“บิ๊กตู่” เลิกอมพะนำ รับแล้วเล่นการเมือง เต็มตัว รอตัดริบบิ้นเปิดตัวเข้า รทสช. “บิ๊กป้อม” ขนแกนนำต้อนรับ “มิ่งขวัญ” อลังการ สุดเซอร์ไพรส์ประเคนเก้าอี้แคนดิเดตนายกฯ ทำเอาแกนนำ-สมาชิก พปชร.เหวอไปตามกัน “เฮียมิ่ง” แจงเหตุซบเพราะไร้เงา “ตู่” “พี่ใหญ่” พูดชัด “น้องเล็ก” ไปแล้ว “อนุทิน” รีบโบ้ยไปถาม “ครูแก้ว” สบถด่า ส.ส. “โง่” โตๆกันแล้ว พูดอะไรรับผิดชอบตัวเอง “อนุสรณ์” ฮึ่มผิดสัญญาว่า จะให้ “พัฒนา” จองกฐินรอเปิดคลิปแฉกลางสภา ไล่กดดันสละเก้าอี้รอง ปธ.สภาฯ “อุ๊งอิ๊ง” เปิด 10 นโยบายขายฝันค่าแรงขั้นต่ำ 600 ป.ตรีเงินเดือน 2.5 หมื่น บัตร ปชช.ใบเดียวรักษาได้ทุก รพ. ไม่ต้อง ย้าย ปท.แค่เปลี่ยนผู้นำ “ประยุทธ์” เย้ยเอาเงินมา จากไหน ศาลยกฟ้องม็อบรอรับเพื่อน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีมชุดใหญ่ต้อนรับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้าพรรคอลังการ แถมทำเซอร์ไพรส์บรรดา แกนนำและสมาชิกพรรค ประเคนเก้าอี้แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรค พปชร. สู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

...

2 รมต.ใหม่ร่วมวง ครม.นัดแรก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี 2 รัฐมนตรีใหม่ คือ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี และนายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตร และสหกรณ์ ร่วมประชุมเป็นนัดแรก ก่อนประชุม พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานมอบรางวัลการประกวดแต่งบทเพลงและการแสดงพื้นบ้าน “ฉ่อย” ภายใต้ แนวคิด “ภาษาจรรโลงใจ” พร้อมมอบโล่รางวัลและ ใบประกาศเกียรติคุณ มีนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำผู้ชนะเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อรับโล่รางวัล

ย้ำเด็กให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์

ต่อมา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นำนายนรามินท์ พุ่มพวง นักเรียน ร.ร.อยุธยาวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา และนายเกียรติกานต์ อินต๊ะแก้ว นักเรียน ร.ร.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ และนำชมนิทรรศการ “การจัดการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์” ตามนโยบายรัฐบาลที่เน้นย้ำ ให้เด็กไทยรู้จักรากเหง้าของตัวเอง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำคณะ เข้าพบ จัดแสดงผลงานเยาวชนจากการแข่งขันโอลิมปิก หุ่นยนต์ระดับนานาชาติ ประจำปี 2565 ณ เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี (World Robot Olympiad 2022) โอกาสนี้นายกฯ ได้รับมอบภาพวาดเหมือนสีน้ำมัน วาดโดย ด.ช.นนท์ฐกานต์ เกษร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง จ.ลำปาง

เลิกอมพะนำรับเล่นการเมือง

จากนั้นหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ จะเข้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยินดีด้วยแล้วกัน เมื่อถามถึง การยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์รีบตอบว่า ยังไม่มีๆ เมื่อถามอีกว่านายกฯทำการเมืองในส่วนของตัวเอง ไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คิดว่าทุกคนต้องทำการเมืองอยู่แล้ว คือทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ เป็นภาระในวันข้างหน้า การพูดอะไรออกไปต้องระมัด ระวังที่สุด การจะทำโน่นให้โน่นให้นี่ ต้องดูว่ารายได้เรา เพียงพอหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ภาพรวมสถานะ การเงินการคลังล้มเหลว เมื่อถามว่าตั้งเป้าหมายการ ทำงานในปีหน้าอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมก็อยู่ สมมติว่าต้องอยู่ก็อยู่ได้แค่ปี 68 นั่นแหละ”

รอตัดริบบิ้นเปิดตัว รทสช.

