31 งูเห่ามาตามนัด ยื่นใบลาออก ส.ส. รอเปิดตัวซบภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ พปชร. 11 เพื่อไทย 7 ก้าวไกล 5 เศรษฐกิจไทย 2 นอกนั้นเป็น ส.ส.พรรคเล็ก “จาตุรงค์-ผ่องศรี” ขออยู่จนกว่าจะยุบสภา “เดชทวี” กราบลา “เสรีพิศุทธ์” ไปหาเวทีลง พรรค เล็กโวใช้ไม้ซีกงัดไม้ซุง “เสธ.หิ” ฟุ้งสัจจะทหารเสือฯ โอ่ รทสช.ได้ที่นั่งมากกว่าที่คิด สอท.แย้มข่าวดีดีลรวมพรรค เปิดตัวเร็วๆนี้ “ตั๊น” จวกอีแอบจอมเสี้ยม โยงข่าวกบฏล้ม “จุรินทร์” จี้หยุดตอกลิ่มสร้างแตกแยก “บิ๊กป้อม” ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด คนแห่ส่งใจ “ทนายอนันต์ชัย” ร้อง กมธ.ป.ป.ช.ฟันอธิบดี ปค. เกียร์ว่างยุบสมาคม “ศรีสุวรรณ” สภาฯเดือดรุมยำ พ.ร.บ.กัญชา ค้านเสรีสุดขั้ว-เอื้อพวกพ้อง สุดท้าย กมธ.ยอมถอย คืนกัญชาเป็นยาเสพติด “นายกฯตู่” ถกอียูปลื้มบีซีจี

หลังกำหนดดีเดย์ วันที่ 16 ธ.ค. พรรคภูมิใจไทยจะเปิดตัว ส.ส.งูเห่า จากหลากหลายพรรคการเมือง ที่จะมาร่วมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ล่าสุดมี ส.ส.รวม 31 คน ยื่นใบลาออกต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

...

“แนน-เดชทวี” ไขก๊อกพ้น ส.ส.

ที่รัฐสภาเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ธ.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายชวนแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มี ส.ส.ยื่นลาออกคือ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายเดชทวี ศรีวิชัย ส.ส.ลำปาง พรรคเสรีรวมไทย ทำให้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 471 คน องค์ประชุมอยู่ 236 คน

31 งูเห่ายื่นใบลาออก ส.ส.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ตามที่มีกระแสข่าว ส.ส.จะยื่นใบลาออกเพื่อเตรียมไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 16 ธ.ค. ล่าสุดมี ส.ส. 31 คน ยื่นหนังสือลาออกต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ให้มีผลในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 11 คน คือ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี

พท.7-กก.5 เปิดหน้าเต็มตัว

พรรคเพื่อไทย 7 คน ได้แก่ นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล 5 คน นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย นายเกษมสันต์ มีทิพย์ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย 2 คน ได้แก่ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติพัฒนากล้า 1 คน นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน น.ส.นันทนา สงฆ์ ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ 1 คน นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง 1 คน น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึง น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย และนายเดชทวี ศรีวิชัย ที่ยื่นใบลาออกไปแล้ว

“จาตุรงค์-ผ่องศรี” อยู่จนยุบสภา

นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนและนางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ ยังไม่ยื่นใบลาออกจาก ส.ส. เพราะจะส่งนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ภริยา ลงสมัคร ส.ส.แทนในการเลือกตั้งสมัยหน้า เช่นเดียวกับนางผ่องศรี จะส่งนายปวีณ แซ่จึง สามี ลงสมัครแทนเช่นกัน ไม่มีความจำเป็นต้องลาออกจาก ส.ส. เพราะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. ไว้รอให้ยุบสภา หรือสภาอยู่ครบวาระ ค่อยย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย แต่จะไปเปิดตัวร่วมกับพรรคภูมิใจไทยเช่นเดิม

