สื่อทำเนียบฯตั้งฉายารัฐบาลแสบสัน “หน้ากากคนดี” ฉายตัวอย่างออกนโยบายกัญชาสร้างปัญหาสังคม จัดเต็มจุกๆนายกฯ “แปดเปื้อน” ติดหล่มปมวาระ8 ปีดิ้นสืบทอดอำนาจ ถูกคุ้ยปัญหาใต้พรม ไม่ได้ใสสะอาดผุดผ่อง “บิ๊กป้อม” ตัวสำรอง เป็นได้แค่ “ลองนายกฯ” ตามคำสั่งพักงานนายกฯตู่ “วิษณุ” เปรียบ “เครื่องจักรซักล้าง” ตัวช่วยรัฐบาล “อนุพงษ์” รับฉายา “หน้าชัด หลังเบลอ” “อนุทิน” ฉายา “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” หลังดันสุดลิ่มกัญชา แต่ค้างเติ่ง หยอกแรงประกันรายได้ของ “จุรินทร์” แต่ของจริง “ประกันไรได้” “ชัยวุฒิ” รับบท “วันทอง 2 ป.” “ประยุทธ์” ควันออกหูฉะประเพณีบ้าๆบอๆ โวยตั้งมาดิสเครดิต พท.สะใจชมเปาะโดนใจ “ชลน่าน” ฟุ้งเรตติ้ง 42 เปอร์เซ็นต์ปูทางชนะแลนด์สไลด์

สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ร่วมกันสะท้อน ผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผ่านการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2565 โดยรัฐบาลได้รับฉายาหน้ากากคนดี ขณะที่นายกฯ ถูกขนานนาม “แปดเปื้อน”

...

สื่อตั้งฉายารัฐบาล “หน้ากากคนดี”

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของ สื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ซึ่งปีนี้ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรีและวาทะแห่งปี ดังนี้ ฉายา รัฐบาล “หน้ากากคนดี” เป็นอีกหนึ่งปี ที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายเป็นปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจ เพียงเพราะต้องการเช็กลิสต์ ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นโยบายประชานิยมที่ออก แนวหาเสียงให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือการประกาศแก้ไข รัฐธรรมนูญ มีความคลุมเครือว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะ เป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนาม รัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้นจริงหรือไม่

ผู้นำเจอจุกๆ “บิ๊กตู่” แปดเปื้อน

ขณะที่ฉายา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม “แปดเปื้อน” เพราะปมวาระดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกฯต่อเนื่องยาวนาน พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นนายกฯคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้จะ เป็นเวลาเพียง 38 วัน ก็ทำให้สังคมเคลือบแคลงในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มักจะพูดเสมอว่าไม่ยึดติดอำนาจทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้นใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรค การเมือง หรือแม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป

“บิ๊กป้อม” เป็นได้แค่ “ลองนายกฯ”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้ฉายา “ลองนายกฯ” แม้จะเป็นเวลาเพียง 38 วัน ที่ทำหน้าที่ นายกฯ ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ พล.อ.ประวิตร ทำอย่างสุดกำลัง แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ลองเป็นนายกฯ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร ทำหน้าที่แทนมาตลอด แต่อาจไม่ยาวนานเช่นครั้งนี้ ซึ่งมีอำนาจเต็มในขณะนั้น ถึงขั้น หากจะยุบสภาฯ ก็สามารถทำได้ บรรดากองหนุนและ กองเชียร์ ปั่นกระแสจนเคลิ้ม ถึงกับประกาศใช้ “ใจบรรดาลแรง” ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ลุยงานรัวๆ ทำเอากองเชียร์นายกฯ ตัวจริง ร้อนๆ หนาวๆ แต่สุดท้ายก็ได้แค่ “ลอง” เท่านั้น