เมื่อถามว่าความตั้งใจคือเดินต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ถึงวันนี้น่าจะพอรู้มั้ง” เมื่อ ถามย้ำว่าแม้จะไปต่อได้แค่ 2 ปี ก็จะไปต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ 2 ปี จะทำทุกอย่างให้มันดี ที่สุด จากนั้นจะมีคนใหม่ที่เหมาะสมที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อ” เมื่อถามว่าข่าวจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมยังไม่ได้พูดเท่านั้นเอง เดี๋ยวค่อยพูด” เมื่อถามย้ำ ว่าแสดงว่ารอเรื่องของกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าชัดเจนถึงขนาดนี้แล้วให้พูดมาเถอะ พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า “เออๆ”

“ลุงป้อม” นำทีมต้อนรับ “มิ่งขวัญ”

เวลา 15.30 น. ที่พรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรคร่วมเปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เข้าร่วมงานกับ พปชร. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอต้อนรับและแสดงความยินดีกับนายมิ่งขวัญ และตัวเองด้วย จะได้เข้ามาช่วยกันทำงานให้ประชาชน อยู่ดีกินดีขึ้น ตามความมุ่งหมายของพรรค ขอต้อนรับนายมิ่งขวัญด้วยความยินดียิ่ง

แจงซบ พปชร. เพราะไร้เงา “ตู่”

ด้านนายมิ่งขวัญกล่าวว่า ต้องให้เครดิตและขอบคุณ พล.อ.ประวิตรที่ให้เกียรติเชิญตน ท่านบอกว่าวันนี้มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ ได้เปิดใจคุยกันเข้ามาเติมเต็มทีมเศรษฐกิจ เหตุผลที่สองคือ ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในพรรคนี้แล้ว และความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยอยู่ ตลอด 3 ปีครึ่งที่ตนอภิปราย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯแล้วแก้ปัญหาประเทศไม่สำเร็จ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ และเป็นหัวหน้า ศบค. มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 2 หมื่นกว่าศพ อภิปรายแค่คนเดียวคือ พล.อ.ประยุทธ์ ขอย้ำว่าไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ที่ต้องตรวจสอบเพราะอาสาเข้ามาทำแล้วทำไม่สำเร็จ

จัดใหญ่ขึ้นชั้นแคนดิเดตนายกฯ

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า หากไม่แถลงเปิดใจวันนี้ สื่อคงไม่รู้ว่าทำไมถึงพลิกกลับไปกลับมา อาจคิดว่าไม่รักษาคำพูด คำว่าตระบัดสัตย์และคำว่าไม่รักษาคำพูดอยากจะชี้แจงให้ชัด ยืนยันสวมเสื้อพลังประชารัฐไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทองแม้แต่บาทเดียว ต้องการมาช่วยประชาชนที่เดือดร้อน และไม่ขอเป็นกรรมการบริหารพรรค ที่เข้ามาเพราะถนัดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ สำคัญที่สุดคือต้องได้ออกดีเบตในสงครามการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ “ผมได้ปรึกษากับ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตรบอกว่า ถ้ามิ่งขวัญจะออกดีเบต คุณต้องมีตำแหน่งที่จะออกไปดีเบต ก็คือ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯเท่านั้น จึงเป็นประโยคสำคัญ โดย พล.อ.ประวิตรบอกว่าจะพิจารณาและนำเข้าวาระคณะกรรมการบริหารให้มิ่งขวัญเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อพูดจบนายมิ่งขวัญหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ขอย้ำกับสื่อว่าตนเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯ

“พี่ใหญ่” พูดชัด “น้องเล็ก” ไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ตัดสินใจมา พปชร. เพราะไม่มี พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้วใช่หรือไม่ นายมิ่งขวัญตอบว่า “ต้องฝากไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่าผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านด้วยได้” เมื่อถามว่าแต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯพลังประชารัฐอยู่ นายมิ่งขวัญจึงหันไปถาม พล.อ.ประวิตรว่า “ผมขอตอบคำถามแทนได้มั้ยครับ” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ตอบสื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว ออกไปแล้ว” นายมิ่งขวัญกล่าวย้ำว่า ออกไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่าชื่อนายมิ่งขวัญจะมาแทน พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่รู้ อยู่ระหว่างพิจารณา อย่าเพิ่งถ้ายังไม่เกิด ต้องรอกรรมการบริหารพรรคพิจารณา เมื่อถามว่าถ้าสมาชิกพรรคไม่เห็นด้วย พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่ได้ประชุมอะไรกันเลย จะใช้คำว่าถ้าอย่างนู้นถ้าอย่างนี้ไม่ได้ เมื่อถามว่าถ้าในอนาคตรวมไทยสร้างชาติจับมือกับพลังประชารัฐ นายมิ่งขวัญจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า อันนี้ถ้าไม่ได้หรอก อย่าถามคำว่าถ้าเลย เมื่อถึงช่วงนี้แกนนำพรรคที่อยู่ในวงแถลงต้องรีบตัดบทจบการแถลงข่าว

ยังไม่รู้แคนดิเดตนายกฯเป็นใคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวจบ สื่อพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตรเรื่องแคนดิเดตนายกฯ แต่ พล.อ.ประวิตรบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ โดยโยนให้เป็นเรื่องของ กก.บห.พรรค และกรณีที่นายมิ่งขวัญประกาศกลางวงแถลงข่าวว่า จะมาเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯพรรค ได้สร้างความงุนงงให้กับ กก.บห.พรรค และสมาชิกพรรค เพราะไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งนี้ก่อนการแถลง นายมิ่งขวัญได้ขอเข้าพบ พล.อ.ประวิตรเป็นการส่วนตัวเป็นเวลา 15 นาที และยังมีรายงานว่าสัปดาห์หน้าพรรคเตรียมแถลงเปิดตัวนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีกระแสข่าวจะย้ายมาอยู่ พปชร.ในวันที่ 13 ธ.ค.

“อนุทิน” รีบโบ้ยไปถาม “ครูแก้ว”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กล่าวคำสบถขณะปราศรัยตอบโต้ ส.ส.ฝ่ายค้าน เรื่องงบประมาณลงพื้นที่ของกระทรวงคมนาคมว่า ตอนที่นายศุภชัยพูด ไม่ได้อยู่ ต้องถามนายศุภชัยว่าตอนนั้นคิดอย่างไร เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีใครอธิบายได้ดีกว่า เรากำกับดูแลงาน 3 กระทรวง มาเกือบ 4 ปี เข้าใจว่าต้องรับใช้ประชาชนอย่างไร ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง เป็นพรรคของประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเลือกเราหรือไม่ จะบอกว่าดูแลแค่คนที่เลือกภูมิใจไทยเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยอยู่ในหัว ไม่เคยคิด ส่วนการร้องเรียนเอาผิดด้านจริยธรรม เป็นเรื่องของคู่กรณี ห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ทำไปตามกฎหมาย ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าจะตักเตือนลูกพรรคหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า คนที่เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี มีวุฒิภาวะ ใครพูด ใครทำ ใครประพฤติอย่างไร ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง

“อนุสรณ์” ฮึ่มผิดสัญญาว่าจะให้

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำปราศรัยของนายศุภชัยถือว่ามีความผิดหลายอย่าง ทั้งเรื่องประมวลจริยธรรม การหมิ่นประมาท และยังเข้าข่ายแทรกแซงการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ และเนื้อหาการปราศรัยมีบางส่วนอาจเข้าข่ายว่าเป็นการสัญญาว่าจะให้ที่ระบุว่า หากเลือกพรรค ภท.แล้ว จังหวัดจะได้รับการพัฒนา

