“ชลน่าน” นำทีมเปิดตัวกลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรี เข้าเพื่อไทยอลังการ รวม 12 ชีวิต แบ่งเป็นลงเขต 10 คน บัญชีรายชื่ออีก 2 “สนธยา” ประกาศลั่นแลนด์สไลด์ยึดคืนทั้ง 10 เขต ย้ำมติ “บ้านคุณปลื้ม” ไม่แยกกัน “อิทธิพล” ตามมาสมทบภายหลัง “อนุทิน” ปัดส่งสัญญาณจับมือ “ทักษิณ” “ชัยชนะ” ยัน “สาธิต” อยู่ล่มหัวจมท้าย ปชป. “บิ๊กป้อม” ควง “บิ๊กแจ๊ส” ลุยปทุมฯ ขอพปชร.ยกทีม “บิ๊กตู่” ประชดใส่ พปชร. แน่จริงชูนิรโทษทั้งคุกเลยสิ แสลงหูจัดไม่ตอบโยง “ทักษิณ” “โกศล” แฉขาใหญ่โคราชงอแงแบ่งเขต ก้าวไกลดักคอ กกต.อย่าทำเลือกตั้งโมฆะ กกต.ไม่ยื่นตีความนับหัวต่างด้าว ถก 68 พรรคค่าใช้จ่ายหาเสียงส.ว. ตีรวนล่มองค์ประชุมแก้ รธน. ปิดสวิตช์ก๊วนลากตั้ง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมผู้บริหาร เปิดตัวกลุ่มบ้านใหญ่ชลบุรีเข้าพรรคสุดอลังการ นายสนธยา คุณปลื้ม สมาชิกพรรคเพื่อไทย หัวหน้าทีมชลบุรี ประกาศมั่นใจจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ครบทั้ง 10 ที่นั่งแบบแลนด์สไลด์ พร้อมยกชลบุรีเป็นพื้นที่บ้านใหญ่อยู่แล้ว
...
บ้านใหญ่ชลบุรีเปิดตัวเข้า พท.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.พ.ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ทั้ง 12 คน เป็นระบบเขตเลือกตั้ง 10 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน ประกอบด้วย 1.นายสนธยา คุณปลื้ม 2.นางสุกุมล คุณปลื้ม 3.น.ส.สุภีพันธุ์ หอมหวล 4.นายฉัตรชัย อั้งลิ้ม 5.นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ 6.นายแมน อินทร์พิทักษ์ 7.นายเชาวลิตร แสงอุทัย 8.นายพนธกร ใคร่ครวญ 9.นายสัมฤทธิ์ พงษ์วิรัตน์ 10.นายเดชา จันทร์เล็ก 11.นายสงกรานต์ ภาชนะ 12.นายชาญยุทธ เฮงตระกูล นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอบคุณนายสนธยาที่มาร่วมงานกับเรา เราเคยร่วมงานกันมาแล้วในปี 2548 สมัยพรรคไทยรักไทย เชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งปี 2566 ชาวชลบุรีจะเทคะแนนให้เราแลนด์สไลด์
“สนธยา” ลั่นยึดคืนทั้ง 10 เขต
นายสนธยา คุณปลื้ม สมาชิกพรรคเพื่อไทย หัวหน้าทีมชลบุรี กล่าวว่า ครั้งนี้ที่ทีมชลบุรีกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่านโยบายของพรรคมีการรับฟังจากประชาชน ครอบคลุมทุกความต้องการ ทีมชลบุรีมีความหลากหลายประกอบกับนโยบายของพรรคที่ตรงจุด บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจของเราจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งได้ เชื่อมั่นว่าจะได้แบบแลนด์สไลด์ เมื่อถามว่ามั่นใจจะกวาด ส.ส.ครบทั้ง 10 เขตหรือไม่ นายสนธยาตอบว่า มั่นใจ ผลงานพรรคเพื่อไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งผู้สมัครของเรา ทำให้เชื่อมั่น มั่นใจว่าจะแลนด์สไลด์ทั้ง 10 เขต เมื่อถามว่าทีมชลบุรีจะทวงคืนพื้นที่ทั้งหมดจากกลุ่มบ้านใหม่ได้หรือไม่ นายสนธยาตอบว่า เดิมชลบุรีเป็นพื้นที่บ้านใหญ่อยู่แล้ว ด้วยผลงานของทีมชลบุรีช่วงที่ผ่านมา การทวงคืนเป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทีมชลบุรีจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ทั้ง 10 เขต
“บ้านคุณปลื้ม” ไม่มีแยกกัน
เมื่อถามว่านายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จะตามมาด้วยหรือไม่ นายสนธยาตอบว่า พี่น้องทุกคน ในบ้านพูดคุยกันตลอด ความเป็นพี่น้องคือเราจะมาเพื่อไทย นายอิทธิพลขณะนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทำงานร่วมกับนายกฯได้ดี คงอยู่ไปจนครบวาระ บ้านเราแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบชัดเจน เป็นมติของครอบครัวเราจะไปไหนไปด้วยกัน เรามีมติร่วมกันในบ้านเราคือมาเพื่อไทย เราทำงานได้คุยกันตลอด และแม้นายอิทธิพลมาคงไม่มีปัญหาใน ครม. เราไม่แยกกันแน่นอน เมื่อถามอีกว่าจะเห็นภาพ รมว.วัฒนธรรม ช่วยพรรคพท.หาเสียงหรือไม่ นายสนธยาตอบว่า ตอนนี้นายอิทธิพลยังทำงานกับนายกฯ ก็ทำงานเต็มที่
เย้ย “บิ๊กตู่” คุยโตแลนด์สไลด์
นพ.ชลน่านกล่าวเสริมว่า บ้านใหญ่ชลบุรีเป็นบ้านใหญ่ยุคใหม่ ยึดมั่นกับประชาชนเป็นหลัก ด้วยแนวทางนี้จึงเป็นที่มุ่งหวังของประชาชนได้ เมื่อถามว่า นายกฯประกาศมั่นใจจะแลนด์สไลด์ไม่น้อยไปกว่าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่านตอบว่าขอบคุณที่เอาคำของเพื่อไทยไปขยายความ คำนี้เป็นเหมือนยี่ห้อของเพื่อไทยแลนด์สไลด์ คือชัยชนะอย่างถล่มทลาย ถ้าใช้ไม่เป็นหมายถึงพังทลาย ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงของคำว่าแลนด์สไลด์ด้วย อยู่ที่ประชาชน ภาพ 8 ปีที่ผ่านมาขายความซื่อสัตย์สุจริต ขายความสงบ มันชัดเจนว่าไม่ทำอะไรเลย ขายไม่ได้แล้ว
“ป้อม” เผย “อิทธิพล” ไม่อยู่แล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายสนธยา คุณปลื้ม เปิดตัวเข้าพรรคเพื่อไทยว่า “ไม่เป็นไร ของใครของมัน” เมื่อถามว่านายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กก.บห.พปชร.ยังอยู่กับพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ไม่อยู่ๆ แต่ในพื้นที่ชลบุรีไม่ต้องห่วง”
“โกศล” แฉมีคนงอแงแบ่งเขต
นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแบ่งเขตเลือกตั้ง จ.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต ของ กกต.จ.นครราชสีมา ถือว่าปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ กกต.กำหนดไว้ รู้และเข้าใจพื้นที่ ทำได้ถูกต้องเหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกพรรค ไม่พิสดารหรือฝืนความรู้สึกประชาชน แต่หลังปรากฏรูปแบบการแบ่งเขตออกมา มีผู้ใหญ่บางพรรคออกอาการงอแง เพราะไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวังไว้ เรียกว่าผิดแผนที่วางไว้ อยากฝากไปถึง กกต.กลางอย่าแก้ไข ถ้ามันผิดเพี้ยนจนประชาชนรับไม่ได้ อาจถือว่าส่อเจตนาไม่สุจริตอาจถูกครหาว่าถูกบังคับสั่งการจากผู้มีอำนาจได้ และฝากไปยังประชาชนขอให้สนับสนุนนักการเมืองที่ทำการเมืองอย่างสุจริต ไม่ซื้อเสียง ให้ไปทำงาน อย่าเลือกคนที่เข้ามาลงทุนเพื่อหวังอำนาจทางการเมืองไปหาประโยชน์
“อนุทิน”สวนนโยบายขายฝัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแสดงความเห็นเรื่องการใช้งบประมาณในโครงการต่างๆของนายกฯว่า บังเอิญชี้แจงเรื่องนี้ไม่ทัน นายกฯสั่งปิดประชุมไปก่อน ความจริงพรรคใดออกนโยบายอะไรมา หากทำไม่ได้พรรคนั้นต้องรับผิดชอบ ไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องกังวลในเรื่องเหล่านี้ ทุกพรรคต้องผลิตนโยบายมาให้ประชาชนพิจารณา ประชาชนรู้ว่านโยบายเหล่านี้ทำได้จริงจับต้องได้หรือไม่ หรือเป็นแค่นโยบายขายฝัน เมื่อถามว่านโยบายที่นายกฯพูดถึงเงินจำนวน 800,000 ล้านบาทเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เอ่ยถึงว่าเป็นพรรคใด ส่วนกรณีนำนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอโทษกรณีที่ลูกพรรคได้กล่าวพาดพิงถึงไปกราบขอโทษท่าน และเรามีแนวทางชัดเจนว่าการลงพื้นที่หาเสียงปราศรัยห้ามไปแตะเรื่องของพรรคอื่น
ปัดส่งสัญญาณจับมือ“ทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าไม่เคยคิดร้ายกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือเป็นการส่งสัญญาณจับมือทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ นายอนุทินปฏิเสธว่าไม่ใช่เลย เราพูดในสิ่งที่เรารู้สึก ว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เรื่องทางการเมืองเป็นอีกเรื่อง ไม่แน่ใจว่ามีใครไปตัดต่อตรงคำถามและช่วงท้ายที่พูดไปหยิบเพียงส่วนตรงกลางมาพูด “ผมบอกความรู้สึกไปว่าในพรรคภูมิใจไทยไม่มีใครไปคิดร้ายกับท่านนายกฯทักษิณ ส่วนเรื่องการเมืองวันนี้ต้องถือว่าต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างมีแนวทางของตัวเอง แค่นั้นเองไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณอะไรทั้งสิ้น ต้องไปฟังคำถามที่ถามก่อน”
รทสช.คึกปราศรัยใหญ่โคราช
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า พรรคจะจัดปราศรัยใหญ่ในวันที่ 25 ก.พ. ภายใต้สโลแกน “นายกฯลุงตู่ ลูกอีสาน หลานย่าโม” มั่นใจว่าคนรัก พล.อ.ประยุทธ์จะมาฟังกันมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครใน จ.นครราชสีมา และภาคอีสาน เท่าที่ลงพื้นที่ประชาชนให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช. อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯอีก เพราะนอกจากเป็นคนโคราชลูกหลานย่าโม ยังได้เห็นผลงานการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศมาตลอด มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.โคราชแน่
ยัน “สาธิต” ล่มหัวจมท้าย ปชป.
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราชจะย้ายพรรคว่า ยืนยันทั้ง 9 คน ไม่มีย้ายพรรค ยังอยู่กับประชาธิปัตย์ ขอเรียกร้องไปถึงทุกพรรคให้ยุติการปล่อยข่าวที่ไม่สร้างสรรค์ วันที่ 11-12 ก.พ.นี้ พรรคจะจัดสัมมนาผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 58 เขต ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง และทำความเข้าใจนโยบายพรรค ส่วนกระแสข่าวนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายพรรคสอบถามนายสาธิตแล้ว ยังยืนยันไม่ย้ายพรรค ยังอยู่กับประชาธิปัตย์ วันที่ 20 ก.พ. จะประกาศยืนยันเดินหน้ากับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
พปชร.เปิดอีกชุด 38 ขุนศึก ลต.
