คำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไปปฏิบัติราชการใน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้วิกฤติบ้านเมืองอึมครึมขึ้นมาทันทีทันใด

จนถึงวันนี้ความคลุมเครือในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกล้วงลูกจากฝ่ายการเมือง ทำให้เกิดความระส่ำระสายไปหมด ยังตอบคำถามถึงคำสั่งรักษาการ ผบ.ตร.ที่ตั้ง  พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ข้ามหัวคนอื่นขึ้นมาก็ยังไม่ได้ และตำแหน่งรักษาการของ พล.ต.อ.วิเชียรจะถูลู่ถูกังไปอย่างไร เมื่อ ผบ.ตร.ตัวจริงเสียงจริงก็ยังคาเก้าอี้อยู่ทนโท่

ไม่ได้ลาไม่ได้ขาด

สุดท้ายคำสั่งให้   พล.ต.อ.พัชรวาทไปปฏิบัติราชการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความโปร่งใส แค่ไหน มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่

หรือก็แค่ข้ออ้างเพื่อสนองการโยกย้าย

ความจริงเรื่องนี้ไม่ต้องฟังคำตอบจากใครทั้งนั้น เพราะการกระทำที่มาจากฝ่ายการเมืองก็เพียงเพื่อให้ พล.ต.อ.พัชรวาท พ้นจากเก้าอี้ก่อนกำหนด และที่ต้องกาดอกจันเอาไว้หลายตลบก็คือ กรณี 3 ป.

ดังนั้น  ก้าวย่างของ พล.ต.อ.พัชรวาทต่อไปนี้ จึงเป็นก้าวย่างทางการเมือง เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นคนนามสกุลเดียวกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่มีความสนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ได้รับการหนุนเนื่องจากพรรคภูมิใจไทย

ไม่แปลกที่จะมีข่าวตามมาเป็นระลอกถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.หรือแม้แต่กระทั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม หรือถึงขนาดมีพรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนตัว มาถึงจุดนี้ การเมือง เข้าขั้นโคม่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคลื่นใต้น้ำ  กัดเซาะความมั่นคงรัฐบาลให้สั่นคลอน

รัฐบาลอายุไม่ยาว

ก็ไม่วายที่จะมีนักวิเคราะห์จากอีกมุมมอง อาการเจียนอยู่ เจียนไปของรัฐบาลขณะนี้ เป็นเกมการเมืองชั้นสูง ที่จะเบี่ยงเบนประเด็นเผือกร้อน     ผ่อนหนักเป็นเบา    ช่วยกระเตงรัฐบาลกันไปเรื่อยๆ

ตื๊ออยู่จนครบเทอมจนได้

ใครจะเดาผิดเดาถูก ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับ ความเสียหายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าจะลับ ลวง พราง หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจริงๆ

ก็ไม่สามารถที่จะแก้วิกฤติประเทศในเวลานี้ได้ ผมอยากจะให้จับตาสถานการณ์การเมืองให้ดี  เพราะกับดักที่ล็อกเอาไว้ทุกฝ่าย ทุกสี จะทำให้การเมืองถึงทางตัน ต้องแก้ด้วยการนิรโทษกรรม มีรัฐบาลแห่งชาติเข้ามาสะสางปัญหาทั้งระบบ แก้รัฐธรรมนูญแล้วเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

ล้างไพ่กันใหม่ทั้งสำรับ.

...