กลุ่มเพื่อนหมอสุภัทรฯ ยื่นหนังสือถึง “ชวน หลีกภัย” และกรรมธิการกฎหมาย ตรวจสอบ “อนุทิน” ใช้อำนาจทางการเมืองสั่งย้าย “หมอสุภัทร” แฉซ้ำ ไปยื่นหนังสือถึงกระทรวงสาธารณสุข แต่กลับถูกปิดประตูใส่
วันที่ 15 ก.พ. 2566 กลุ่มเพื่อนหมอสุภัทรฯ นำโดย นายสมบูรณ์ คำแหง ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัยประธานสภา และ นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะโฆษกคณะกรรมธิการกฎหมายฯ ขอให้ตรวจสอบ นายอนุทิน ชาญ วีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่องสั่งย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา ไปโรงพยาบาลสะบ้าย้อย
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า มีข้อกังขาไม่ยุติธรรม โดยเชื่อว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ใช้อำนาจอิทธิพลในการดำเนินการย้าย ซึ่งตามหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 185 วรรค 3 ได้พูดถึงเรื่องของฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงอำนาจการบริหารงานข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข อาจเข้าข่ายผิด อาจจะต้องถูกถอดถอนตามมาตรา 101 ด้วย
เราต้องอาศัยอำนาจของรัฐสภาพร้อมฝากประสานไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ช่วยดำเนินการใช้ระบบรัฐสภาตรวจสอบพฤติกรรมของนายอนุทิน เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวหรือไม่ แม้รัฐสภาจะมีอายุที่จะทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้อีกไม่นาน แต่ตนเชื่อว่าเวลาที่เหลืออยู่จะเพียงพอที่จะจัดการปัญหานี้ ซึ่งจะได้เป็นบรรทัดฐานไม่ให้นักการเมืองใช้อำนาจของตัวเองเพื่อพวกพ้อง
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกรณีย้าย นพ.สุภัทร อย่างไม่เป็นธรรม และสาเหตุจากแรงจูงใจทางการเมือง ที่สำคัญจุดประสงค์หลักๆ คือการสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในวงการหมอ วงการสาธารณสุข หรือใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นหมออย่างเดียว แต่ออกมาขับเคลื่อนทางสังคมเรียกร้องความเป็นธรรม ก็จะโดนแบบเดียวกันเหมือนหมอสุภัทร นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่ นายอนุทิน พยายามส่งออกไปถึงหมอทุกคนว่า ถ้าพวกคุณไม่เชื่อฟัง พวกคุณก็จะถูกย้าย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเห็นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลแบบนี้
...
ตนค่อนข้างผิดหวังที่เราเห็นฝ่ายการเมืองมาทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอสุภัทร ไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้เป็นอำนาจเผด็จการ นายอนุทิน อยู่กับ พลเอกประยุทธ์ มากเกินไป อาจจะทำให้สุดท้ายใช้วิธีเผด็จการ การรังแกหมอดีๆ รังแกคนที่ต้องการปกป้องชุมชน ต้องการปกป้องประชาชน เราต้องชื่นชมที่หมอสุภัทรไม่ได้ทำหน้าที่หมออย่างเดียว แต่พยายามใช้เครดิตในสังคมในความเป็นหมอเพื่อต่อสู้ร่วมไปกับประชาชน
หลายเรื่องที่ อ.จะนะ ต้องให้เครดิตหมอสุภัทร การย้ายเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แม้การยื่นหนังสือครั้งนี้จะยื่นต่อกรรมาธิการกฎหมาย โดยมี นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นประธาน และส่วนตัวคิดว่ารู้จัก นายอนุทิน เป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้จะต้องไปคุยกับนายศุภชัยอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่เรานิ่งเฉยไม่ได้ ต้องผลักดัน
ขอให้กำลังใจการต่อสู้ของประชาชน และยืนยันว่าต่อสู้ครั้งนี้ต่อสู้กับความอยุติธรรม ดังนั้นเราต้องสร้างมาตรฐานหยุดความหวาดกลัวหยุดความรังแกข้าราชการน้ำดีเหล่านี้
ส่วนกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขแจ้งความขอให้ปิดเพจ “ชมรมแพทย์ชนบท” จะถือว่าเป็นการปิดกั้นข่าวสารหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า โดยหลักแล้วเป็นเสรีภาพในการที่จะมีเพจ facebook หากมีคำสั่งก็อาจจะกระทบต่อเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งตนคิดว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงที่สุดที่รับรองเสรีภาพเอาไว้ หลักการอันหนึ่งที่เราถือปฏิบัติมาโดยตลอด คือ การเป็นข้าราชการไม่ได้หมายความว่า คุณไม่มีเสรีภาพในการแสดงออกเลย ดังนั้นคุณยังมีเสรีและแสดงออกได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบหากมีการบรรจุเรื่องนี้สู่ในกรรมาธิการก็จะนำมาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า อำนาจในการย้ายเป็นของผู้ตรวจ ไม่ใช่นายอนุทิน ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายอนุทินจะชี้แจ้งแบบนี้ทำไม ทุกคนรู้ว่าคำสั่งมาจากไหน การเคลื่อนไหวของหมอสุภัทร ตนประเมินว่านายอนุทินรู้สึกได้รับผลกระทบ จึงใช้อำนาจย้าย และโยนว่าคนอื่นเป็นผู้กระทำ คือเรารู้ดีว่าใครเป็นคนเริ่ม ดังนั้นอย่ามาอธิบายแบบนี้ ผู้นำที่ดีไม่ใช่แอบอยู่ข้างหลังข้าราชการ การเอาข้าราชการประจำมาอยู่ด้านหน้า และให้เขารับกระสุน รับการปะทะจากประชาชน ก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี นายอนุทินทำอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ส่งผลดี
ชาวบ้านใน อ.จะนะ เล่าถึงเหตุการณ์ที่ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่แจ้งล่วงหน้าแล้ว แต่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มองเราเป็นประชาชน ปิดประตูใส่ ไม่มีตำรวจมาคอยดูแล ปล่อยไว้ตามลำพัง หากมีมือที่ 3 จะเกิดอะไรขึ้น สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจสำหรับประชาชนอย่างพวกเราเป็นอย่างมาก