ที่พรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค 38 คน อาทิ กทม. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (ฟิล์ม) จ.สระบุรี ได้แก่ นายอรรถพล วงษ์ประยูร น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ นายองอาจ วงษ์ประยูร จ.กาญจนบุรี นางลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง ส่วนภาคอีสาน จ.ร้อยเอ็ด นายเอกรัฐ พลซื่อ นางรัชนี พลซื่อ นายวิรัชกล่าวว่า ถือเป็นชุดใกล้จะสุดท้ายแล้ว วันที่ 13 ก.พ. พรรคจะมีปราศรัยใหญ่ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี และวัน 14 ก.พ. ปราศรัยครั้งแรกที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. มีคำถามว่า “ป้อม” ไปปราบใครที่ศัตรูพ่าย ไม่ได้ปราบใคร แต่เราจะปราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
“บิ๊กป้อม” ควง “บิ๊กแจ๊ส” ลงปทุมฯ
ต่อมาเวลา 13.35 น. ที่ จ.ปทุมธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง เลขาธิการพรรค พปชร. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา จุดแรกไปที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ มีนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ปทุมธานี นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี รอให้การต้อนรับ ทันที่ที พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึงพอเห็นผู้ที่มารอรับถึงกับมีสีหน้ายิ้มแย้ม
เด็กร้อง “ทรงอย่างแบด” รับ “ลุง”
จากนั้น พล.อ.ประวิตรเดินทางต่อไปยังโรงเรียนวัดเวฬุวัน ติดตามแนวทางการพัฒนาคลองหมายเลข 3 มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานีทั้ง 7 คน มารอต้อนรับ พล.อ.ประวิตรยิ้มรับพร้อมกล่าวว่า “ขอให้ได้ทั้งทีมนะ” และเดินทักทายประชาชนที่มารอรับนำผ้าขาวม้ามาผูกให้มีบางส่วนขอจับมือ เข้ากอด และหอมแก้มชมว่า “หล่อจังเลย รักนะ” ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกําลังเดินออกจากโรงเรียนมีกลุ่มเด็กนักเรียนเข้าร้องเพลง “ทรงอย่างแบด” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มและร่วมร้องคลอไปกับเด็กๆ
“หนู-ป้อม” สับรางลุยกาญจน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10-11 ก.พ. พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรคมาลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัย 2 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี และนครปฐม พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรีทั้ง 5 คน ได้แก่ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ เขต 1 นายสมเกียรติ วอนเพียร เขต 2 นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน เขต 3 นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ เขต 4 และนายอัฏฐพล โพธิพิพิธ เขต 5 และวันที่ 11 ก.พ.เปิดเวทีปราศรัยที่ จ.นครปฐม พร้อมเปิดตัวนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 4
ขณะที่วันที่ 13 ก.พ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยกแกนนำพรรคไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.กาญจนบุรีเช่นกันพร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรีทั้ง 5 เขต เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ทั้งหมด เนื่องจากอดีต ส.ส.กาญจนบุรีทั้ง 4 คน ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยแบบยกทีม
“เจ๊หน่อย” อ้อนคนอุดรฯเทใจ
ที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผอ.สำนักปราบโกงฯ ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมเปิดตัวนายโอภาส พรหมโคตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี มีพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังกว่า 5,000 คน คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อุดรธานีเป็นเมืองหลวงประชาธิปไตย มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการต่อสู้กับเผด็จการ พรรคประกาศชัดเจนว่าขอยืนอยู่บนหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการทุกรูปแบบ ขอเชิญชวนมาร่วมกันสร้างประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงด้วยการเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ให้เป็นประชาธิปไตย โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง
เพื่อชาติเปิดบ้านรับทุกกลุ่ม