“พัฒนา” จองกฐินเปิดคลิปแฉ

นายพัฒนา สัพโพ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปราศรัยของนายศุภชัย ทำให้ ส.ส.อีสานเพื่อไทยหลายคนได้รับผลกระทบ ประเด็นจะไม่เกิดถ้าคนเป็นถึงรองประธานสภาฯมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่นึกอยากพูดอะไรเพียงเพื่อหาคะแนนเสียง แล้วปรามาส ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชนด้วยคำว่า “ไอ้โง่” จึงยอมไม่ได้ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ทั้งในสภาฯ และคดีความในข้อหาหมิ่นประมาท “ขอให้พี่น้องชาวนครพนมคิดให้ดี ตัวแทนของท่านมีความคิดที่ด้อยค่าคนอื่นขนาดนี้ เท่ากับว่าเขาดูถูกพี่น้องชาวสกลนครด้วย ดังนั้น ขอให้ชาวนครพนมช่วยกันสอนบทเรียน ไม่ใช่ว่าเรืองอำนาจแล้วจะพูดอะไรก็ได้ ขอให้จำคำผมให้ดี เอาตัวเองให้รอดด้วยเพราะมีคดีอีกเยอะ ในการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ผมมีคลิปอะไรดีๆ รอวันอภิปรายจะได้เห็นคนดีเป็นอย่างไร คนโง่เป็นอย่างไร ผมขอถอดสรรพนามคำว่าครูสำหรับนายศุภชัย โพธิ์สุ”

กดดันลาออกจากรอง ปธ.สภาฯ

นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตำแหน่งรองประธานสภาฯเป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯมา จะมาขอโทษอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ เพราะไม่ได้พูดในฐานะ ส.ส.หาเสียงธรรมดา อีกฐานะคือรองประธานสภาฯ อย่าเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์ด้วยคำสบถใส่คนอื่นว่า “โง่”

“อุ๊งอิ๊ง” ขายฝันค่าแรงขั้นต่ำ 600

ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.00 น. มีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำภายในปี 2570 หากได้เป็นรัฐบาล จะเห็นการเปลี่ยนแปลงดังนี้ 1.นโยบายเศรษฐกิจ ปี 2566-2570 การขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) จะโตเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ เช่น เชฟอาหาร นักออกแบบ แฟชั่นดีไซเนอร์ มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อปี ดึงศักยภาพ 1 คนในทุกครอบครัว ให้ได้รับโอกาสอบรมทักษะที่มีความถนัด ไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนจบปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป การแก้ปัญหาหนี้สินประชาชน ไม่ใช่แค่พักหนี้ แต่จะล้างหนี้จนหมดสิ้น เปิดโอกาสให้คนสร้างเนื้อสร้างตัว เข้าถึงแหล่งทุนได้หลากหลายด้วยดอกเบี้ยต่ำ

บัตร ปชช.ใบเดียวรักษาได้ทุก รพ.

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า 2.นโยบายการเกษตร นำเทคโนโลยีมาใช้ทางการเกษตรให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น เหนื่อยน้อยลง ใช้การตลาดนำการผลิต ราคาสินค้าการเกษตรต้องขึ้นยกแผง 3.นโยบายท่องเที่ยว ปี 2570 มีรายได้การท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทต่อปี การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยได้รับความนิยมจากทั่วโลก เทศกาลสงกรานต์และลอยกระทง เป็นเทศกาลระดับโลก ที่นักท่องเที่ยวปักหมุดไว้ในปฏิทิน 4.นโยบายด้านนวัตกรรม สร้างโครงข่ายเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ที่เป็นช่องทางขายสินค้าเกษตร ส่งเสริมงานวิจัยอย่างจริงจัง ป้องกันคอร์รัปชันการเมืองแบบ “ลิงกินกล้วย” เป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ 5.นโยบายสาธารณสุข หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ถูกอัปเกรดให้ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วประเทศ ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต ได้รับการดูแลจากผู้ช่วยพยาบาลทั้งที่บ้านและที่ศูนย์ชีวาภิบาลของรัฐและเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9-11 ปี