“วิษณุ” กลายร่าง “เครื่องจักรซักล้าง”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ฉายา “เครื่องจักรซักล้าง” ด้วยความเอกอุด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ ถูกใช้สนองตอบความต้องการของ รัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งพรรคหลักพรรคร่วม ไม่มีเลือก ปฏิบัติ ช่วยยกภูเขาออกจากอก ลดปัญหาหนักใจ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องจักรกล คอยซักล้างความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลให้ผ่านพ้น เรื่องไหนผ่านมือ เนติบริกรคนนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครโต้แย้งได้ เช่น ปม 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่เรื่องเหมืองทองอัครา

“อนุทิน” ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ฉายา “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” เพราะคำว่า “พูดแล้วทำ” คือสโลแกนพรรค ภท. แต่ทำแล้วสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แม้จะปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด แต่กฎหมายควบคุมกลับค้างเติ่งติดดอย ไปต่อไม่ได้ เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลาย เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างง่ายดาย จวนตัวกลับโยนให้เป็นภาระเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ หัวจะปวดกันทั้งประเทศ ขณะที่บทบาทพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่เมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นกลับสวมบทไดโวโชว์พลังดูด ส.ส. นักการเมืองทั้งจากพวกเดียวกันและต่างขั้ว ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดดเด่นไม่แพ้นำเสนอนโยบายกัญชา

หยอกแรง “จุรินทร์” ประกันไรได้

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ได้ฉายา “ประกันไรได้” เพราะ “ประกันรายได้” เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรค ปชป. นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่นั่งกระทรวงค้าขาย ก็จัดหนักนโยบายนี้จนแทบไม่โฟกัสงานอื่น ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด แต่สินค้าเกษตรกลับต้องทุ่มเงินไปประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามการแก้ปัญหาด้วยวิธีประกันรายได้ว่าถูกทางจริงหรือ ที่ว่าประกันนั้นประกันไรได้บ้าง

“รองดอน” ผลงาน “ลุ่มๆดอนๆ”

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ได้ฉายา “ลุ่มๆ ดอนๆ” เอเปก ถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งในรอบ 20 ปีของไทย ที่มาพร้อมโอกาสทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 นโยบายเปิดประเทศจึงเป็นความหวังของทุกคน แต่บทบาท รมว.ต่างประเทศกลับไม่สามารถสร้างการรับรู้หรือดึงดูดความสนใจของคนในประเทศได้เท่าที่ควร จึงเหมือนรับรู้กันเฉพาะในวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดถึงความสนใจจากทั่วโลกที่ดูน้อยมาก จนเกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาลในอดีตที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ล้มเหลวตั้งแต่ระบบลงทะเบียน ลามจนถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์โหมโรง ไม่ลุกโชนตามความตั้งใจ แม้แต่ธงโบกสะบัดยังปักเป็นหย่อมๆ ก่อนงานไม่กี่วัน และมีเสียงเล่าลือกันหนาหูว่าการทำงานในกระทรวงร่วมกับข้าราชการลุ่มๆดอนๆไม่เปิดกว้างรับฟัง ทำงานล่าช้า ตกยุค ไม่ทันสมัย

“สุพัฒนพงษ์” รมต. Powerblank

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ได้ฉายา “Powerblank” วิกฤติพลังงาน เป็นปัญหาสาหัสสำหรับคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก หลายมาตรการที่เข็นออกมาไม่ขาดสาย นอกจากชักเนื้อรัฐบาลมาอุดหนุน ยังไม่เห็นว่ามีสิ่งไหนทำได้จริง ยิ่งการล้วงเงินจากกระเป๋าเอกชนอย่างโรงกลั่นน้ำมันโครมครามอยู่พักใหญ่ แล้วก็หายไปกับสายลม เหมือนการขายที่ดินให้ต่างชาติแลกเงินลงทุน เกิดกระแสตีกลับระเนนระนาด ถอยตั้งหลักแทบไม่ทัน จึงเกิดข้อสงสัยกันว่าเป็นรัฐมนตรีพลังงานหรือรัฐมนตรีไม่มีพลังงานกันแน่