ต้องไปเพราะไม่มีเวทีให้ลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชทวี ศรีวิชัย ที่ลาออก จาก ส.ส.ลำปาง เพิ่งได้เป็น ส.ส.หลังชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2565 เป็น ส.ส.ประมาณ 4 เดือน โดยช่วงสายวันเดียวกัน ได้เข้ากราบลา พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่อวยพรขอ ให้โชคดี หากมีปัญหาติดขัดอะไรจะกลับมาร่วมงานกัน อีกครั้งก็ยินดีต้อนรับ ต่อมานายเดชทวีโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้มีโอกาสเข้ารับโอวาทจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมกราบลาด้วยความเคารพ แต่ด้วยครั้งที่แล้วทางพรรคมีผู้สมัครตัวหลักอยู่แล้ว ครั้งเลือกตั้งซ่อมด้วยอุบัติเหตุไม่สามารถลงรับสมัครได้ จึงให้ตนลงเป็นตัวสำรองไว้ มาคราวนี้ต้องเคารพมติพรรคที่ส่งตัวหลักคนเดิมลง ด้วยเหตุนี้จึงต้องลาออกเพื่อหาสังกัดใหม่ให้ทำตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด

“หมอเรวัต” แจงจากกันด้วยดี

นพ.เรวัต วิศรุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า นายเดชทวีลาออกจาก ส.ส.ลำปาง เพราะมีปัญหาเรื่องพื้นที่ลงสมัคร เนื่องจากพรรคมีมติส่งนายประยูร แก้วเดียว เป็นผู้สมัคร ส.ส.ลำปางคราวหน้า ทำให้นายเดชทวีไม่มีที่ลง เท่าที่ได้คุย กับนายเดชทวียังไม่ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคใด แต่มีพรรคอื่นติดต่อพูดคุยกัน กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจ ไปลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคอื่น หรือไปเล่นการเมืองท้องถิ่น นายเดชทวียืนยันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้ต่อว่าหรือตำหนิอะไร แต่หากไปแล้วมีปัญหาหรือไม่สบายใจให้กลับมาได้ ถือเป็นวัฒนธรรมของพรรคเสรีรวมไทย ที่หัวหน้าพรรคให้กำลังใจและชื่นชมลูกพรรค แม้จะไม่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว

พรรคเล็กโวใช้ไม้ซีกงัดไม้ซุง

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มพรรคเล็กภายใต้ กติกาเลือกตั้งใหม่ ว่า กลุ่มพรรคเล็กเตรียมควบรวมกัน ในรูปแบบอัมโนแบบไทยๆ ตามหลักการไม้ซีกงัดไม้ซุง ชักชวนพรรคเล็ก 20 พรรคมารวมกลุ่มกัน มีตอบรับมาแล้ว 6 พรรค คือ พรรคกรีน พรรคไทยชนะ พรรคไทยรุ่งเรือง พรรคไทยรวมไทย พรรคไทยรุ่งโรจน์ และพรรคพลังธรรมใหม่ ยังเปิดรับทุกพรรคมารวมกลุ่มกัน เป็นกลุ่มกลางทางการเมือง มีเป้าหมายให้เกิดความสมานฉันท์ มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขอโอกาสเลือกพรรคที่เป็นกลาง มุ่งไปสู่ยุคฟ้าสีทองผ่องอำไพ เราไม่ได้คิดมารวมเพื่อรอดตายจากกติกาใหม่ แต่รวมกันเพื่อความอยู่รอดประชาชน สำหรับพรรคเล็กที่จะ ขอสู้ด้วยตัวเองมี 3 พรรค คือ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคเพื่อชาติไทย

“เสธ.หิ” ฟุ้งถือสัจจะทหารเสือ

นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ กล่าวถึง ทิศทางการทำงานการเมืองว่า ไปช่วยงานพรรครวมไทย สร้างชาติ (รทสช.) แน่นอน ในนามส่วนตัวในฐานะกองเชียร์ ไม่มีตำแหน่งในพรรค เมื่อถามว่าอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นายหิมาลัยตอบด้วย เสียงหนักแน่นว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะการทำงานยึดหลัก 3 ประการ คือ กตัญญู สัจจะ และการเมือง ในฐานะเป็นรุ่นน้องทหารเสือราชินี ร.21 รอ. กับ พล.อ. ประยุทธ์ จึงถือเรื่องนี้เป็นสำคัญ รวมทั้งการรักษาสัจจะ ในการทำงานการเมืองด้วย เชื่อมั่นว่า รทสช.มีโอกาส ได้รับเลือกตั้งมากกว่าที่ประเมินกัน แต่ตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ ต้องรอกฎหมายลูกประกาศใช้ มีการแบ่ง เขตเลือกตั้ง และออกระเบียบให้จบก่อน

