ราคาหุ้น “พรรคพี่” พลังประชารัฐ ดีดผึง จัดระดมทุนเข้าพรรครอบแรก รับไปเหนาะๆ 510 ล้านฯ เป็นอย่างต่ำ
170 โต๊ะ จัดเรียงแน่นห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ฯ
เมนูหรูหรารังสรรค์ผ่านปลายจวักของเชฟชั้นนำ
ยำส้มโอทับทิมสยามกับไก่ฉีกออร์แกนิก, กระทงทองไก่, ข้าวเกรียบปากหม้อนครชัยศรี, ต้มยำกุ้งลายเสือนครศรีธรรมราช, ปลากะพงบางปะกงอบสมุนไพร ตบท้ายด้วยของหวาน มูสมะม่วงแปดริ้วกับครีมมะพร้าวสดทับสะแก ราดซอสเสาวรส จากโครงการหลวง
ทุกเมนูคัดสรรจากวัตถุดิบชั้นดีในท้องถิ่น จากหลายจังหวัด มาประกอบขึ้นโต๊ะในมื้อสุดพิเศษนี้
สมราคาโต๊ะละ 3 ล้านฯหรือไม่ ถามใจกันดูเอง
งานนี้แว่วมาว่า 170 โต๊ะที่จัดไว้ไม่พอ ต้องมีการเสริมโต๊ะเพิ่มเติมอีก
เพราะหลายคนคงอยากเข้ามาฟัง “ลุงป้อม” ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าใหญ่พลังประชารัฐ เปิดใจบนเวที
โดยเฉพาะช่วงถาม-ตอบ ที่พิธีกรซักถามไปถึงคำพูด “ใช้ใจบันดาลแรง” ทำไมไม่ใช่แรงบันดาลใจ
ซึ่งก็ได้รับคำตอบแบบแมนๆ สไตล์นักรบโบราณ “เป็นเพราะสังขารร่วงโรยมาก แก่แล้ว เลยต่อสู้ด้วยเอาใจบันดาล ทำให้มีกำลังใจ ให้แรงทำงานต่อไปได้ ซึ่งเมื่อพูดแล้วรู้สึกใจฟู และยิ้มกว้างให้ทุกคน”
พอถูกซักถามเพิ่มเติม ทำไมชอบตอบ ไม่รู้ๆ “บิ๊กป้อม” ก็โชว์ลีลานักยุทธศาสตร์การทหาร
“บางเรื่องก็อาจจะรู้ แต่อยากให้ผู้รู้มากกว่ามาสั่งสอน มาบอกให้รู้เท่ากับคนที่รู้ คำว่าไม่รู้คือไม่รู้จริงๆ เพราะคนที่รู้อยู่รอบตัวเยอะแยะ จะเอาความรู้คนใกล้ตัวมาใส่ตัว แต่ตอนนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว พร้อมจะเป็นนายกฯคนที่ 30 แล้ว”
...
เป็นไงกับลีลา “พี่ใหญ่ บิ๊กบราเธอร์”
แม้สุขภาพร่างกายจะไม่เอื้อเต็มร้อย กับศึกใหญ่ และภารกิจสำคัญเพื่อชาติ ที่รออยู่ข้างหน้า
แต่สุขภาพใจถือว่าเกินร้อย ด้วยไฟแห่งความหวัง
ที่จะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ผู้นำ เป็น นายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย
การชูธง 3 พันธกิจหลัก เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ด้วย 1.สวัสดิการประชารัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ
2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม
และ 3.สังคมประชารัฐ เพื่อความสงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน
กับคำมั่นที่พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างพลังแห่งความสามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน นำพาประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง
การเมืองก่อนเลือกตั้ง กับหลังเลือกตั้ง มันต่างกัน ด้วยสมการตัวเลขจัดตั้งรัฐบาล
อำนาจที่มาคู่กับผลประโยชน์ ถ้าสมประโยชน์กันก็ดีไป
แต่ถ้าผลประโยชน์ขัดกันเมื่อไหร่ ก็บรรลัยเมื่อนั้น
ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันอยู่ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ กับ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่นไง
ครั้งหนึ่งเคยอยู่เคยต่อสู้ร่วมกันมา ถึงขั้นเรียกนายเรียกบ่าว
แต่ถึงวันที่ผลประโยชน์ไปคนละทาง เราถึงเห็นการลากไส้ออกมาให้ชาวบ้านได้ชมกัน
ความจริงก็เป็นที่รับรู้รับทราบ ว่าวงแตกกันมานานแล้ว
เพียงแต่ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็เลยต้องขย่มเขย่ากันหนักหน่อย
เรื่องของเรื่อง ก็แค่สกัดเกมแลนด์สไลด์ของนายใหญ่เท่านั้น.
เพลิงสุริยะ