วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ขอพักเรื่องธนกิจการเมือง ไปส่องมุมมองของผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เศรษฐีหุ้น กับนักการเมืองที่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ๆดูบ้าง

วันก่อน สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน “INTANIA DINNER TALK 2022” โดยเชิญ 2 ศิษย์เก่าวิศวจุฬาฯร่วมเสวนา

คนแรก “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จากการทำธุรกิจ ในหัวข้อ “ความยั่งยืน 3 มุมมอง Survive or Sustain”

ปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆต่างพูดถึงความยั่งยืนในธุรกิจ กัลฟ์เอง ได้ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ พบว่ามีปัญหาเยอะมากเช่นกัน แต่ก็พยายามปรับตัว

จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับนักธุรกิจต่างชาติเยอะ พบว่าธุรกิจคนไทยเป็นเพียงมดเล็กๆตัวเล็กๆเท่านั้น การจะแข่งขันกับธุรกิจทั่วโลกนั้นยากมาก ยังไม่มีบริษัทไทยเติบโตในระดับโลก มีเพียงไปลงทุนในประเทศต่างๆ

ช่วงโควิด–19 กัลฟ์ขยายธุรกิจหลายด้าน เป็นการปรับตัวต่อความเสี่ยง ขาย LNG ที่ราคา 2 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ตอนนี้ราคาขึ้นไป 40 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เพิ่มขึ้นถึง 20–30 เท่า

วิกฤติโควิดบวกกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน แม้แต่ผู้ผลิตพลังงานก็กระทบทางอ้อม มีแค่อเมริกาที่ไม่กระทบ เพราะขายได้ทั้งอาวุธ-พลังงาน

เราเป็นเหมือนน้ำใต้ศอก จึงต้องหาโอกาสลงทุนในธุรกิจต่างๆ ให้ครอบคลุม ทั้งพลังงาน คริปโต และสื่อสาร

แต่ทุกกลุ่มธุรกิจในโลกปัจจุบัน ตอนจบต้องมาสู่เรื่องของความโปร่งใส และความยั่งยืน นักลงทุนต่างชาติอยากมาลงทุนที่ไทย แต่มีปัญหาบางอย่างไม่เอื้ออำนวย ทั้งด้านความโปร่งใส ความรวดเร็ว

...

สิ่งที่พบ คือภาครัฐยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่เกื้อหนุนให้ธุรกิจไทยไปเติบโตในระดับโลก จึงต้องไปตั้งบริษัทในสิงคโปร์เพื่อหลีกเลี่ยงด้านภาษี เงินทุนต่างๆเลยไปอยู่ที่สิงคโปร์เยอะ

หากรัฐบาลไทยแก้ปัญหาจุดนี้ให้ง่ายขึ้น ใครก็อยากมาลงทุนในไทย

ขณะที่ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. เล่าประสบการณ์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้เห็นปัญหาต่างๆมากมาย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของงบประมาณ แต่สิ่งสำคัญคือความไว้ใจ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องใต้โต๊ะ

แต่ต้องร่วมมือสร้างความเท่าเทียมและยุติธรรม สิ่งที่เห็นคือ คนไทยชอบเบียดเบียน หัวใจสำคัญคือใครเป็นเจ้าของพื้นที่ไหนก็จะดูแลในส่วนของตนเอง

และอยากให้มองว่า กทม.เป็นของทุกคน ต้องช่วยกันดูแล

เรื่องที่ต้องทำ คือความโปร่งใส หลังเปิดแพลตฟอร์มร้องเรียนปัญหาเมืองมา จนถึงตอนนี้ มีเรื่องร้องเรียนกว่า 1.9 แสนเรื่อง ถือเป็นการร่วมมือร่วมใจ มองเห็นปัญหา และเข้าไปแก้ไขปัญหาให้เร็ว ตรงจุด

ประชาชนต้องการสิ่งที่ตอบโจทย์ ไม่ได้ต้องการความหรูหราอะไร และเกิดความไว้ใจ เป็นพลังให้เปลี่ยนประเทศได้

คุณชัชชาติยังชี้ว่า จากข้อมูลพบว่า 52% ของเยาวชนไทย ต้องการไปทำงานต่างประเทศ หากเมืองไหนมีบทบาทสำคัญ และสร้างเมืองให้น่าอยู่ ก็จะดึงดูดให้คนเก่งทั่วโลกมาอยู่รวมกัน

ทั้งหมดนี้ขอเพียงแค่มีความโปร่งใส พยายามคิดในสิ่งใหม่ อัปเดตความเชื่อใหม่ และคิดให้ได้ก่อน จะทำให้ระบบประชาธิปไตยอยู่รอดอย่างยั่งยืน

ทั้งสองท่าน ชี้ประเด็นตรงกัน คือเรื่องของความโปร่งใส

ถ้าภาครัฐทำให้ทุกเรื่องโปร่งใส ตรวจสอบได้ อนาคตไทยไปโลดแน่.

เพลิงสุริยะ