'สุรเชษฐ์' พรรคก้าวไกล แนะใช้ทั้ง 2 ชื่อ สถานีกลางบางซื่อ และชื่อใหม่ ในเอกสารราชการ ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนป้ายให้คน "งง" ฝากประชาชนจับตา ก.คมนาคม ใกล้เลือกตั้งขยันผิดปกติ ดัน เมกะโปรเจกต์หลายแสนล้านผ่าน ครม.
วันที่ 4 ม.ค. 2566 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์เรื่องความเหมาะสมของการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ วงเงิน 33 ล้านบาท ระบุว่า มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมตรวจสอบแล้ว และเรื่องนี้มีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบด้วย จึงไม่ต้องกังวล ว่า ตนขอโต้แย้งสิ่งที่รัฐมนตรีคมนาคมตอบ ประเด็นแรก ป้าย 33 ล้านบาท จะราคาแพงเกินไปหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมสงสัยเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สังคมสงสัยมากกว่า คือ มีความจำเป็นอะไรถึงต้องเปลี่ยนป้ายจริงๆ เพราะโดยหลักการตั้งชื่อของสถานีขนส่ง ควรเป็นชื่อที่คนจำง่าย และทำให้รู้ว่าตำแหน่งของสถานีอยู่ตรงไหน เช่น สถานีรถไฟชินจูกุ (Shinjuku) ที่ตั้งอยู่ที่แขวงชินจูกุของกรุงโตเกียว สถานีกลางบางซื่อก็ตั้งอยู่ในเขตบางซื่อ กทม. ประชาชนคนต่างจังหวัด คนต่างชาติได้ยินชื่อก็นึกออกว่า ต้องไปที่ไหน
“ทางออกของเรื่องนี้ง่ายมาก คือให้สถานีมีทั้ง 2 ชื่อ สำหรับชื่อสถานีกลางบางซื่อ ควรคงไว้เพราะเป็นชื่อที่ประชาชนจำง่าย ส่วนชื่อใหม่ให้ใช้ในเอกสารราชการ จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนป้ายให้งง 2 ต่อ” สุรเชษฐ์กล่าว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สอง ขอฝากให้ประชาชนติดตามการใช้เงินแบบแปลกๆ ที่รอบนี้มากกว่าแค่ 33 ล้านบาท หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมดัน 9 เมกะโปรเจกต์ วงเงินหลายแสนล้านบาท ให้ผ่านคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของปีนี้ก่อนเลือกตั้ง เป็นวิธีการที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้มาตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช. น่าสังเกตว่า ช่วงก่อนเลือกตั้งกระทรวงคมนาคมจะขยันผิดปกติ รีบดันโครงการ โดยไม่มั่นใจว่าได้คำนึงถึงความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจก่อปัญหาได้ในอนาคต
...
“การเร่งสร้างโดยไม่พร้อมก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น มอเตอร์เวย์กรุงเทพ-โคราช ใช้แบบเก่าจากปี 2551 มาอนุมัติให้สร้างในปี 2559 ตามแผนคือเสร็จปี 2563 แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เสร็จ เกิดเป็นช่องว่างต้องหางบมาอุดเพิ่มโดยวิธีการเจรจากับเจ้าเดิม งบบานงานช้าแต่โฆษณาเอาหน้าไปเรื่อย เลื่อนเปิดไปเรื่อยๆ แทนที่ตอนนี้รัฐบาลจะเร่งสร้างของเก่าให้เสร็จ ก็เอาแต่จะเร่งอนุมัติของใหม่ เราทุกคนจึงต้องตั้งคำถามว่าทำไมการอนุมัติโครงการเช่นนี้จึงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนการเลือกตั้งทุกครั้ง” นายสุรเชษฐ์ กล่าว