บรรยากาศโหมดเลือกตั้งคึกคักเต็มที่
ทุกพรรคการเมืองเร่งลงพื้นที่ พรรคใหม่ พรรคเก่าจัดทัพเปิดตัวผู้สมัคร ตีปี๊บนโยบายหาเสียงครึกโครม หลังเห็นสัญญาณเร่งรัด กฎหมายลูก 2 ฉบับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง บังคับใช้เป็นทางการ และการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ปิดจ๊อบใกล้ลงตัว
ไทม์ไลน์เลือกตั้งชัดขึ้นตามลำดับ ทุกพรรคจับกลิ่นตรงกัน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชิงยุบสภาก่อนรัฐบาลครบวาระ 4 ปี วันที่ 23 มี.ค.2566 แน่
สภาพที่กลไกนิติบัญญัติไม่รู้จะไปต่อได้กี่น้ำ ส.ส.ทยอยลาออกร่วม 40-50 คน กระทบงานในสภา องค์ประชุมล่มต่อเนื่อง การพิจารณากฎหมายไปต่อไม่ได้ เพิ่มปัจจัยรุกเร้าให้นักการเมืองเร่งให้จัดเลือกตั้งโดยเร็ว
สัญญาณยุบสภามาแรง ระดับที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ ยังเก็บทรงไม่อยู่ ไล่ “บิ๊กตู่” ยุบสภา กลางห้องประชุมสภา หลังเกิดเหตุสภาล่มซ้ำซาก
...
เลิกโชว์ความเป็นกลาง แสดงอารมณ์โคตรเบื่อให้เห็นชัดๆ กระโจนร่วมกดดันเกมยุบสภา เพราะ ส.ส.หมดใจทำหน้าที่ประชุมสภา ส่วนรัฐมนตรีก็หมดพลัง หนีการตอบกระทู้
ในสภาเต็มไปด้วยการล้างแค้นเอาคืน ไม่ได้มีแค่ฝ่ายรัฐบาลห้ำหั่นฝ่ายค้านเท่านั้น แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ก็ยังหันมาเปิดศึกล่อกันนัวเนีย
ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยเพิ่งโชว์อิทธิฤทธิ์ล่มประชุมสภา ถอนแค้นฝ่ายรัฐบาลด้วยกันที่ไม่ช่วยรักษาองค์ประชุมทำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ล่มซ้ำแล้วซ้ำอีก
ไม่มีคำว่าเพื่อนหรือถนอมน้ำใจ ลืมการรักษามารยาททางการเมือง ในช่วงนับถอยหลังเลือกตั้ง แม้แต่คำว่า “พี่น้อง” ก็พลอยถูกลดระดับความสัมพันธ์ให้เจือจาง
เกมชิงอำนาจ บ่อนทำลายความเป็นเพื่อน–พี่น้อง ให้เปราะบางเต็มที
อย่างที่พี่น้อง 2 ป. “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กำลังบู๊กันสะบั้นหั่นแหลก ชิงดีชิงเด่นแข่งกันลงพื้นที่ บลัฟกันไปมา
ในห้วงที่ค่ายพลังประชารัฐของ “พี่ใหญ่” เริ่มกลับมาตั้งตัวติด อานุภาพใจบันดาลแรง เป้าหมายเก้าอี้นายกฯคนที่ 30 ปลุกความฮึกเหิม “บิ๊กบราเธอร์” กลับมาฟิตปั๋ง มีเรี่ยวแรงเดินสายหาเสียงได้ทุกวัน ชิงพื้นที่ข่าวได้ตลอด
พลังประชารัฐกำลังไต่ระดับกลับมาแข็งแกร่งเหมือนวันเก่า
เริ่มรวบรวมแม่ทัพนายกองกลับมาได้เป็นกลุ่มก้อน ทีมบ้านใหญ่หลายก๊วนถูกสะกดอยู่หมัด ไม่ย้ายค่ายหนี อาทิ กลุ่มโคราช กลุ่มเพชรบูรณ์ กลุ่มปากน้ำ กลุ่มกำแพงเพชร
แม้แต่มุ้งใหญ่สุด “ก๊วนสามมิตร” ก็ส่งสัญญาณขอสวามิภักดิ์อยู่ที่เดิม อาจจะมีแตกเซลล์ย้ายออกไปบ้าง ก็แค่บางส่วน ไม่กล้ายกทัพหนีไปทั้งหมด
เซียนเขี้ยวลากดินประเมินทิศทางลมแล้ว ต้องร่วมหอลงโรงกันต่อไป แลกโอกาสได้เป็นรัฐบาล 99%
ทีมบ้านใหญ่ขออยู่ร่วมรังต่อ ซ้ำยังได้ทีม 4 กุมาร อุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน กลับมาตายรัง ชูจุดแข็งด้านเศรษฐกิจ และรอทีมผู้กอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นำไพร่พลเข้ามาเสริมทัพเพิ่มเร็วๆนี้
พลังประชารัฐใกล้กลับมาปึ้กทั่วแผ่นดินครบเครื่องทั้งเกมบนดินใต้ดิน
ต่างจากพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีดีแค่โชว์จุดขายชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เท่านั้น
ยกตำแหน่งให้เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค มอบบทบาทหน้าที่ชัดเจนในพรรค ไม่ได้ขาลอยเหมือนตอนอยู่พลังประชารัฐที่อยู่แบบไร้ตัวตน
“บิ๊กตู่” มีตำแหน่งในพรรคน้องใหม่เป็นทางการ ได้ชื่อเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่ไม่รู้จะช่วยบวกแต้มให้ต้นสังกัดได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผู้สมัครหลายรายเป็นพวกแถวสอง แถวสาม ไม่มีแสงในตัวเอง ขณะที่ความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเก่า
ชื่อชั้นรวมไทยสร้างชาติดูภายนอกเหมือนจะแข็ง แต่ภายในยังยวบยาบ ทรัพยากรบุคคลมีเยอะ แต่ฐานไม่แข็งก็ลำบาก
เอาแค่ระดับแม่ทัพใหญ่ “เดอะเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก็หายเงียบไปช่วงนี้ เพราะเลือกตั้งเที่ยวนี้ พลพรรคในสังกัดเจอของจริงในหลายพื้นที่
แม้กระทั่งภาคตะวันออกที่เป็นฐานที่มั่นหลัก มีแนวโน้มหืดขึ้นคอหนักแน่ เพราะรอบนี้ไม่มีกลุ่มบ้านใหญ่เป็นแบ็กให้เหมือนช่วงอยู่พรรคพลังประชารัฐ
แค่ชื่อ “เสี่ยเฮ้ง” เองจะได้รอดกลับมาในสารบบผู้แทนอีกรอบหรือไม่ ก็ยังต้องลุ้นหืดจับ
ขุนพลเอกข้างกายยังเหนื่อยหนักจะรอดหรือร่วง เลือกตั้งรอบนี้ “บิ๊กตู่” รับภาระเองแบกหลังหักแน่!!!
ทีมข่าวการเมือง