ด้านนายปวีย์ภัทร วัฒนศิริเศรษฐ โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า วันที่ 10 ก.พ.นี้ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เตรียมเปิดนโยบายกว่า 40 เรื่อง ที่ชั้น 9 อาคารวรรณสรณ์ พญาไทถือเป็นการเปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนพร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และจากนี้พรรคจะเปิดบ้านต้อนรับองค์กรภาคประชาสังคม เชิญกลุ่ม NGOs ที่ทำงานขับเคลื่อนสังคมในด้านต่างๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปให้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปเรื่อง “ต่างคนต่างเราเข้าใจกันด้วยภาษารัก” และ“How to find your lover in a big bad city”เป็นกิจกรรมเวิร์กช็อปสบายๆ สอดแทรกการเมืองและความรัก เพื่อเฉลิมฉลองวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึง
“บิ๊กตู่” โวย 5 ปีผลสำเร็จทุกมิติ
ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2566 มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร่วมประชุม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ประชุมการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติวาระที่ 2 ซึ่งวาระแรกเราทำผ่านมาแล้ว โดย 5ปีแรกก้าวหน้ามาตามลำดับ ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง ในแผนวาระที่ 3 ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าจะบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ดูแล้วกันว่า 5 ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรไปได้บ้าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอย่างต้องสมดุลกัน งบฯต้องเฉลี่ยแบ่งปันไปให้ได้ หากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา สามารถแก้ไขยุทธศาสตร์ได้ตลอด แต่ไม่ใช่ยกเลิก เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
ลั่นปรองดองไม่เกี่ยวนิรโทษ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ที่คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เตรียมข้อมูลให้ชี้แจงว่า ต้องเตรียมไว้อยู่แล้ว เขาพูดมาก็ตอบไปตามหลักการ เมื่อถามว่าเรื่องการสร้างความปรองดอง มีการพูดถึงเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่พูด ไม่เกี่ยวข้อง เรื่องกฎหมายไปว่ากัน การปรองดองคือการสร้างความรัก ความสามัคคี เคารพต่อกระบวนการยุติธรรม จะทำอะไรก็อย่าให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและหน้าที่เหมือนกันหมด
ประชด พปชร.ชูนิรโทษทั้งคุก
เมื่อถามว่าใครที่มีคดีทั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ ต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรมทั้งหมดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่ต้องถาม ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถามทำไม” เมื่อถามต่อว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลครั้งหน้าเตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ลองเสนอเข้าไปก็แล้วกัน ถ้าจะนิรโทษเฉพาะคนบางกลุ่ม แล้วคนอื่นต้องนิรโทษหมดเลยมั้ง ทั้งคุกเลยเพราะเป็นกฎหมายเดียวกัน ใครทำผิดกฎหมายต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้าจะเลือกปฏิบัติก็ไม่ถูก ผมว่ามันไม่ควร ผมไม่ได้ไม่ชอบใครเกลียดใคร ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องยอมรับผิดตามกระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นก็อยู่กันไม่ได้ มีแค่รับกระบวนการยุติธรรมเข้ามา สอบสวนมาสู้คดี มีทนาย มีศาล แล้วจะเอาอะไรกันอีก”
แสลงหูจัดไม่ตอบโยง “ทักษิณ”
เมื่อถามว่าถูกมองว่าเป็นการจับมือระหว่างเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับใคร แต่พูดถึงหลักการของการเป็นนายกฯ เมื่อถามว่าแต่อาจโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็คุณโยงเองไม่ใช่หรือ ผมไม่ได้พูดกับคุณเลย ไม่ได้ไปตอบคุณเรื่องนู้นเรื่องนี้ เพราะมันไม่ควรจะถามแบบนี้” ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากวงสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวตะโกนถามว่าใกล้หมดอายุรัฐบาลแล้วนายกฯมีภูมิต้านทานทางการเมืองเข้มแข็งพอหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่หันมายิ้ม และยกมือขึ้นชูกำปั้นให้
ถก “ชวน-พรเพชร” เหตุสภาล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือนอกรอบกับนายชวน นายพรเพชร และนายวิษณุ นานกว่า 10 นาที พล.อ.ประยุทธ์พูดคุยถึงกรณีประชุมสภาล่มซ้ำซาก รวมทั้งร่างกฎหมายที่ยังคงค้างอยู่ในสภา ก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับนายชวนกรณีสภาล่มว่า “ท่านก็บอกผม ซึ่งผมก็รับทราบ และขอบคุณ ผมก็พยายามเต็มที่ให้แล้ว”
ตั้ง “บิ๊กโป๊บ” หน.รวมแผ่นดิน
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่โรงแรมเซ็นทาราริเวอร์ไซด์ อ.เมืองเชียงใหม่ น.ส.กชพร เวโรจน์ ประธานที่ปรึกษาและหัวหน้าสาขาภาคเหนือ พรรครวมแผ่นดิน จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 เพื่อลงมติเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดยที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก “บิ๊กโป๊บ” อดีตผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล เป็นหัวหน้าพรรค แทน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรค ที่ลาออกไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในเขตภาคเหนือ พล.อ.ชัชชัยกล่าวว่า นโยบายสำคัญของพรรคคือการปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร ให้มีทหารอาชีพมากขึ้น และเน้นนโยบายปรองดองตามที่ผู้ก่อตั้งพรรครวมแผ่นดินวางไว้ รวมคนรักชาติและดำรงไว้ซึ่งสถาบัน
ก้าวไกลดักคอทำเลือกตั้งโมฆะ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ กกต.อ้างว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้จำนวนราษฎรตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งคนไทยและคนต่างด้าวว่า ความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ อาจเป็นเงื่อนไขในการนำไปสู่การเลือกตั้งโมฆะแบบที่เคยเกิดเมื่อปี 2549 ที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างเหตุผลเรื่องการจัดคูหาเลือกตั้งล้มผลการเลือกตั้ง เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ อาจมีคนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ อาจทำให้การจัดการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปกว่าที่กำหนด ทางออกที่ง่ายกว่าคือ กกต.ควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจน ถ้า กกต.ฝืนทำแล้วทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ คนที่ต้องรับผิดชอบแต่ผู้เดียวคือ กกต.ไม่ใช่ไปล้มผลการเลือกตั้งเพราะไม่ใช่ความผิดของประชาชน
กกต.ไม่ยื่นตีความนับหัวต่างด้าว
ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แนะนำให้ กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความประเด็นการนำบุคคลไม่ใช่สัญชาติไทยมาคำนวณการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า ยืนยัน กกต.ไม่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีดังกล่าว เพราะปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 86 ถ้าพิจารณาถ้อยคำที่ใช้จะเห็นว่าให้เอาจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรมาพิจารณา กกต.ยึดหลักการนี้แบ่งเขตมาตลอด ส่วนความเป็นห่วงจะมีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความคำว่าราษฎรนั้น ยืนยัน กกต.ทำตามที่กฎหมายเขียนไว้ แม้นายวิษณุแนะนำให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อเป็นบรรทัดฐาน แต่ กกต.เห็นว่าสิ่งที่พิจารณาเป็นไปตามข้อกฎหมาย
ถก 68 พรรคค่าใช้จ่ายหาเสียง
ต่อมาช่วงบ่ายสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมหารือกับพรรคการเมือง เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส. มีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานการประชุม มีตัวแทนจาก 68 พรรค เข้าร่วมประชุม เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้ง กระบวนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การรับเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง การกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อการเตรียมพร้อมในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
ส.ส.เขตใช้จ่ายได้ 1.7-6.5 ล./คน
นายอิทธิพรให้สัมภาษณ์หลังประชุมถึงการกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขต และบัญชีรายชื่อว่า กกต.กำหนดตุ๊กตาไว้ 3 รูปแบบ คือ 1.กกต.คิดเอง คำนวณจากปัจจัย 7 ประการ ได้แก่ อัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ดัชนีราคาผู้บริโภค น้ำมัน ดีเซล ราคาไม้อัดขนาด 4×8 ฟุต หนา 4 มิลลิเมตร กระดาษโปสเตอร์ขนาด 15.5×21.5 (ต่อแผ่น) ค่าไวนิลขนาด 1×3 เมตร (ต่อผืน) และฟิวเจอร์บอร์ด 130 เซนติเมตร × 3 มิลลิเมตร (ต่อแผ่น) หากสภาฯอยู่ครบวาระ ผู้สมัคร ส.ส.เขตใช้จ่ายได้คนละ 6.5 ล้านบาท พรรคการเมืองใช้จ่ายได้ 152 ล้านบาท ส่วนกรณียุบสภา ผู้สมัคร ส.ส.เขตใช้จ่ายได้คนละ 1.74 ล้านบาท พรรคการเมืองใช้ได้ 40.6 ล้านบาท 2.การนำปัจจัย 7 ประการ ไปหารือ 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงพาณิชย์ จะทำให้จำนวนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าที่ กกต.ตั้งตุ๊กตาไว้ 3.ข้อเสนอของ 3 หน่วยงาน ที่เห็นว่าควรคำนวณอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วยทั้ง 3 รูปแบบ พรรคการเมืองแสดงความเห็นหลากหลายทั้งเหมาะสม มากไป และน้อยไป กกต.จะมีแบบสอบถามความเห็นให้พรรคการเมืองแสดงความเห็นพอใจรูปแบบใด จากนั้นจะนำมาประมวลและส่งให้ที่ประชุม กกต. พิจารณาว่าจำนวนเท่าใดจะเหมาะสมก่อนออกประกาศ
ส.ว.ตีรวนไม่ร่วมถกแก้ รธน.