“อนุพงษ์” หน้าชัด หลังเบลอ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ฉายา “หน้าชัด หลังเบลอ” ในบรรดาพี่น้อง 3 ป. พล.อ.อนุพงษ์สามารถควบคุมภาพลักษณ์ที่แสดงออกต่อสาธารณชนได้สงบนิ่งที่สุด แม้สื่อมวลชนจะได้สัมผัสความหลากของอารมณ์ขึ้นลง ไม่ต่างจากพี่น้องอีก 2 ป.ก็ตาม เบื้องหน้าเราจะได้รับรู้และเห็นเฉพาะในสิ่งที่ต้องการให้เห็นเท่านั้น แต่ฉากหลังกลับคลุมเครือไม่ชัดเจน เรียกได้ว่าเก็บมิด ปิดเงียบ ถ้าไม่ได้เห็นคะแนน ไว้วางใจที่มาเป็นอันดับโหล่ ไม่มีทางรู้เลยว่าเกมเขย่าเก้าอี้ มท.1 ไต่ระดับทะลุ 10 ริกเตอร์ไปแล้ว

“สุชาติ” สมบทบาท รมต.แรงลิ้น

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ฉายา “รมต.แรงลิ้น” เพราะยังคงคอนเซปต์ ปากหวานไม่สร่าง ขยันอวย พล.อ.ประยุทธ์ ขั้นสุดในทุกด้าน เอ่ยปากแต่ละครั้งแรงจัดชัดเจน ต้นปีเปิดศึกแตกหักบ้านใหญ่เมืองชล จนเกิดวิวาทะ “ทรยศ หักหลัง” สนั่นออนไลน์ ปลายปีตีจาก พล.อ.ประวิตร คนที่ออกปากเองว่ารักเหมือนพ่อ พร้อมข้อครหาหอบ ส.ส. ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปากบอกว่ารักเหมือนแม่ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ลิ้นมหาเสน่ห์วาดวิมานในทุ่งลาเวนเดอร์ จะขนพลพรรค มาเป็นฐานดัน พล.อ.ประยุทธ์ สู่เก้าอี้นายกฯอีกสมัย แว่วว่าเจ้าที่บ้านหลังใหม่แรงไม่แพ้ใคร เกิดอาการลิ้นคับปาก คับที่อยู่ยาก คับใจก็ต้องทนอยู่

“ชัยวุฒิ” แสบสันเป็นวันทอง 2 ป.

คนสุดท้าย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ฉายา “วันทอง 2 ป.” ด้วยรักและเคารพพี่น้อง 2 ป. ทั้งไปไหนไปกัน ตามติดแทบทุกภารกิจ ครั้นมาถึงทางแยก ต้องเลือกว่าจะไปต่อกับใคร จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจเหตุการณ์ที่ทำเอานักข่าวลืมไม่ลง นั่นคือ วันที่ 2 ป. มีภารกิจชนกัน แม้แยกร่างไม่ได้ แต่มีวิชาแยกเงา เช้าบึ่งรถไปส่ง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเครื่อง ก่อนส่งทีมงานตามติดไปแทน บ่ายรีบบึ่งรถรีบไปเดินตาม พล.อ.ประวิตร ทำภารกิจลงพื้นที่ เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง เปรียบเสมือนกับนางในวรรณคดีอย่าง “วันทอง” ที่รักขุนแผนแต่แพ้ความดีขุนช้าง ยากจะตัดสินใจว่าจะไปต่อกับใครดี

วาทะแห่งปี “เกลียดไม่เกลียดก็ช่าง...”

