“อลงกรณ์” เผย ฟรุ้ทบอร์ด แจงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยปี 64/65 คาด ครม. เร่งพิจารณาอนุมัติเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ชาวสวนลำไยทั่วประเทศ

วันที่ 31 ธันวาคม 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) ชี้แจงเกี่ยวกับโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 ว่า ตามที่ชาวสวนลำไยได้สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 นั้น ขณะนี้ รอเพียงคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยฟรุ้ทบอร์ดเสนอตามขั้นตอนตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนบัดนี้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 4 เดือน คาดว่าคณะรัฐมนตรีจะเร่งพิจารณาอนุมัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวสวนลำไยทั่วประเทศซึ่งประสบความเดือดร้อนจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ในฤดูกาลผลิต ปี 2564/2565 เพื่อให้ชาวสวนลำไยมีทุนไปปรับปรุงสวนเพื่อเพิ่มผลผลิตทันต่อฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้ หลังจากฟรุ้ทบอร์ดเสนอโครงการต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้ลงนามเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนผ่าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ลงนามในหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นการเร่งด่วนในโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565

...

โดยมีเงื่อนไขกรอบแนวทางช่วยเหลือที่กำหนดไว้ ดังนี้ ขนาดพื้นที่ปลูกรายละไม่เกิน 25 ไร่ ในอัตรา 2,000 ต่อไร่ กรอบวงเงินทั้งหมด 3,821.54 ล้านบาท แยกการใช้เงินเป็น
1.) เงินทุนผ่าน ธกส. ดังนี้
(1) เงินเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย อัตราไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ จำนวน 3,821,537,038 บาท
(2) ค่าบริหารจัดการโครงการ สำหรับ ธกส.ครัวเรือนละ 7 บาท จำนวน 1,354,388 บาท
(3) ค่าชดเชยต้นทุนให้ ธกส. ร้อยละ 2.25 ของวงเงินเยียวยาที่ต้องจ่าย 83,842,650 บาท
2.) ค่าบริหารจัดการโครงการของ กรมส่งเสริมการเกษตร 10,000,000 บาท

“สำหรับโครงการเยียวยาชาวสวนลำไยครั้งนี้ดำเนินการเช่นเดียวกับโครงการในอดีตด้วยเงื่อนไขและวิธีการเดียวกัน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรนำเสนอตัวเลขข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วต่อฟรุ้ทบอร์ดและมีมติเห็นชอบเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามเมื่อต้นเดือนกันยายนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนที่ถูกต้องแล้ว รอเพียงคณะรัฐมนตรีอนุมัติเท่านั้น”