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษ มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และมาตรา 272 กรณีที่มานายกฯให้มาจาก ส.ส. และการตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและคณะเป็นผู้เสนอ หลังรอนานกว่า 2 ชั่วโมง องค์ประชุมยังไม่ครบ เนื่องจาก ส.ว.จำนวนมากไม่ยอมมาเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุม ทำให้ ส.ส.หลายคนแสดงความไม่พอใจ นายธีระชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า มี ส.ว.มาลงชื่อแค่ 44 คน จาก 250 คน ส่วน ส.ส.ลงชื่อ 275 คน ถือว่า ส.ส.ลงชื่อเกินกึ่งหนึ่งแล้ว รอเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ ส.ว.ไม่มาร่วมประชุม ขอตั้งข้อสังเกตว่าเล่นเกมองค์ประชุมหรือไม่ และถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
หายหัวอื้อไปไม่รอดสภาล่ม
แต่หลังรออีกพักใหญ่ จึงมี ส.ส.มาลงชื่อเพิ่มเติมจนครบองค์ประชุม สามารถเปิดประชุมได้ แต่ยังไม่สามารถเข้าสู่วาระได้ เพราะต้องโหวตลงมติในญัตติที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เสนอค้างไว้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา กรณีการจัดประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษ ดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภาหรือไม่ ต้องเสียเวลารอสมาชิกมาแสดงตนอีกร่วมชั่วโมง แต่มีสมาชิกมาแสดงตนเพียง 307คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม นายชวนจึงสั่งปิดประชุมในเวลา 12.05 น. โดยการประชุมครั้งนี้ มี ส.ว.ลาประชุมถึง 95 คน
รับหน้าชื่นเหตุปิดสวิตช์ ส.ว.
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวยอมรับว่า เป็นหนึ่งใน ส.ว.ที่ลาประชุม และสาเหตุที่ ส.ว.ลาประชุมกันมาก เพราะไม่พอใจที่นัดประชุมโดยไม่มาหารือกับ ส.ว.ล่วงหน้า นายชวนใช้อำนาจประธานรัฐสภา จัดระเบียบวาระประชุมแบบปัจจุบัน ทันด่วน ส.ว.ส่วนใหญ่มองว่านายชวนทำไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นประเด็นการหาเสียงของ ส.ส. ส.ว.ทำอย่างไรก็โดนด่าอยู่ดี ดังนั้น อยากด่าก็เชิญด่า
อ้างติดภารกิจลงพื้นที่กันเยอะ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวว่า ส.ว.หลายคนมีภารกิจล่วงหน้าลงพื้นที่โครงการ ส.ว.พบประชาชน และภารกิจคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มองว่า ส.ว.ไม่พอใจการแก้รัฐธรรมนูญที่เสนอปิดสวิตช์ ส.ว. ก็เป็นไปได้ อาจมี ส.ว.บางส่วนคิดเช่นนั้น จึงใช้วิธีไม่เข้าร่วมประชุม แม้จะมีองค์ประชุมครบ ลงมติโหวตอย่างไรก็ไม่ผ่าน เพราะต้องมีเสียงส.ว.รับหลักการ 1 ใน 3 หรือ 84 คน ดูแล้วยังไงก็ไม่ผ่านอยู่ดี เรื่องแก้รัฐธรรมนูญพูดมาแล้วหลายครั้งก็ไม่ผ่าน ก็ยังเสนอกลับมาอีก ช่วงนี้เป็นช่วงปลายสมัยรัฐบาล ย่อมมีเกมการเมืองเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ อย่างการพิจารณากฎหมาย ถ้าฝ่ายใดไม่พอใจกฎหมายฉบับใด ก็ใช้วิธีไม่ร่วมประชุม หรือไม่ร่วมแสดงตน
ฉะลากตั้งรับไม่ได้ถูกปิดสวิตช์
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า นับว่าเป็นความพยายามทำให้องค์ประชุมล่มของ ส.ว. มาแล้ว 2 ครั้ง แม้นายชวน หลีกภัย จะเชิญวิป 3 ฝ่ายหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว แต่ท้ายที่สุดมีความพยายามให้การประชุมล่ม มี ส.ว.อยู่ร่วมประชุมน้อยมาก มองเจตนาอื่นไม่ได้เพราะการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้กระทบโดยตรงกับ ส.ว. คิดว่า ส.ว.รับไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มี ส.ว.ลาประชุมมากเป็นประวัติการณ์บางส่วนมาประชุมแต่ไม่ร่วมแสดงตน ข้อเท็จจริงอำนาจเลือกนายกฯโดย ส.ว. ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเขาทำกัน สุดท้าย ส.ว.ไม่แสดงตน ไม่อยู่ในที่ประชุม ชี้ให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญ
ภท.ซัดฝ่ายค้านกลั่นแกล้ง “โอ๋”
อีกเรื่อง นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นคำร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีทำนิติกรรมอำพรางให้บุคคลอื่นถือหุ้นห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญ จำกัดแทนว่า นายศักดิ์สยามแจ้งโอนหุ้นไปหมดแล้ว ไม่ได้ทำนิติกรรมอำพราง และกรณีนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่มีมติออกมานายชวนเคยวินิจฉัยไม่ส่งเรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นเรื่องที่นายศักดิ์สยาม แทรกแซงการจัดทำงบฯตามมาตรา 144 มาแล้ว เท่ากับฝ่ายค้านฟ้องซ้ำ ไม่มีหลักฐานชัดเจน ฝ่ายค้านใช้ประธานสภาฯ และศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกัน
“วิษณุ” ชี้โพรงนับองค์ล่ม 152
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีความเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุม ระหว่างการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ถ้าล่มตอนอภิปรายถือว่าจบการอภิปราย ล่มวันแรกก็ถือว่าจบ หรือหากมีการอภิปรายกันไปแล้ว มีมือดียกมือขอนับองค์ประชุม ประธานอาจให้อภิปรายต่อในอีกวัน หรืออาจเห็นว่ามีการอภิปรายกันแล้ว องค์ประชุมไม่ครบก็แสดงว่าไม่ติดใจ ก็ถือว่าจบ คนที่สงสัยถามเมื่อถามก็ต้องอยู่ ถ้าไม่อยู่แปลว่าไม่มีอะไรจะถาม ไม่เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ต้องให้คนขออภิปรายให้ครบ เหมือนกับแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อแถลงเสร็จเปิดให้อภิปราย สักพักองค์ประชุมล่มถือว่าจบการแถลง
จับไต๋ “ตุ๋ย” เซ็นขึ้นเงินให้ อบต.
ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อติดตามความคืบหน้าการขอขึ้นค่าตอบแทนของผู้บริหารท้องถิ่น อบต. และสมาชิกทั่วประเทศว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข้อสังเกตว่าทำไมต้องรีบอนุมัติในนามเลขานายกฯ ทั้งที่เป็นอำนาจ รมว.มหาดไทย และเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ การใช้อำนาจปฏิบัติราชการช่วง 180 วันก่อนหมดวาระ ต้องดูว่าเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเอื้อต่อการได้มาซึ่งคะแนนหรือไม่ ทั้งนี้เงินที่ใช้ต้องมาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอง ไม่ได้เป็นเม็ดเงินที่รัฐบาลอุดหนุน ต้องดูว่าแต่ละท้องถิ่นจ่ายได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์มีฐานะเป็นหัวหน้าพรรค และนายกฯมีฐานะเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรค การทำอะไรที่ใช้อำนาจหน้าที่แม้ไม่เกี่ยวตัวเอง แต่มีเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ ล้วนแต่ไม่เหมาะสม