เมื่อวานนี้ผมเล่าถึงคำว่า “ประชารัฐ” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แผนพัฒนาฉบับที่ 8 (พ.ศ.2540-2544) แต่โดนแช่แข็ง “แน่นิ่ง” ตามระบบ “แพลนนิ่ง” แบบไทยๆมาถึง 18-19 ปี

เพิ่งจะมีการขุดออกจากกรุมาเป็นนโยบายสำคัญในรัฐบาล “ลุงตู่” ช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรอการร่างรัฐธรรมนูญเมื่อ พ.ศ.2558-2559

ยุคนั้นเราได้ยินคำว่า “ประชารัฐ” หนาหูมาก รวมทั้งมีโครงการ เกี่ยวกับประชารัฐออกมามากมายภายใต้การดำริของรัฐบาล

เนื่องจาก “โครงการประชารัฐ” ฮิตมากหลังการเปลี่ยนรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ จาก “หม่อมอุ๋ย” มาเป็น “ดร.สมคิด” ซึ่งเข้ามาพร้อมกับ ครูบาอาจารย์และนักวิชาการหลายท่าน ก่อน ดร.อุตตม, ดร.สุวิทย์, ดร.กอบศักดิ์, คุณสนธิรัตน์ ฯลฯ ที่เรียกกันว่า “ทีม 4 กุมาร”

ผมจึงอนุมานเอาว่า นโยบายประชารัฐอาจมาจากท่านเหล่านี้

ในช่วงเวลาที่ท่านเหล่านี้มาร่วมรัฐบาลเราจะได้ยินโครงการที่ใช้ชื่อว่า “ประชารัฐ” จำนวนมาก เช่นกองทุนประชารัฐ, โครงการบ้านประชารัฐ, โครงการธงฟ้าประชารัฐ ฯลฯ

หรือแม้แต่โครงการ “บัตรคนจน” หรือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็ดำเนินภายใต้นโยบายนี้ จนบางครั้งมีการเรียกว่า บัตรประชารัฐ เสียด้วยซ้ำ

ที่โด่งดังมากเพราะมีภาคธุรกิจเอกชนเข้าร่วมด้วยอย่างแข็งขันก็คือการขับเคลื่อน เศรษฐกิจชุมชน ทั้งด้าน การเกษตร การแปรรูป และ การท่องเที่ยว ฯลฯ ด้วยการจัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี(ประเทศไทย) ขึ้นจนครบทุกจังหวัดในประเทศไทย

...

ผมในฐานะคนที่รักชื่นชมและเชียร์คำว่า “ประชารัฐ” มาตลอด แถมยังเคยมีโอกาสช่วยท่านอดีตเลขาธิการ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เขียนไว้เป็นนโยบายของแผนฯ 8 เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน...อ่านข่าวการเคลื่อนไหวต่างๆแล้วก็หัวใจพองโต พลอยมีความสุขไปด้วย

ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562

ทีมงานของบิ๊กตู่โดยเฉพาะ “ทีม 4 กุมาร” ก็ไปมีบทบาทสำคัญในการตั้งพรรคการเมืองที่ชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ขึ้น โดยมี ดร.อุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค

ภายหลังการเลือกตั้งบิ๊กตู่ได้มาเป็นนายกฯอีกสมัยหนึ่ง จากการเสนอของพรรคนี้ พร้อมกับบริหารประเทศต่อ โดยมีคนสำคัญๆของพรรคนี้อยู่ร่วมรัฐบาลเป็นกระบิ

เป็นผลให้นโยบายประชารัฐและโครงการประชารัฐต่างๆยังเดินไปด้วยดี

แต่แล้วก็เกิดเหตุใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลให้ผู้ที่ผมมั่นใจว่ารู้เรื่องและเข้าใจคำว่า “ประชารัฐ” อย่างดียิ่ง เช่น ดร.อุตตม, คุณสนธิรัตน์, ดร.สุวิทย์ หรือแม้แต่ท่านรองสมคิด ถูกเด้งออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาลเรียบวุธ

หลังจากพรรคพลังประชารัฐได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ชื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มิใช่ชื่อ “อุตตม” อีกต่อไป

นับแต่นั้นเป็นต้นมา พรรคพลังประชารัฐก็เหลือแต่บุคคลที่เป็นนักการเมืองโดยทั่วไป แม้จะมีความรู้ความสามารถไม่น้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเหลือคนที่เข้าใจในปรัชญาและความหมายของ “ประชารัฐ” อยู่ไม่มากนัก

ยิ่งมาอ่านข่าวตอนถูกดูดและดูดคนอื่นที่เกิดขึ้น ขณะนี้ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าในพรรคพลังประชารัฐปัจจุบัน อาจจะไม่เหลือบุคคลที่เข้าใจคำว่า “ประชารัฐ” อย่างถ่องแท้เลยก็เป็นได้

จึงต้องเขียนคอลัมน์นี้ถึง 2 วันซ้อน เพื่อไม่ให้แก่นของคำว่า “ประชารัฐ” ต้องสูญหายไปอีกครั้ง...

เอาเถิดครับหากโครงการประชารัฐสารพัดอื่นใดที่เกิดขึ้นในยุคสมัยบิ๊กตู่ทั้ง 2 ช่วง จะต้องสูญหายไปหรือถูกลืมไปบ้าง หรือโดนยกเลิกไปเป็นอันมาก...ผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว

ขอฝากไว้โครงการเดียว เพราะผมค่อนข้างเชื่อว่าโครงการนี้ จะมีส่วนร่วมทำให้พี่น้องในชุมชนชนบทต่างๆ ลืมตาอ้าปากได้ไม่มากก็น้อยคือ โครงการ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) ที่มีครบทุกจังหวัดแล้วนั่นเอง

ไม่รู้จะฝากใครก็ขอฝากท่านปลัดมหาดไทย และท่านอธิบดีกรมพัฒนา ชุมชน ทั้งท่านปัจจุบันและที่จะมาดำรงตำแหน่งในวันข้างหน้าก็แล้วกัน

ช่วยดูแลฟูมฟักรักษาบริษัทประชารัฐเหล่านี้ให้อยู่ยั้งยืนยาวสืบไปด้วยนะครับ ท่านปลัด! ท่านอธิบดี!

“ซูม”