สอนภาษาอังกฤษ-จีนตั้งแต่ ป.1

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า 6.นโยบายการศึกษา กระจายอำนาจการศึกษาเหมือนประเทศที่เจริญแล้ว มีโรงเรียน 2 ภาษาทุกท้องถิ่น สอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ตั้งแต่ ป.1 ทั้งในห้องเรียนและออนไลน์ ใช้ครูต่างประเทศมาสอนเสริมร่วมกับครูไทย 7.นโยบายยาเสพติด ยาเสพติดต้องหมดไป 8.นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งถูกแก้ไขทั้งระบบ ป้องกันน้ำทะเลหนุนไม่ให้ท่วม กทม. ด้วยการถมทะเลบางขุนเทียนถึงสมุทรปราการ สมุทรสาคร ทำให้เกิดแผ่นดินงอกจำนวนมาก ลดความแออัดของ กทม. เอาที่ดินงอกนี้มาทำเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม ดึงรายได้จากต่างประเทศเข้าไทย 9.นโยบายคมนาคมและขนส่งมวลชน ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ภูมิภาค มีการลงทุนระบบราง ครั้งใหญ่ สร้างรถไฟรางคู่ทุกเส้นทาง มีรถไฟความเร็วสูง จากจีนมาไทยต่อยาวไปถึงสิงคโปร์ รถไฟฟ้าสายต่างๆ ถูกจัดระเบียบใหม่ ใช้ระบบตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสายได้ก่อนปี 2570 10.นโยบายพลังงาน โครงสร้างราคาพลังงานถูกปรับรื้อ ตั้งแต่ปี 2566 ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ ลดลงทันที ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน

ไม่ต้องย้าย ปท.แค่เปลี่ยนผู้นำ

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ส่วนนโยบายการเมือง ภายในปี 2570 กติการัฐธรรมนูญจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ นายกฯถูกเลือกในสภาฯ กระจายอำนาจบริหารราชการแผ่นดินจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นมากขึ้น มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีความพร้อม ยืนยันนโยบายทั้งหมดทำได้จริง ไม่ต้องย้ายประเทศ แค่พร้อมใจเปลี่ยนผู้นำง่ายกว่า ช่วงเวลา 4 ปีจากนี้ เป็นช่วงพลิกฟื้นประเทศให้กลับมามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีเสถียรภาพการเมือง มาร่วมคิดใหญ่ทำให้เป็นจริง ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค เพื่อคนไทยทุกคน

“อิ๊ง” ชมเปาะ “เศรษฐา” คนเก่ง

ต่อมา น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมนโยบายหาเสียงของพรรคว่า เรามีหลายนโยบายใช้สำหรับการหาเสียง แต่ยังไม่เปิดตอนนี้ เมื่อถามว่ากติกาเลือกตั้งสูตรหารด้วย 100 ทำให้หลายพรรครวมกลุ่มกัน จะเป็นงานหนักสำหรับเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ประชาชนคือประเด็นหลักสำหรับพรรค ปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดนโยบายของพรรค พท. มั่นใจว่าทำได้จริง แก้ไขปัญหาได้จริง เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯของพรรค น.ส.แพทองธารตอบว่า พูดแทนนายเศรษฐาไม่ได้ แต่นายเศรษฐาออกมาให้ข่าวเองว่าสนับสนุนพรรค พท. ต้องขอขอบคุณมาก เพราะเป็นคนเก่งที่สนับสนุนพรรค ไม่ว่าจะมาหรือไม่มา และถึงเวลาเราจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯแน่ เป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ปัญหาประชาชนได้แน่ เมื่อถามว่าการตั้งครรภ์จะเป็นอุปสรรคต่อการลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า การมีลูกคือพลังบวก มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้เป็นอุปสรรค ถือเป็นกำลังใจมากกว่า