ตั้งคำถามระบบเลือกตั้ง

นายหิมาลัยกล่าวอีกว่า มีคำถาม 3 ข้อ คือ 1.ไม่ควรจัดเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เพราะคนที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้มาเสียภาษีให้ประเทศไทย แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ตรงนี้ แต่เลือก ส.ส.ตัวเองไม่ได้ หากคนอยู่ต่างประเทศต้องการรักษา สิทธิควรกลับมาเลือกตั้งที่ไทย 2.ไม่ควรจัดการเลือกตั้ง ล่วงหน้า เพราะถือเป็นการสิ้นเปลือง ควรออกมาใช้สิทธิ ในวันเลือกตั้งจริง 3.การให้ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีสิทธิ ลงคะแนนกำหนดอนาคตประเทศชาติได้ แต่ขณะเดียวกัน กฎหมายระบุให้ผู้ที่บรรลุนิติภาวะต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถทำนิติกรรมได้ ถือเป็นสิ่งย้อนแย้งกัน

“สุชาติ” ไม่สะเด็ดน้ำลา พปชร.

นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการยื่น ใบลาออกจาก พปชร. ส่วนการไปรวมตัวกับพรรค ภูมิใจไทย วันที่ 16 ธ.ค. คนที่ชัดเจนแล้วไม่ติดอะไรก็ไปได้ ลาออกแล้วไปสมัครสวมเสื้อภูมิใจไทยได้ ส่วนคนที่ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ต้องระวัง แต่ไปร่วม งานแสดงความยินดีได้ ไม่มีปัญหา ยืนยันไม่มีเงื่อนไข เราดูนโยบายเป็นหลัก ถามชาวบ้านตอนนี้ค่อนข้างพึงพอใจนโยบายภูมิใจไทย รวมถึงมีเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนกันบ้าง ทับซ้อนกันกับพรรคเดิม และที่แยกตัว ไปจาก พปชร. ไปรวมไทยสร้างชาติ

สอท.แย้มข่าวดีดีลรวมพรรค

ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการดีลควบรวมพรรคและการย้ายออกของคนในพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า พรรคยังเดินหน้า การเมืองเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ย้ำว่า พรรคไม่ได้มีปัญหาใดๆ อยู่ระหว่างปรับยุทธศาสตร์ให้สอดรับกับสถานการณ์ ส่วนกระแสข่าวว่ามีการ พูดคุยควบรวมพรรค ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นไปในทิศทางที่ดี คาดว่าพรรคจะเปิดเผยข่าวดีเร็วๆนี้ จากผลของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดให้ใช้บัตร 2 ใบ และสูตร คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 100 ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง หลายพรรคปรับยุทธศาสตร์เพื่อให้สอดรับกับกติกาใหม่ รวมถึงพรรคสร้างอนาคตไทยก็ต้องปรับยุทธศาสตร์เช่นกัน

เมิน “นิพิฏฐ์” สละเรือไม่กระทบ

นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า ส่วนการลาออกของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค สอท. และประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ ได้ร่วมงานกับ พลังประชารัฐนั้น ยืนยันแยกจากกันด้วยดี มีความ เข้าใจที่ดีต่อกัน การบริหารโครงสร้างที่วางไว้เรา พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของพรรค ทั้งในภาพรวมและพื้นที่ภาคใต้ เรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ยังเดินหน้าตามทิศทางพรรคต่อไป และมีผู้มารับผิดชอบงานแทน นายนิพิฏฐ์อยู่แล้ว ไม่มีสะดุดหรือเป็นอุปสรรคปัญหา หากปรับยุทธศาสตร์เรียบร้อยพรรคจะเข้มแข็งขึ้น การลาออกของนายนิพิฏฐ์มองเป็นเรื่องธรรมดาทาง การเมือง พรรคยอมรับการตัดสินใจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ ตัวหลักๆ ยังร่วมกันต่อไป เป้าหมายยังชัดเจน มุ่งมั่นสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน

ฉะ “ตู่” อยู่ต่อประชาชนยิ่งทุกข์

น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ทอดทิ้งกลุ่มพี่น้องเกษตรกร โดยสิ้นเชิง แม้เขียนนโยบายด้านการเกษตรไว้สวยงาม จะยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น แต่ตลอด 3 ปีกว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริง รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับภาคเกษตร ปล่อยให้นายทุนเอาเปรียบ นายกฯ ดีใจที่การส่งออกสินค้าเกษตรได้ ราคาดี แต่รัฐบาลตีโจทย์ผิดหรือไม่ การแก้ปัญหาเกษตรที่ดีที่สุดคือให้เกษตรกรอยู่ได้ มีเงินในกระเป๋าเพิ่ม แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้พ่อค้านายทุนกดราคารับซื้อแล้วไปขายแพง ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการเพียงเข้ามามีอำนาจและสืบทอดอำนาจเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน หากยังรั้งอำนาจต่อไป ประชาชนคงทรมานกว่านี้

2 กฎหมายลูกรอนายกฯลงนาม

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการนำร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองที่อยู่ในมือรัฐบาลว่า ขณะนี้รอเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เดินทาง กลับจากปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค. เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงก็จะลงนาม ในร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

“ตั๊น” โต้ข่าวโยงกบฏล้ม “จุรินทร์”

วันเดียวกัน น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อเป็น 5 ใน 6 คนของรองเลขาธิการพรรค ที่ร่วมก่อการเข้าชื่อกดดันให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ลาออกจากตำแหน่งว่า ขอปฏิเสธว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่ได้ร่วมเคลื่อนไหวดำเนินการใดในลักษณะที่ถูกโยงชื่อ และภาพข่าวตามที่ถูกกล่าวหา เพราะตระหนักดีว่าในห้วงเวลาที่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ที่ทุกพรรคการเมืองต้องเตรียมความพร้อม ทั้งนโยบายรณรงค์หาเสียง และคัดสรรว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างข่าว หรือสร้างความแตกแยก ด้วยการตอกลิ่มเพิ่มขึ้นในพรรคที่เปรียบเสมือนบ้านของพวกเรากันเอง แต่เป็นห้วงเวลาที่พรรคต้องเป็นเอกภาพ และต้องการความสมัครสมานสามัคคีของสมาชิกพรรคทุกระดับ เพื่อรวมพลังในการสู้ศึกการเลือกตั้ง

จวก “อีแอบ” หยุดสร้างแตกแยก

น.ส.จิตภัสร์กล่าวต่อว่า มีจุดยืนที่มั่นคง และชัดเจนมาตลอดว่า ไม่คิดจะย้ายพรรคไปอยู่พรรคอื่น ยังขอทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ในพรรค จะทำหน้าที่ในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่และดีที่สุด และพร้อมจะร่วมสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึงร่วมกับพรรค ขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคบางคน บางกลุ่ม ยุติพฤติกรรมการปล่อยข่าวสร้างความแตกแยก หรือใช้สถานการณ์นี้สร้างเงื่อนไข เรียกร้องผลประโยชน์ส่วนตัว แต่สร้างความเสียหายต่อพรรคของเราทุกคน

“บิ๊กป้อม” ลุยกาฬสินธุ์–ร้อยเอ็ด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่ จ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และการฟื้นฟูแหล่งน้ำ โดยมี ผวจ.กาฬสินธุ์ และ ผวจ.ร้อยเอ็ด เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คอยต้อนรับ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ให้สทนช. จังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง เร่งพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และให้ลงไปดูการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยและป้องกันการเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินจากการจำนองและขายฝากของเกษตรกร อย่าให้หลุดมือ ช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน

มอบที่ดินทำกิน 2 พันกว่าแปลง

ต่อมา พล.อ.ประวิตรทำพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินของรัฐเป็นการชั่วคราว ตามนโยบายแก้ปัญหาความยากจน และพบปะประชาชนในพื้นที่หนองผัวเมียสาธารณประโยชน์ ต.ดอนสมบูรณ์ และแปลงโสกหมูสาธารณประโยชน์ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด และกล่าวขอบคุณการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์อย่างถูกต้องใน 7 อำเภอ รวม 2,938 แปลง เพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับพบปะเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

