคนข้างนอกได้ยิน กลายเป็นว่าไอ้คนนี้ผิดไปแล้ว ขอให้เคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติก้าวล่วงอำนาจบริหารมากเกินไป ถ้าไม่ดีก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ใช่มาติติงพูดจาเสียหายแบบนี้ รับไม่ได้
ข้องใจไม่เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน
เวลา 18.00 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. อภิปรายถึงโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ว่า ขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ที่มีโครงการดีๆอย่างโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อเศรษฐกิจฐานราก แต่ไปๆมาๆกลับล้มเหลวขึ้นต้นเป็นบ้องไม้ไผ่ เหลามาเหลาไปเป็นบ้องกัญชา โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายรัฐบาล แต่ 8 ปี ไม่มีเกิด แม้แต่โรงเดียว เพราะติดเงื่อนไขการก่อตั้งที่ไม่จริงใจ อาทิ ให้นายทุนถือหุ้น 90% แต่ให้ชุมชนถือหุ้น 10% ตั้งโรงงานต้องมีเงินประกันสัญญา 500 ล้านบาท ชุมชนที่ไหนจะมี สุดท้ายต้องตกเป็นของทุนใหญ่ ที่ผ่านมาขอตั้งมา 43 โรง ถูกร้องฮั้วประมูลต่อ ป.ป.ช. เพราะเป็นเจ้าของเดียวกัน 20 โรง ทำไมกำหนดเงื่อนไข ให้ชุมชนถือหุ้นแค่ 10% เนื้อข้างเขียงให้ชุมชนไม่ได้ ส่วนนายทุนใหญ่ให้ไปลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ เป็นห่วงว่าจะใช้ข้ออ้างที่ 8 ปี ตั้งโรงงาน ขนาดเล็กไม่ได้ ไปรวบให้กลุ่มทุนใหญ่ทำหมด ดูเหมือน ฉลาดแกมโกง ทำไปทำมา โง่ไม่พอยังอมสเปโตด้วย
“ประยุทธ์” โต้ ปชช.เพิ่มหุ้นได้ 40%
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่า โครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก การถือหุ้น 10% ของชุมชน ให้ไปดูในรายละเอียด ประชาชนสามารถเพิ่มได้ถึง 40% ขึ้นอยู่กับความพร้อม ให้ไปดู ในรายละเอียดปลีกย่อย ทำไมถึงไม่อยากให้เกิด ส่วนการปฏิรูปตำรวจ รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายเรื่องการโยกย้าย การบริการประชาชน การแบ่งแยกสายงาน ตำรวจมีกำลังพล 2 แสนคน มีคนทั้งดีและไม่ดี ตำรวจคนไหนไปพัวพันให้แจ้งมาใครทำไม่ดีเรียกมา สอบดำเนินคดีอาญาทุกราย ขอให้ช่วยรักษาศักดิ์ศรีตำรวจ การติง่ายแต่ช่วยให้กำลังใจด้วย
ฉุนถูกหัวเราะเยาะแจงแก้น้ำท่วม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องแก้น้ำท่วมก็แก้อยู่ไปย้อนดู 8 ปี ทำอะไรไปบ้าง ที่บอกน้ำยัง ท่วมอยู่เพราะฝนตก ถ้าฝนไม่ตก น้ำก็ไม่ท่วม เมื่อ นายกฯพูดประโยคนี้จบ มี ส.ส.หลายคนหัวเราะในห้องประชุม ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับด้วย น้ำเสียงไม่พอใจว่า หัวเราะอะไร รู้ไหมปริมาณน้ำ สมัยท่านท่วมเท่าไร ตนทำน้ำท่วมลดไปเท่าไร ปี 57-58 ที่น้ำท่วมเพราะฝนตกเกิน 500 มิลลิเมตรต่อ ชั่วโมง ถ้าติว่ารัฐบาลไม่แก้ปัญหา ไม่เป็นธรรมเรื่อง บัญชีม้า วันนี้เห็นชอบ พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาให้ทันเวลาใน 1 ปี รับแจ้งความเรื่องบัญชีม้า 90,000 กว่าคดี อายัดได้ 60,000 กว่าบัญชี ส่วนการกล่าวหารัฐบาลกู้หนี้สร้างหนี้สาธารณะมากที่สุดนั้น 8 ปี รัฐบาลชุดนี้ชำระหนี้ในอดีตได้สูงสุด ชำระหนี้ไปแล้ว 2.6 ล้านล้านบาท รวมถึงหนี้ที่เกิดจากความเสียหายของบางโครงการก่อนปี 2557 ด้วย
ปชป.ชง “จุรินทร์” ชิงนายกฯ
วันเดียวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว ตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็นผู้เสนอ เป็นการเสนอชื่อบุคคลที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯที่จะยื่นต่อ กกต.ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ให้เหตุผลว่านายจุรินทร์มีความรู้ความสามารถ ทำงานการเมืองมายาวนาน มีประสบการณ์ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านตำแหน่งสำคัญมาแล้ว มีความซื่อสัตย์สุจริต การเสนอตัวบุคคลเพื่อชิงตำแหน่งนายกฯพรรคมีความเป็นเอกภาพ เชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถที่ไม่แพ้ใคร
“พิมพ์ภัทรา” ลา ปชป.ซบ รทสช.
ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล อดีต ส.ส.นคร ศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า การตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค รทสช. เพราะเชื่อมั่นในตัวนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รวมไปถึงคณะกรรมการพรรค รทสช.ทุกคน และความซื่อสัตย์สุจริตของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะเดินหน้าประเทศต่อไปได้ ทั้งนี้ในการสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. มีนายพีระพันธุ์ นายวิทยา แก้วภราดัย และผู้บริหารพรรค รทสช.ให้การต้อนรับ นายพีระพันธุ์ได้สวมเสื้อแจ็กเกตตราสัญลักษณ์พรรคให้กับ น.ส.พิมพ์ภัทรา ท่ามกลางแกนนำสมาชิกพรรคกลุ่มภาคใต้
พปชร.รับ 8 ขุนพลคืนสู่เหย้า
ช่วงบ่ายที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน สมาชิกพรรคร่วมแถลง “สร้างอนาคตไทยคืนสู่เหย้าพรรคพลังประชารัฐ” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 8 คน ประกอบด้วย 1.นายประจวบเหมาะ ภักดีชน จ.นครศรีธรรมราช 2.พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี จ.ชุมพร 3.นายกานต์ เพชรบูรณ์ จ.พังงา 4.นางปวีณา นิลแย้ม จ.ลพบุรี 5.นางศรัณยา สุวรรณพรหม จ.หนองบัวลำภู 6.นายมนตรี เพิ่มชัย จ.อุดรธานี 7.นายประวัติ กองเมืองปัก จ.มหาสารคาม 8.นายทวีศักดิ์ ประทุมล จ.มุกดาหาร
แจ้งจับมือแชร์คำสั่ง “วิชญ์” เก๊
นายวิรัชเปิดเผยว่า ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า นายอร่าม โล่ห์วีระ นายก อบจ.ชัยภูมิ เพิ่งมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ส่วนหนังสือปลอมที่ออกมานั้น แท้จริงคือ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค มาสมัครเป็นสมาชิกเมื่อ 25 ม.ค. ตั้งแต่มายังไม่มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค หรือตำแหน่งใดเลย ที่มีคนอ้างว่าหนังสือลงนามโดยประธานที่ปรึกษาพรรคให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ หยุดหาเสียง ได้ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิไปแจ้งความดำเนินคดีผู้แอบอ้างแล้ว ข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ได้สอบถามหลายคนว่ามีหนังสือฉบับนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่พรรคยืนยันว่าไม่มี และเชื่อมั่นว่า พล.อ.วิชญ์ไม่ได้เซ็น ฉะนั้นเป็นหนังสือปลอม ส่วนที่มีไลน์หลุดมีบางสื่อนำเสนอข่าวนั้น ถ้ามีชื่อใครคงต้องแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน
รทสช.เปิดนโยบาย 20 ก.พ.
นายธนากร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรค รทสช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 14 ก.พ. มีการรายงานความคืบหน้าการจัดวางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต คืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 90 เขตไหนมีผู้สนใจมากกว่า 1 คน ให้ทำโพลในพื้นที่ประกอบการตัดสิน ตามหลักการที่ พล.อ.ประยุทธ์วางไว้ เพื่อไม่ให้มีเด็กเส้น ส่วนนโยบายพรรคคาดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่เกินวันที่ 20 ก.พ. นอกจากนี้ในที่ประชุมนายเสกสกล อัตถาวงศ์ แกนนำพรรค รายงานความคืบหน้าการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 25 ก.พ.ว่า มีความพร้อมแล้ว คาดจะมีคนมาร่วมฟังปราศรัย 3-4 หมื่นคน
“อิทธิพล” ทิ้ง “คุณปลื้ม” ซุก “ตู่”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค รทสช.ว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม อดีตกรรมการบริหารพรรค พปชร. ตัดสินใจและรับปากจะไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรค รทสช. โดยนายอิทธิพลได้ลาออกจากพรรค พปชร. ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. แต่ยังไม่เซ็นใบสมัครเข้าพรรค รทสช. หากเป็นสมาชิกพรรค รทสช.แน่นอนแล้ว มีแนวโน้มจะไม่ลงสมัครส.ส.เขต จะอยู่ในบัญชีรายชื่อแทน ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นายสนธยา คุณปลื้ม ที่ขนทีมบ้านใหญ่ชลบุรี เข้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายอิทธิพลจะตามมาสมทบเพื่อไทย
พท.ตะลุยอีสาน 5 จังหวัด
ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรค พท.เตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใน 5 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.รวมทั้งหมด 9 เวที เพื่อนำเสนอนโยบายรับฟังความคิดเห็นประชาชนร่วมกับส.ส.และผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” นำโดย น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทั้งนี้พรรคจะประกาศนโยบายชุดสำคัญทันที ที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้เป้าหมายแลนด์สไลด์
เตือนสติ ส.ว.สุมไฟขัดแย้ง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีที่ ส.ว.ตั้งธงไม่โหวต น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ เรื่องนี้กรรมการบริหารพรรคยังไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯอย่างเป็นทางการ แม้โดยนัยว่าอาจมีชื่อ น.ส.แพทองธารอยู่ด้วย ย่อมต้องผ่านเงื่อนไข 3 ข้อ คือ คุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายมีความรู้ความสามารถที่ทุกคนยอมรับ และได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ขอให้ ส.ว.ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นตั้งสติ ใช้วิจารณญาณดีๆ ไม่ใช่เวลาเอาหน้าอ้างสิทธิโหวตนายกฯที่ไม่พึงมีแต่ต้นกับผู้มีอำนาจที่แต่งตั้ง ส.ว.มาสร้างแรงเสียดทานนำไปสู่ความขัดแย้ง
“ท็อป” ไม่คาใจ “ตุ๋ย” ย่องดูด
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีปัญหาที่พรรค รทสช. พยายามดึงคนของพรรค ชทพ. ไปลงสมัคร ส.ส.สุพรรณบุรีว่า ต้องขอบคุณนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. พูดคุยกันเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ในที่ประชุมครม.ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นสถานการณ์แบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโตไม่แปลกประหลาด เข้าใจแต่ละพรรคต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับพรรคตัวเอง เมื่อคุยกันเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบไปหลังเลือกตั้ง เหมือนฟุตบอลระหว่างเกมอาจต่อล้อต่อเถียงกันบ้างแต่เมื่อจบ 90 นาทีทุกอย่างก็จบ พ้นวันคงคะแนนก็มาว่ากันใหม่ การทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พรรคไม่เคยเอาประเด็นการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวในเมื่อถามว่า รทสช.ยืนยันส่งผู้สมัครในสุพรรณบุรีใช่หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า ต้องแล้วแต่นโยบายของแต่ละพรรค พรรค ชทพ.ทั้ง 5 เขต เราทำเต็มที่ในการป้องกันพื้นที่
กกต.ยื่นศาล รธน.ตีความแบ่งเขต
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของ กกต. ในการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีตามมาตรา 210 (2) ของรัฐธรรมนูญ 2560 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564 ประกอบมาตรา 7 (2) มาตรา 41 (4 ) และมาตรา 44 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 และข้อ 15 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562