“ชลน่าน” ชูสงครามครั้งสุดท้าย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ ถึงชนะเลือกตั้งก็ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เพราะติดเงื่อนไข 250 ส.ว. แต่การแลนด์สไลด์ไม่ใช่ ของง่าย แม้พรรคเพื่อไทยมีกระแสนิยม แต่เขามีกระสุน อำนาจรัฐ อำนาจเงิน เราไม่หวั่นไหวเพราะชัยชนะที่แท้จริงอยู่ที่ประชาชน ขอประกาศปักธงทุกพื้นที่ให้ผู้สมัครทุกคนวิ่งเข้าหาประชาชนทุกวินาที แปลงอำนาจประชาชนมาเป็นคะแนนเสียงให้เพื่อไทยได้มากกว่า 250 เสียง ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ขอฝากผู้สมัครทุกคนให้ทำงานเข้มแข็งอดทน พรรคเพื่อไทยมี 3 ยุทธศาสตร์นำไปสู่แลนด์สไลด์ คือ 1.นโยบายที่เป็นประชาธิปไตย กินได้ ทำได้จริง 2.แคนดิเดตนายกฯมีความรู้ความสามารถ 3.ผู้สมัคร ส.ส.เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน “รบครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย เราแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ทุกคนแพ้ พรรคแพ้ ประชาชนแพ้ จะตกอยู่ใต้อำนาจรัฐ อำนาจเงินอย่างโงหัวไม่ขึ้น เราต้องชนะ” จากนั้น นพ.ชลน่านมอบธงแลนด์สไลด์ให้แก่ผู้นำ 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ อีสาน กลาง ภาคใต้ และ กทม.

ตามโผ “ชูศักดิ์–ภูมิธรรม” รอง หน.

กระทั่งเวลา 13.30 น. นพ.ชลน่านแถลงผลการประชุมว่า การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมและแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกิตติ ลิ่มสกุล นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ เป็นรองหัวหน้าพรรค ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ นายชุมสาย ศรียาภัย เป็นรองเลขาธิการพรรค นายสุรเกียรติ เทียนทอง นายพลนชชา จักรเพ็ชร และนายยุ้ง จักรไพศาล เป็น กก.บห. เมื่อรวมกับ กก.บห.ที่มีอยู่เดิม ทำให้ขณะนี้พรรคมี กก.บห. รวมทั้งสิ้น 15 คน

“ประยุทธ์” เย้ยเอาเงินมาจากไหน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเสนอนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทของพรรคเพื่อไทยว่า ต้องไปดูว่าทำได้จริงหรือเปล่า การจะทำโน่นทำนี่มันไม่ง่ายนักหรอก วันนี้เราทำโครงสร้างมากมาย ก็ต้องดูว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง การจะเพิ่มค่าแรงต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง ต้องดูว่านักลงทุน ผู้ประกอบการรับไหวหรือไม่ วันนี้มันมีความแตกต่างอยู่แล้ว แรงงานที่มีฝีมือค่าแรงสูงกว่า 600 บาทต่อวันอีก เรามีการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อตอบสนองแรงงานยุคใหม่ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร และกิจการที่มีรายได้สูง วันนี้ต้องสนับสนุนไปทำนองนั้นก่อน ทั้งหมดต้องฟังผู้ประกอบการด้วย ประชาชนก็ต้องได้ประโยชน์ เราต้องสนับสนุนให้ได้ค่าแรงตามขีดความสามารถตามความเป็นจริง เมื่อถามว่าผู้จบปริญญาตรีจะได้เงินเดือน 25,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องถามว่าเอาเงินมาจากที่ไหน ถ้ามีเงินเท่าไหร่ก็ได้ อย่าลืมว่าเรามีค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ซึ่งมากพอสมควร ต้องทยอยทำไปพร้อมกับการหารายได้

“เสี่ยเฮ้ง” ดิ้นโต้อย่าพูดเอาสนุก

ที่ จ.กระบี่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวตอบโต้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทพรรคเพื่อไทยว่า ย้อนไปปี 54 พรรคเพื่อไทย เคยหาเสียงค่าแรง 300 บาททั้งแผ่นดิน ทำให้จังหวัดที่ค่าแรงอยู่ที่ร้อยกว่าบาท อยู่กันไม่ได้ ธุรกิจเจ๊งกันระนาว เพราะแรงงานหนีไปอยู่จังหวัดที่ค่าแรง 300 กว่าจะกลับมาปรับสมดุลได้ ต้องใช้เวลานาน การเสนอตัวมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ พูดแบบนี้กำลังทำให้เศรษฐกิจประเทศได้รับผลกระทบ อาจทำให้คนตกงานอีกหลายล้านคน การปรับค่าแรงต้องปรับอยู่แล้ว แต่ต้องปรับเป็นสเต็ป น.ส.แพทองธารคงไม่เคยลำบาก เพราะเกิดมารวย เลยไม่รู้ว่านักธุรกิจ เจ้าของกิจการ กว่าจะสร้างตัวมาได้ยากเย็น หากจะหาเสียงควรคำนึงถึงหายนะทางเศรษฐกิจด้วย อย่าหาเสียงเพราะนึกสนุกแบบนี้