ชาวบ้านแห่ส่งใจถึง “ลุงป้อม”

จากนั้นช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองแวง บ้านแมต ต.สะอาดสมบูรณ์ อ.เมืองร้อยเอ็ด ดูการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ มอบนโยบายสทนช. กรมทรัพยากรน้ำ และกองทัพ ให้เร่งขุดลอกแหล่งกักเก็บน้ำ โดยมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการชูป้าย “ส่งใจถึงลุงป้อม” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง ระบุว่ารัฐบาลห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชนทุกครัวเรือน ต้องการให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีความสุข

“บิ๊กตู่” จัดบ้างไปเชียงราย 21 ธ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงราย ในวันที่ 21 ธ.ค. โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ร่วมคณะ จุดแรกไปที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเชียงราย เพื่อเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทย และนักเรียนญี่ปุ่น Thailand-Japan Student ICT Fair 2022 (TJ-SIF2022) ช่วงบ่ายตรวจติดตามผลการดำเนินงานการค้าขายชายแดนไทย-พม่า-จีน และไปศูนย์ฝึกอบรมผาหมี ต.โป่งผา อ.แม่สาย เพื่อเยี่ยมชมโครงการนำร่องเกษตรดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี 5G

ร้อง กมธ.ป.ป.ช.ฟันอธิบดี ปค.

ช่วงเช้าที่รัฐสภา นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ประธานคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.ป.ป.ช. ขอให้ ตรวจสอบอธิบดีกรมการปกครองที่ยังไม่พิจารณาเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายอนันต์ชัยกล่าวว่า วันที่ 6 มิ.ย.65 ได้ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว กรมการปกครองทำงานล่าช้าแบบเต่าคลาน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเป็นห้องแถวเล็กๆไม่มีป้าย นายศรีสุวรรณทำงานคนเดียว ไม่มีการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว งบดุลก็ไม่ส่ง ล่าสุดนายศรีสุวรรณไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ใช้กระดาษไม่กี่แผ่น การร้องเรียนของศรีสุวรรณ มี 2 อย่าง คือ 1.ร้องตีฉิ่งกันเอาไว้ไม่ให้คนอื่นมาร้อง เรื่องก็เงียบหายไป 2.การร้องจริง แต่ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้คนถูกร้องเรียนเสียหายมาก ปีที่แล้วร้องเรื่องส่วนตัวถึง 353 เรื่อง รู้สึกเหลืออดต้องให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตรวจสอบ หากอธิบดีกรมการปกครองละเลยหน้าที่ต้องถูกดำเนินคดีเป็นตัวอย่าง

“เสรีฯ” ซัด “ศรีฯ” ตามบี้ “สนธิญา”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า 7 เดือนแล้วที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากกรมการปกครอง ทำงานล่าช้า เฉื่อยชา นายศรีสุวรรณยื่นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ไม่ได้มีเอกสารประกอบหลักฐานไปยื่นหนังสือใบเดียว 2 ใบ กล่าวหาแล้วอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่คำนึงถึงความเสียหายของใครเลย แล้วตัวเองก็ยอมรับกับสื่อแล้วว่าได้รับค่าตอบแทน รับเข้าส่วนตัว ไม่ได้รับเข้าสมาคม เป็นการหากินที่ไม่สุจริต ตอนนี้ตน ยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณไปแล้วปีกว่าเหมือนกัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า พี่น้องประชาชนก็ถามว่า ทำไมไม่ดำเนินการสักที มันซ่าเหลือเกิน ขอเรียนว่ามันไม่ได้อยู่ในอำนาจ ยังมีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่ชอบยื่นร้องเรียนหาผลประโยชน์ ตนฟ้องไป 3 คดี มี 2 คดี ที่ยอมรับสารภาพจนมุม