ขณะที่วาทะแห่งปี คือ “เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ในหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ

นายกฯสั่ง ศธ.สอบครูยัดข้อมูลอันตราย

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สภาทหารผ่านศึก (อผศ.) ครั้งที่ 4/2565 ถึงกรณีครูให้ความคิดเห็นที่เป็นอันตรายในสถานศึกษาว่า ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้สั่งการให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ไปดูในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และตั้งกรรมการสอบสวนทุกกรณี ทั้งผู้ปฏิบัติ ผอ.โรงเรียน และผู้รับผิดชอบเขตการศึกษาในพื้นที่และรายงานให้ตนได้รับทราบ ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐจะดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม ขอให้ทุกคนมีหน้าที่เฝ้าดูลูกหลาน

ลั่นทำทุกทางนำคนหนีคดีกลับไทย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้ติดตามเรื่องต่างๆมาตลอด แต่ประเด็นสำคัญคือปัญหาคดีในต่างประเทศเป็นการตัดสินใจของประเทศปลายทาง หากจะส่งตัวผู้หลบหนีคดีกลับมาประเทศไทย ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางที่บุคคลดังกล่าวอยู่ เพราะบางครั้งผิดกฎหมายประเทศไทย แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายประเทศอื่น ต้องพิจารณาทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน ยืนยันจะทำทุกวิถีทางพร้อมกำชับที่จะขอตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะได้ แต่จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง คนที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศไม่สมควรจะต้องพูดมาก ขอให้ทุกคนเข้าใจ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากมีผู้หนีคดีทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ของประเทศไทยในแง่ลบ

ฉุนสื่อประเพณีตั้งฉายาบ้าๆบอๆ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโพลว่า มีคะแนนนิยมมากขึ้น หลังประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ นายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่าไม่สนใจ พร้อม โบกมือปฏิเสธจะตอบคำถาม แล้วเดินขึ้นห้องประชุมทันที ต่อมาเวลา 09.28 น. ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วันที่ 29 ธ.ค.จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติว่า “ขอบคุณฉายาสื่อ ขอบคุณมาก” เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับฉายารัฐบาลหน้ากากคนดี และฉายานายกฯ แปดเปื้อน พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นรถพร้อมกับปิดประตูด้วยสีหน้าบึ้งตึง พร้อมโบกมือกล่าวว่าไม่สนใจ ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่าเป็นประเพณีปฏิบัติของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล นายกฯกล่าวสวนทันทีว่า “ประเพณีบ้าๆบอๆอย่างนี้ไม่มี” พร้อมโบกมือไล่สื่อมวลชนอีกครั้ง

ไม่รู้สมัครสมาชิก รทสช.วันไหน

เมื่อถามย้ำอีกว่า จะไปสมัครสมาชิกรวมไทย สร้างชาติก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวอย่างเสียงดัง ว่า “ไม่มี ไม่รู้ ไม่ทราบ” เมื่อถามอีกว่านายกฯ งอนหรือไม่ นายกฯปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

โวยสื่อดิสเครดิตน่าดู

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายกฯเดินทางไปประชุมสภากลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม ภายหลังประชุม พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาปฏิบัติงานต่อจนถึงเวลา 16.30 น. ก่อนเดินไปเปิดงานมหาธีรราชเจ้ารำลึก มหกรรมวัฒนธรรม ครั้งที่ 19 ประจำปี 2566 ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม ระหว่างเดินลงจากศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมนายกฯยิ้มโบกมือทักทายสื่อ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งถึงการตั้งฉายาของสื่อทำเนียบรัฐบาลว่า “ตั้งอะไร ดิสเครดิตน่าดู”

เปิดงานนครปฐมทีม รทสช.แห่ตาม

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายกฯไปถึงลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ องค์พระปฐมเจดีย์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธี ท่ามกลางประชาชนมารอต้อนรับและมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจให้ “นายกฯสู้ๆ รักลุงตู่และลุงตู่ forever” เมื่อนายกฯเดินผ่านกลุ่มสื่อมวลชนได้ถอดหน้ากากอนามัย ส่งยิ้มหวานยกมือรับไหว้สื่อมวลชน ทั้งนี้ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กรรมการบริหารพรรค รทสช. พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร หรือเสธแก้ว ส.ส.นครปฐม เขต 1 พรรค ปชป.ที่มีกระแสข่าวจะย้ายมาพรรค รทสช.มาร่วมต้อนรับด้วย

“ชัยวุฒิ” ยิ้มรับสะท้อนรักทั้ง 2 ป.

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงฉายารัฐบาลปี 65 ว่า ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ปีนี้ก็ได้ตั้งฉายาให้กับตน ถือเป็นความประทับใจที่สื่อมวลชนยังคิดถึง และจาก ฉายานี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าตนตั้งใจทํางาน รักและศรัทธาทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ ที่ทั้งสอง ป. ก็มาจากพรรคพลังประชารัฐ ก็ทํางานร่วมกับหัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ประวิตรมาอยู่ ครม.ทํางานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทําให้รักและผูกพันกับทั้งสองท่าน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า เรื่องฉายา ไม่มีความเห็นอะไร คำว่าเพาเวอร์ แบลงก์ ถ้าทำได้ใน 2-3 เดือนจะทำ ถึงบอกว่าใครทำอะไรพูดอะไร เอาความจริงมาคุยกันแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤติพลังงาน ชมรม/สมาคม และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ต้องยอมรับว่าเป็นทั้งผู้สร้างปัญหาและผู้แก้ปัญหาได้ด้วย เช่นเดียวกับรัฐบาล ต้องแก้ปัญหาไปด้วยกัน

“หนู” โบ้ยใครทำติดดอยมารับผิดชอบ

ที่สถาบันโรคผิวหนัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” ว่า อยู่บนดอยก็อยู่ บนที่สูง ปลอดภัยดี ที่บอกว่าคำว่าพูดแล้วดอยหมายถึง เรื่องกัญชา ติดเพราะคนอื่น ไม่ใช่ติดเพราะหนู พรรค ภท.ส่งกฎหมายเข้าสภาฯ เรียบร้อย ผ่านกรรมาธิการเรียบร้อย ภท.ดันมาสุดแล้ว ไม่มีอะไรที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ เราทำหมดแล้ว ถ้ามีอุปสรรคใดๆคนที่ทำให้ เกิดอุปสรรค ทำให้ประชาชนไม่ได้กฎหมายที่ดีมาควบคุมรับผิดชอบไป เมื่อถามว่าพรรค ภท.ดูด ส.ส.เก่าพรรคอื่นด้วย นายอนุทินกล่าวว่า “บอกแล้วไง ว่าไม่เคยดูด เป็นพรรคของประชาชนทุกคน ใครคิดว่า นโยบายพรรค ภท.ทำแล้วเกิดผลส่งผลทำได้ เขาก็มา ร่วมงานกัน เราไปปิดกั้นใครไม่ได้ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อะไรที่ทำมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งนั้น” ทั้งนี้ ปีใหม่ 2566 ขอให้สิ้นทุกข์ สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

“ชลน่าน” ฟุ้งเรตติ้ง 42% สู่แลนด์สไลด์

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพท.ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ เพิ่มเติมอีก 21 คน โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ประกาศเพิ่มเติม 21 คน คุณสมบัติพร้อม มีความรู้ ความสามารถเข้าใจพื้นที่ หากได้เสียงถึงจะได้จัดตั้งรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง ผู้สมัครเป็นกลไกที่สำคัญนำไปสู่เป้าหมายของเรา ส่วนว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรค ต้องขอบคุณนิด้าโพล ที่ผลสำรวจพรรค พท. แม้ยังไม่ประกาศบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ผลสำรวจออกมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับความนิยมร้อยละ 34 จะประกาศเมื่อไหร่ จะเป็น น.ส.แพทองธารหรือไม่อยู่ที่พรรค ขณะที่ความนิยมของพรรค พท.ได้ร้อยละ 42 ต้องขอขอบคุณจากนี้จะนำพรรคไปสู่เป้าหมายของเรา

