วันเสาร์สบายๆวันนี้ ผมขอพาท่านผู้อ่านไป “เที่ยวสวรรค์” กันสักวันนะครับ เรื่องนี้ผมอัญเชิญมาจากหนังสือ “45 พรรษาของพระพุทธเจ้า” เล่ม 1 พระนิพนธ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่ง คุณบัณฑูร ล่ำซำ ซีอีโอ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย มอบให้ผมวันก่อน
ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา สวรรค์มี 6 ชั้น ทรงพระนิพนธ์ไว้ค่อนข้างยาว ผมจึงขอเริ่มตั้งแต่ สวรรค์ชั้น 3 ขึ้นไปก็แล้วกันนะครับ
“สวรรค์ชั้นยามา สวรรค์ชั้นที่ 3 ชื่อว่า ยามา หรือ ยามะ แปลว่า สิ้นไปจากทุกข์ หรือบรรลุทิพยสุขพร้อมพรั่ง อยู่สูงขึ้นไปจากสวรรค์ชั้นไตรตรึงส์หรือดาวดึงส์มาก เทพผู้เป็นราชาปกครองสวรรค์ชั้นนี้มีพระนามว่า สุยามะ
ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวว่า “ในชั้นฟ้านี้ไม่เห็นพระอาทิตย์เลย เพราะว่าอยู่สูงกว่าพระอาทิตย์มาก แต่เทพชั้นนี้เห็นกันได้ด้วยรัศมีแก้ว และด้วยรัศมีของเทพเอง และจะรู้ว่ารุ่งหรือค่ำด้วยอาศัยดอกไม้ทิพย์ คือเมื่อเห็นดอกไม้บานก็รู้ว่ารุ่ง เมื่อเห็นดอกไม้หุบก็รู้ว่าค่ำ เทพชั้นยามาไม่ปรากฏว่าได้ลงมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ไม่มีเรื่องอะไรเล่าไว้
สวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นที่ 4 ชื่อว่า ตุสิตา หรือ ตุสิตะ มักเรียกว่า ชั้นดุสิต แปลว่า ยินดีชื่นบาน คือมีปีติอยู่ด้วยสิริสมบัติของตน อยู่สูงขึ้นไปจากสวรรค์ชั้นยามามากเป็นทวีคูณ เทพผู้เป็นราชาปกครองสวรรค์ชั้นนี้ มีพระนามว่า สันตุสิต ท่านว่า พระโพธิสัตว์ผู้สร้างโพธิสมภารที่จะลงมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในมนุษย์ ย่อมสถิตอยู่ในชั้นฟ้านี้ เทพในชั้นนี้เป็นผู้รู้บุญรู้ธรรมเพราะพระโพธิสัตว์ได้ทรงแสดงธรรมสั่งสอนเนืองๆ ท่านได้เล่าเรื่องพระโพธิสัตว์ตามคติความเชื่อดังกล่าวแทรกเข้าตอนนี้ทีเดียว
ท่านว่าความโกลาหลอย่างขนานใหญ่ของพวกเทวดาทั้งปวงมีอยู่ 3 สมัยคือ สมัยเมื่อโลกจะวินาศ สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้น สมัยเมื่อพระเจ้าจักรพรรดิจะเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายในบัดนี้ ก่อนที่จะได้ลงมาเกิดในโลกนี้ ได้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต
เมื่อกาลใกล้กำหนดที่จะจุติลงมาตรัส เทวดาทั้งปวงก็เกิดโกลาหล พากันไปเฝ้าทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์ให้จุติลงไปตรัส พระโพธิสัตว์ได้ทรงตรวจดูสถานะ 5 อย่าง คือ กาล 1 ทวีป 1 ประเทศ 1 ตระกูล 1 มารดาและกำหนดอายุ 1...”
ตรงช่วงนี้ทรงพระนิพนธ์ไว้ค่อนข้างยาว ผมขอข้ามไป สวรรค์ชั้น 5 นะครับ
“สวรรค์ชั้นนิมมานรดี สวรรค์ชั้น 5 ชื่อว่า นิมมานรตี ไทยเราเรียกว่า นิมมานรดี แปลว่า อภิรมย์ยินดีในสิ่งที่นิรมิตขึ้น คือนอกจากทิพยารมณ์ที่ได้รับอยู่โดยปกติแล้ว ในเวลาที่ปรารถนาต้องการสิ่งใด ก็นิรมิตสิ่งนั้นขึ้น อภิรมย์ยินดีได้ เป็นส่วนอดิเรกหรือเป็นพิเศษ พูดง่ายๆว่า อยากได้สิ่งใดก็นึกเอาได้ เกิดเป็นสิ่งนั้นขึ้นดังใจนึก แต่จะมีขอบเขตเพียงไร ท่านหาได้แสดงไว้ไม่
สวรรค์ชั้นนี้สูงขึ้นไปจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาก เทพผู้เป็นราชาปกครอง ไม่ปรากฏว่ามีนามพิเศษ ก็น่าจะเรียกเป็นกลางๆว่า นิมมานรตีเทวราช ไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องเล่าถึงในคัมภีร์ทั้งหลายเช่นเดียวกับสวรรค์ชั้นยามา
สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี สวรรค์ชั้นที่ 6 ชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตตี เสียงไทยว่า ปรนิมมิตวสวัตดี แปลว่า ทำอำนาจของตนให้เป็นไปในโภคะทั้งหลาย ที่ผู้อื่นรู้ความคิดของจิตแล้วนิรมิตให้ ผู้ที่มาคอยนิรมิตให้นั้น ไม่มีกล่าวว่าเป็นเทพพวกไหนชั้นไหน คือดูตามเค้าความก็น่าเห็นว่า ต้องการแสดงความสุขสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง มีผู้มาคอยนิรมิตสิ่งที่ใจปรารถนาให้ ไม่ต้องนิรมิตเอาเองเหมือนอย่างชั้นที่ 5
แต่อีกนัยหนึ่ง คำว่าทำอำนาจให้เป็นไป ดูมีความว่า แผ่อำนาจไปครอบงำสิ่งที่ผู้อื่นเขานิรมิตไว้ คือใช้อำนาจไปครอบครองเหมือนอย่างคำว่า จักกวัตติ หรือ จักรพรรดิ แปลว่า ยังจักรให้เป็นไป คือใช้จักรแผ่อำนาจไปครอบครองโลก นัยนี้ดูก็เหมาะกับเรื่องพญามารที่จะกล่าวต่อไป...” สวรรค์ชั้นนี้มีเทพผู้ปกครอง 2 ฝ่ายครับ คือ ฝ่ายเทวราช กับ ฝ่ายพญามาร แบ่งกันเป็น 2 ก๊ก
พระนิพนธ์ชุดนี้มี 2 เล่มครับ วันหลังจะอัญเชิญมาเล่าสู่กันฟังอีก.
...
“ลม เปลี่ยนทิศ”