ก้าวไกลไม่ขวางใช้คุณกัญชา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงก่อนเข้าร่วมประชุมสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า จุดยืนของก้าวไกล คือ 1.ต้องเอากัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ปี 2565 หรือออกประกาศฉบับใหม่มาแทน 2.ต้องยกเลิกมาตรา 3 ของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ต้องไม่เอื้อให้เกิดการผูกขาดให้กัญชาอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ ข้อเสนอของก้าวไกล กัญชายังถือเป็นยาเสพติดสอดคล้องกับอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษของสหประชาชาติ ยืนยันไม่ได้เป็นการขัดขวางการใช้ประโยชน์จากกัญชาเลย เพราะในประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชานั้น ไม่ว่าจะใช้ในทางการแพทย์ หรือมากกว่านั้น เกือบทั้งหมดยังกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติด แต่มีกฎหมายอนุญาตให้ใช้ได้ภายใต้มาตรการควบคุมกำกับต่างๆไม่ใช่ไร้การควบคุมเช่นที่ รมว.สาธารณสุขทำอยู่

สภาฯเดือดรุมยำ พ.ร.บ.กัญชา

ต่อมาช่วงบ่าย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง วาระ 2 โดยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประธาน กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง เสนอพร้อมเปิดโอกาสให้ ส.ส.ร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดยเริ่มต้นจากเรื่องคำปรารภ หลักการและเหตุผล เรื่องวัตถุประสงค์การใช้กัญชาทางการแพทย์ มี ส.ส.จำนวนมากอภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วย ส่วนใหญ่สนับสนุนใช้กัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเสรี ร่างกฎหมายเปิดช่องนำไปสู่กัญชาสันทนาการ เป็นสิ่งเสพติดไปสู่เยาวชน ไม่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ แต่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจคนบางกลุ่มเท่านั้น

ปชป.ค้านเสรีสุดขั้วเอื้อพวกพ้อง

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ร่างกฎหมายหละหลวม ไม่ผ่านความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เร่งรีบเสนอ และมีวัตถุประสงค์ไม่ให้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่เปิดช่องให้นำไปใช้ทางนันทนาการได้ สถานการณ์จริงขณะนี้คือกัญชาเสรีสุดขั้ว ไม่รู้จะควบคุมให้ใช้ทางการแพทย์ได้จริงหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่การเมือง แต่เอากัญชาไปเสี่ยงกับอนาคตเยาวชนทั้งประเทศ ขณะที่นายพิสิษฐ์ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชป. กล่าวว่า ลงพื้นที่แถวคลองถม พบการขายบ้องกัญชา ทุกวันนี้มีการขายกัญชาในรูปของอาหารมากมาย การระบุเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจประชาชนมากที่สุด ขอถามว่าเศรษฐกิจของใคร เพราะประชาชนปลูกได้แค่ 15 ต้น แต่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจคนบางพวกเท่านั้น

“ทวี” แฉญาติ รมต.ตั้งบริษัททำธุรกิจ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) อภิปรายว่า มีรัฐมนตรีบางคนให้ญาติไปตั้งบริษัท ที่อาจนำไปสู่การค้ากัญชาเสรี เตรียมขยายจากทางการแพทย์เพื่อไปสู่อุตสาหกรรม ฝ่ายนิติบัญญัติต้องออกกฎหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ดีกว่าออกกฎหมายมาส่งเสริมทำลายความเป็นมนุษย์ ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ เป็นอันตรายต่อประเทศ ระบุให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติดแน่นอน หลังจาก ส.ส.อภิปรายครบถ้วนแล้ว เสียงส่วนใหญ่ลงมติเห็นชอบคำปรารภของร่างกฎหมายดังกล่าว