“เชิงชาย” พลิกขั้วสวมเสื้อ พท.ลงชัยภูมิ

นายประเสริฐกล่าวว่า ช่วงใกล้ปีใหม่ พรรคเพื่อไทยมีสิ่งดีๆมาให้พี่น้องประชาชน และขอเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพิ่มเติม ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อมาร่วมอุดมการณ์ พรรคพร้อมทั้งคนและนโยบาย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 21 คนประกอบด้วย ภาคเหนือ 4 คน ได้แก่ 1.นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ จ.เชียงราย 2.นายสมภพ คงความซื่อ จ.แม่ฮ่องสอน 3.นายกิตติวัฒน์ วิเศษขัน จ.แม่ฮ่องสอน และ 4.นายโสภณ ใจลังกา จ.ตาก ภาคอีสาน 7 คน ได้แก่ 1.นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ จ.ชัยภูมิ 2.นายทินพล ศรีธเรศ จ.กาฬสินธุ์ 3.นายสถาพร ว่องสัธนพงษ์ จ.ร้อยเอ็ด 4.น.ส.ชญาภา สินธุไพร จ.ร้อยเอ็ด 5.นายพีรภัทร ทองธีรสกุล จ.บุรีรัมย์ 6.นายอนันต์ ปาลีคุปต์ จ.สุรินทร์ และ 7.นายอนุชา วัชรศีขร จ.สุรินทร์ ภาคกลาง 7 คน ได้แก่ 1.น.ส.พลอย ธนิกุล จ.กาญจนบุรี 2.นายปัญญา ชาติปัญญาวุฒิ จ.สระแก้ว 3.นายชัยณาม ว่องไว จ.เพชรบุรี 4.นายจีราวัฒน์ กำบัง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5.น.ส.สัมฤทธิ์ เหมะ จ.สมุทรปราการ 6.น.ส.นิชดา ปั้นเกตุ ตันติรักษ์ จ.สิงห์บุรี และ 7.นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ จ.ปทุมธานี ภาคใต้ 3 คน ได้แก่ 1.นาย อดิศักดิ์ สาหลำ จ.ปัตตานี 2.นายรุสดี แวบือซา จ.ปัตตานี และ 3.นายแวหะมะ แวและ จ.ยะลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านายเชิงชาย ชาลีรินทร์ อดีต ส.ส.เขต 2 ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งลาออกจาก ส.ส. เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. เดินทางมาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ในนามพรรค พท.

จับมือใครตั้ง รบ.ขอถาม ปชช.

ต่อมาเวลา 10.35 น. นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์กรณีนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรค ภท.ระบุพร้อมจับมือกับพรรค พท.ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า ยังไม่อยากพูดประเด็นนั้น ยังไม่ถึงเวลา ต้องคำนึงถึงคือความรู้สึกประชาชน เราต้องได้รับมอบอำนาจจากประชาชนก่อนพรรคถึงจะพูดอะไรได้ ตอนนี้ยังไม่อยากประกาศหรือแสดงเจตจำนงว่าจับมือกับใครร่วมรัฐบาล ส่วนพันธมิตรทางการเมืองหลังเลือกตั้งนั้น เมื่อ ประชาชนให้ความไว้วางใจมาต้องมาดูว่าพรรคไหนมีอุดมการณ์เดียวกัน พรรคที่มีที่มาที่ไปมีอุดมการณ์ต่างกัน ไปสนับสนุนอำนาจเผด็จการต้องพิจารณา ที่สำคัญต้องถามประชาชนว่าพรรคที่จะไปร่วมด้วยประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ คนอื่นจะพูดอย่างไร ต้องคำนึงถึงเสรีภาพพรรคเรา ถ้าทำให้เสียหายเราต้องปกป้องพรรคเรา

ฉายา รบ.เป๊ะเหมาะสม โดนใจ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สำหรับฉายารัฐบาล หน้ากากคนดี และฉายา พล.อ.ประยุทธ์ คือแปดเปื้อน โดนใจ มาก เป็นฉายาที่เหมาะสม หน้ากากคนดี สิ่งที่เห็นเสมือนเป็นคนดี แต่ที่เจอมา 8 ปี วิถีประชาธิปไตย ถูกทำลายอย่างย่อยยับ เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ วิถีเชิงสังคม ถูกปิดกั้นโอกาส ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้โอกาส 8 ปีลักษณะแปดเปื้อนทุกอย่างในการสืบทอดอำนาจคงไว้ซึ่งอำนาจ ขอบคุณที่ช่วยกันสะท้อน อย่าให้คนดีในสังคมที่มีแต่หน้ากาก อย่าทำให้ภาคการเมืองแปดเปื้อน โดยแสวงหาประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

นายกฯไม่ห้ามจัดงานปีใหม่

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ว่านายกฯไม่มีนโยบายใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับการจัดงานปีใหม่ เป็นเรื่องของหน่วยงานและภาคธุรกิจที่จะดำเนินการ แต่ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด ส่วนตัวเองงดให้คนเข้าอวยพรปีใหม่ทั้งหมดทุกประการ หากจะอวยพรผ่านเอกสารหรือ ส.ค.ส.ก็ทำได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ นายกฯกำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกระทรวงมหาดไทยตั้งด่านตรวจตราเส้นทางหลักและชุมชนทั่วประเทศ คงความเข้มงวดตรวจผู้ขับขี่เมาไม่ขับ ปฏิบัติตามกฎจราจร ฝ่าฝืนลงโทษเด็ดขาดไม่ละเว้น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมสนับสนุนแผนปฏิบัติการของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ดูแลตรวจตราการขายและไม่ส่งเสริมด้านการขายลดแลกแจกแถม รวมถึงเปิด-ปิดสถานบันเทิงตามเวลา หลังเทศกาลปีใหม่ ให้เร่งคัดกรองส่งต่อผู้กระทำผิดเมาแล้วขับที่ถูกศาลสั่งคุมประพฤติให้รับการบำบัดรักษาโดยเร็ว

“ลุงป้อม” ขึ้นเหนือสางฝุ่นควัน

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ จ.เชียงราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ลงพื้นที่ติดตามความพร้อม และมอบนโยบายรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ มีนายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ “คิงก่อนบ่าย” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมคณะ มีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย พร้อมข้าราชการ ประชาชน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้า พปชร. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ต้อนรับ โดย พล.อ.ประวิตรและคณะ ได้สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ก่อนรับฟังการบรรยายสรุป ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอให้จังหวัดบริหารจัดการปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ความรู้ เฝ้าระวัง แจ้งเตือน รวมทั้งการปฏิบัติการดับไฟป่าเมื่อเกิดเหตุ

ชาวบ้านปลื้มอยากให้เป็นนายกฯ

จากนั้น พล.อ.ประวิตรไปที่โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการ และเป็นประธานพิธีปล่อยขบวนคาราวาน การป้องกันและแก้ไขปัญหา 3 พื้นที่ “เมือง-ป่า-เกษตรกรรม” พบปะ ทักทายคณะอาจารย์ นักเรียน ตรวจเยี่ยมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครในโครงการอย่างเป็นกันเอง โดยประชาชนที่มาต้อนรับต่างสะท้อนอยากให้เป็นนายกฯเพราะแก้ไขปัญหาเก่งได้ผลเร็ว ต่อมาไปยังหอประชุมเฉลิมพระเกียรติหนองมโนราห์ ต.จันจว้า อ.แม่จัน ประชุมติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ “เวียงหนองหล่ม” มีตัวแทนชาวบ้านมากล่าวขอบคุณและสนับสนุนให้เป็นนายกฯคนต่อไปเช่นกัน