“วิชาญ” เมิน “ประเดิมชัย” ตีจาก

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรค พท. จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยว่า ยังไม่ได้คุยกับนายประเดิมชัย ยืนยันพรรคดูแลสมาชิกทุกคนเท่าเทียมกัน ให้โอกาสนายประเดิมชัยมาตั้งแต่สมัยเป็น ส.ก.เมื่อปี 2562 ส่วนกรณีพรรคคัดเลือกคู่ขัดแย้งกับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี จนนายจิรายุไม่พอใจนั้น ต้องแยกกัน คู่ขัดแย้งถือเป็นเรื่องส่วนตัว พรรคไม่รู้ว่าใครขัดแย้งทะเลาะกับใคร หากคุณสมบัติครบถ้วนต้องพิจารณา หากอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยเคลียร์ ควรมาบอกกันไม่ใช่ไปให้ข่าวแบบนั้น เมื่อถามว่านายจิรายุขอทบทวนบทบาท นายวิชาญตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น นายจิรายุอาจไม่สบายใจ พอพรรคทราบแล้วคงพูดคุยกัน ขอย้ำว่าบางทีกรรมการสรรหาก็ไม่ทราบ

ปชป.ฉะ ภท.บิดเบือนกลบเกลื่อน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า การชี้แจงของ ส.ส.พรรค ภท. เรื่องภาพเด็กพี้กัญชาที่ริมชายหาดพัทยา เหมือนยอมรับความจริงว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวหา นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรค ปชป.จัดฉากโดยไร้หลักฐาน นพ.บัญญัติกำลังดูรายละเอียดในข้อกฎหมายอยู่ ล่าสุดคนที่ถ่ายภาพนำไปลงในโซเชียลปรากฏตัวแล้ว ไม่ได้จัดฉาก เป็นข้อเท็จจริง กล่าวหาว่าโหนเด็กเล่นการเมือง ดูถูกความจริงแทนที่จะหาทางป้องกันช่วยกันร่างกฎหมาย และที่กล่าวหาพรรค ปชป.ขัดขวางกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ให้กลับไปอ่านร่างกฎหมายให้ดี ที่หลายพรรคท้วงติงเพราะมาตรการควบคุมไม่ละเอียดรอบคอบ มีเนื้อหานำไปสู่กัญชาเสรี ไม่ควบคุมการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน ส่วนที่บอกว่าหากกฎหมายผ่านจะควบคุมได้ก็พูดบิดเบือนเพื่อประโยชน์พรรค ภท.ทั้งสิ้น ไม่คิดถึงสังคม ชี้หน้า ด่าคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลาดในนโยบายตน ถ้า ภท.ไม่เห็นแก่เด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ก็สู้ให้เต็มที่อย่าถอย

“บิ๊กตู่” บินถกอียู “ลุงป้อม” คุม ครม.

นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า การประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน-สหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. โดยต้องออกเดินทางก่อนล่วงหน้า จึงได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานการประชุม ครม.ในวันที่ 13 ธ.ค.แทน

ศาลยกฟ้องม็อบรอรับเพื่อน

ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด นายธัชพงศ์ หรือชาติชาย แกดำ และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง, ไม่แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, กีดขวางทางเท้าตาม พ.ร.บ.จราจร, กีดขวางทางสาธารณะ ตาม ป.อาญามาตรา 385 และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตกรณีชุมนุมที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อรอรับผู้ต้องขัง 19 คน ในคดีชุมนุมของคณะราษฎรอีสาน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.63 โดยจำเลยทั้ง 3 เดินทางมาศาล ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าให้พิพากษายกฟ้อง