หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ “ชุมชนคลองเตย” อ้อนชาวบ้านเลือก “กรณิศ” ดัน “อนุทิน” เป็นนายกฯ ย้ำ พร้อมยกระดับคนกรุงเทพฯ พูดจริง ทำจริง
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, ผู้บริหารพรรค อาทิ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย, นายศุภชัย ใจ สมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางไปพบปะประชาชนบริเวณตลาดชุมชนหมู่บ้านพัฒนา 70 ไร่ และปราศรัยย่อย ณ โดมชุมชนหมู่บ้านพัฒนา 70 ไร่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. โดยตลอดทางมีประชาชน เข้าไปทักทาย และขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก
นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยต้องการใช้ความรู้ ความสามารถในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ มาพัฒนา มาแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพ ซึ่งคนกรุงเทพเอง ก็มีปัญหาให้ต้องแก้ในหลายส่วน ทั้งเรื่องของที่ดินทำกิน ทั้งเรื่องของระบบรักษาพยาบาล อย่างปัญหาข้อพิพาท เรื่องที่ดินการรถไฟ ขอสัญญาว่าจะเข้าไปทำให้มันถูกต้อง เช่นการมีสัญญาเช่าระยะยาว เป็นต้น ส่วนเรื่องของระบบการรักษาพยาบาล ใน กทม. มีความเป็นอิสระในการจัดการตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริง ควรมีช่องทางให้กระทรวงสาธารณสุข เข้าไปช่วยเหลืออย่างคล่องตัว ต้องบูรณาการงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามองเรื่องเขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร การสร้างโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ให้สอดรับกับความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เราต้องการมีตัวแทนในพื้นที่ เพื่อให้การขับเคลื่อน มีความสะดวกรวดเร็วที่สุด
“ในทุกพื้นที่ เราเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะที่สุด รู้จักพื้นที่ของท่านดีที่สุด อย่างชุมชนตรงนี้ นางกรณิศ นับว่าทำงานให้ท่านมานาน รู้จักปัญหา และรู้วิธีแก้ปัญหา เป็นผู้แทนราษฎร ด้วยความวางใจของประชาชน ถ้าเลือกเข้ามา ก็ได้สานต่องานเลย พัฒนาพื้นที่กันไม่หยุดนิ่ง ที่สำคัญ ยังเป็นการเติมคะแนนให้หัวหน้าพรรคอย่างผม เพื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีความพร้อมแน่นอน และผมขอโอกาสจากพี่น้องประชาชน”
...
นอกจากนั้น นายอนุทิน ยังกล่าวถึงนโยบายของพรรค พร้อมย้ำว่า สิ่งที่นำมาเสนอ ขอให้คำมั่นว่าพูดแล้วทำแน่นอน เพราะเรามาด้วยความไว้วางใจของท่าน เราจะไม่ทำให้ความไว้วางใจนั้นสูญเปล่า ยิ่งกว่าจะมาได้ ต้องทำงานหนัก ต้องลงพื้นที่ ต้องหาเสียง พี่น้องก็ต้องมานั่งฟังพรรคภูมิใจไทยปราศรัย หลายคนเดินทางมาไกล ถ้าได้ตำแหน่งไปแล้ว ไม่ทำงาน ก็เหมือนดูถูกตัวเอง ก็เหมือนดูถูกประชาชน ตนเป็นนักการเมืองในระบบเลือกตั้ง และประชาชน มีความสำคัญสูงสุด เพราะนี่คือผู้ที่ตัดสินว่า ผมควรมี หรือไม่มีโอกาสทำงาน รับใช้ประชาชน
“ผมต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน ถ้าประชาชนสุขภาพดี มีความมั่นคง มีความมั่งคั่ง ประเทศไทยย่อมเจริญรุ่งเรือง อย่าลืมว่า ประชาชนคือฐานรากของประเทศนี้ ถ้าฐานแข็งแรง ประเทศ ก็ย่อมแข็งแรง”