ภท.ถอยให้กัญชาเป็นยาเสพติด

เมื่อเข้าสู่การพิจารณามาตรา 3 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธาน กมธ. แจ้งต่อที่ประชุมว่า จากการหารือของ กมธ.มีมติให้ตัดมาตรา 3 ที่กำหนดว่า “ให้กัญชา กัญชง ไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษ ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้” ทิ้งทั้งมาตรา ตามข้อห่วงใยของสมาชิกหลายคน เพื่อให้กฎหมายเดินหน้าต่อไปได้ ยินดีตัดทิ้งทั้งมาตรา แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทักท้วงขอให้พักการประชุม เพื่อให้ กมธ.ไปดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกระบวนการ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายเสริมว่า ทราบว่าการตัดมาตรา 3 ทิ้งทั้งวรรค ไม่ใช่มติ กมธ. เป็นเพียงการพูดคุยหารือกันเฉยๆ อยากขอดูมติดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ จนนายศุภชัยยอมรับว่า กมธ.ยังไม่มีมติดังกล่าว เป็นเพียงการพูดคุยหารือเท่านั้น ขออนุญาตพักประชุม 20 นาที ให้ กมธ.กลับไปแก้ไขทำเป็นมติอย่างถูกต้องตามกระบวนการ หลังจากพักประชุม 20 นาที นายศุภชัยกลับมาชี้แจงต่อที่ประชุมอีกครั้งว่า กมธ.มีมติตัดมาตรา 3 ทิ้งทั้งวรรคอย่างถูกต้องตามกระบวนการแล้ว

“สุชาติ” สั่งปิดประชุมสภาดื้อๆ

หลังจากที่ กมธ.มีมติตัดมาตรา 3 ที่ระบุว่ากัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษออกไป แต่ยังเปิดให้สมาชิกอภิปรายแสดงความเห็น กระทั่งเวลา 17.15 น. ขณะที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นท้วงว่าในห้องประชุมมีคนน้อยไม่มีสมาชิกสนใจฟัง อยากให้สมาชิกรีบเข้ามาในห้องประชุมด้วย ขอตรวจสอบองค์ประชุม ผลปรากฏว่า มีสมาชิกอยู่ในห้อง 243 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จึงเปิดให้สมาชิกอภิปรายต่อ จนถึงเวลา 18.30 น. นายสุชาติเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อลงมติว่าจะเห็นด้วยกับ กมธ. ที่ให้ตัดมาตรา 3 ทั้งมาตราหรือไม่ แต่ยังไม่ทันลงมติ นายสุชาติแจ้งว่า ขอเลื่อนการลงมติออกไปครั้งหน้า และสั่งปิดประชุมทันที

“นายกฯตู่” ถกอียูปลื้มบีซีจี

สำหรับภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน- สหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เมื่อเวลา 16.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันที่ 13 ธ.ค.ที่อาคาร Europa พล.อ.ประยุทธ์พบหารือนายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรียุโรป หารือกระชับความร่วมมือด้านต่างๆ โดยนายกฯเชิญชวนอียู และประเทศสมาชิกร่วมสนับสนุนภาคเอกชนไทย เพื่อเตรียมความพร้อมมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้น ขณะที่ประธานคณะมนตรียุโรป ชื่นชมโมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) สอดคล้องแผนปฏิรูปยุโรปสีเขียวของอียู พร้อมร่วมมือให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ ผลักดันการขยายการลงทุน เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการวิจัยด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

ชูมนุษยธรรมนำพาสันติภาพ

ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความมั่นคงโลก ไทยเห็นความจำเป็นการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่การหารือที่ครอบคลุมทุกฝ่าย ใช้การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเป็นตัวนำ โดยประธานคณะมนตรียุโรป พร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง และความร่วมมือกับอาเซียน พร้อมร่วมมือแสวงหาการหารือที่เปิดกว้าง สร้างสรรค์ เคารพซึ่งกันและกันผลประโยชน์ร่วมกัน และความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ขณะที่นายกฯพร้อมร่วมมือกับอียูส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนและอินโด-แปซิฟิก และขับเคลื่อนภายใต้ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก อาทิ การอนุรักษ์ทะเลและการทำประมงยั่งยืน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ ความร่วมมือด้านอวกาศ เป็นต้น

ไทย–เช็กถกร่วมมือชื่นมื่น

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงบรัสเซลส์) ณ อาคาร Europa กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม พล.อ.ประยุทธ์หารือกับนายเป็ตร์ ฟียาลา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐ เช็ก ถึงความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต่างยังมีศักยภาพเพิ่มพูนการค้าระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมเชิญชวนนักลงทุนเช็กเข้ามาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายหวังจัดการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการท่องเที่ยวได้ในปีหน้า ส่วนด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหมของทั้งสองฝ่ายมีการประสานงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ไทยยังยินดีต่อการประกาศยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของ EU และการประกาศยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของเช็ก ภายใต้ค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกัน