นายกรัฐมนตรี ย้อนนึกถึงวันที่ตัดสินใจเปิดประเทศ รู้ว่าเสี่ยงแต่คุ้มค่า ทำประชาชนยิ้มแย้มได้มากขึ้น เน้นย้ำสิ่งสำคัญ อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์วันนี้ (11 ม.ค. 2566) ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 1/2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า การประชุมวันนี้มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจขนาดกลาง และเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จะทำอย่างไรให้เขาเข้มแข็งขึ้น ทั้งการเงิน ระเบียบ การลงทะเบียน การให้บริการ การจดทะเบียนต่างๆ

ทั้งนี้ หลายอย่างก็อยากจะฝากให้ช่วยกันทำความเข้าใจ หลายอย่างดีขึ้น ส่วนที่ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ภายนอกที่เข้ามา แต่อย่าลืมว่าเราอยู่ได้วันนี้ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวที่กลับมานั้นกลับมาเพราะอะไร เราทำอะไรไว้บ้างจนเกิดผลงานวันนี้ เราเห็นประชาชนมีความสุขทุกครั้งที่มีการเดินทางไปท่องเที่ยว ประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใสกันมากขึ้น แน่นอนว่าต้องมีบางคน บางส่วน บางกิจกรรมที่ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ก็ต้องใช้เวลาแก้ปัญหา ซึ่งตนเองใช้เวลามาหลายปีแล้วแต่ต้องเดินหน้าต่อไปในวันข้างหน้าให้ได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน

...

“อะไรที่ดีก็สืบสานกันต่อไป อะไรที่ยังต้องแก้ไขผมก็แก้ไขทุกประเด็น เราก็ทำมานานพอสมควร หาให้เจอว่าวันนี้เราดีขึ้นเพราะอะไร ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ไปหาว่าเพราะอะไร ทุกคนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน และธุรกิจ ในการแก้ปัญหา เพราะรัฐบาลทำในเรื่องของนโยบาย กรอบการดำเนินการ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นประเทศเดินหน้าไปต่อไม่ได้”

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะสามารถทำให้จีดีพีโตขึ้นจากที่ตั้งไว้ 3.8% หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ต้องดูสถานการณ์ภายในประเทศว่าเป็นอย่างไร การแก้ไขปัญหาโควิด-19 เราสามารถควบคุมและป้องกันได้หรือไม่ เพราะเป็นความเสี่ยงอย่างมากในการเปิดประเทศ ซึ่งตนก็ตัดสินใจและถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า ถูกต้อง ที่ผ่านมาต้องย้อนไปดูว่า การที่เราเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดประเทศอย่างครบวงจร ก็ต้องกลับไปดูว่าดีขึ้นเพราะอะไร ส่วนไหนที่เป็นปัญหาก็แก้กันต่อไป นั่นคือการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โอกาสของเรามีเยอะ วิกฤติก็มีเยอะ เราต้องทำวิกฤติให้เป็นโอกาส อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด