โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ย้ำ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการพลังงานของประเทศให้เพียงพอ ชื่นชมหน่วยงานของรัฐร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของชาติ ผนึกกำลังจับกุมผู้ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าขุดคริปโตฯ
วันที่ 21 ธ.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขุดคริปโตฯ ซึ่งก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผนึกกำลังประสานความร่วมมือกันปฏิบัติการ “Electrical Shock” ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการจับกุมผู้ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อขุดเหรียญคริปโตฯ ซึ่งมีการต่อสายไฟเข้าอาคารโดยตรงไม่ผ่านหม้อแปลง โดยการกระทำนี้ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายและสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท และล่าสุดได้มีการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบต่อกระแสไฟฟ้า โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ต่อกับเครื่องขุดบิตคอยน์ประมาณ 100 เครื่อง
นายอนุชา กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นไปตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรีกรณีที่อาจมีบุคคลแอบลักลอบใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล หรือออนไลน์ต่าง ๆ ที่ไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ โดยเฉพาะการใช้พลังงานจำนวนมากอาจทำให้ไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับกะทันหัน ส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวมได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อยู่เสมอ กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามตรวจสอบและดำเนินการกับผู้ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า โดยหากพบบุคคลหรือพื้นที่ใดต้องสงสัยว่ามีการกระทำผิด ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐและประชาชนทันที
...
“นายกรัฐมนตรี ชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมากในการบริหารจัดการพลังงานในประเทศให้เพียงพอ รวมถึงการร่วมมือกันในการกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง และปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในประเทศ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนประชาชนว่า อย่าได้กระทำการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา” นายอนุชา กล่าว