ลมหนาวมาตามนัด อากาศเย็นสบาย ทั้งภาคเหนือ อีสาน สัมผัสได้ถึง กทม.

ปฏิทินย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน รองสุดท้ายก่อนปลายปี ในบรรยากาศใกล้เทศกาลลอยกระทง เริ่มประเดิมเทศกาลเฉลิมฉลอง ฤดูกาลท่องเที่ยว

ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มลุยสะสางงาน วางแผนทัวร์กันล่วงหน้า

อารมณ์สนใจการบ้านการเมืองลดโทนลงตามเงื่อนไขสถานการณ์ ประกอบห้วงท้ายปลายเทอมสภาผู้แทนราษฎรใกล้หมดอายุรัฐบาล

ประชาชนคนไทยมองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งรอบหน้าแล้ว

ตามแนวโน้มแบบที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ช่วยกันตีปี๊บไล่ราหู ปั่นกระแสยุบสภากันวันนั้น เดือนนี้ ชัวร์ถึงขั้นระบุลงวันที่ 24 ธันวาคม 2565

คิดแทน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พูดเอง เออเอง เสร็จสรรพ

แต่ตัวท่านผู้นำปิดปาก ไม่เคยปูดเรื่องยุบสภาแม้แต่แอะเดียว

ตามอาการจับทางจากบรรดารัฐมนตรีที่ดาหน้าปฏิเสธ ประสานเสียงโทนเดียวกัน ยืนยันนายก รัฐมนตรีไม่ได้ส่งสัญญาณล้มกระดานแต่อย่างใด

ยังไม่มีเหตุให้ล้มโต๊ะบุฟเฟต์คาบิเนต

...

แม้จะเกิดเหตุป่วนในสภา สถานการณ์มาถึงจุดที่แทบจะไม่เหลือสภาพของเสียงข้างมาก จากปรากฏ การณ์เปิดประชุมสภาสมัยสุดท้าย

ต่างฝ่ายต่างใช้เวทีหาเสียง ตีกินคะแนนชนิดไม่มีใครยอมใคร

ไม่รู้ฝั่งรัฐบาล ไม่สนฝ่ายค้าน เพราะลงมติข้ามฝั่งข้ามฝ่ายกันมั่วไปหมด ตามเหลี่ยมชิงผลประโยชน์เข้าทางใครทางมัน

สภาพพรรคร่วมรัฐบาลวงแตก คุมเสียงไม่ได้

สถานการณ์เห็นกันชัดๆกับคิวพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ หรือร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าในวาระ 3 ที่เหมือนม้าเบียดกันเข้าวิน ต้องตัดสินด้วยภาพถ่าย

ฝ่ายคว่ำกฎหมาย ชนะไปแค่ 2 เสียง

แน่นอน เป็นฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลที่เสียเชิง เพราะเสียงหดมาจนเกือบแพ้ฝ่ายค้าน นั่นไม่เท่ากับอาการดิ้นรนเอาชนะด้วยเกมกฎหมายแก้เกมกันจนนาทีสุดท้าย ตามสถานการณ์ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติหลักการ ประกาศกฎกระทรวงการคลังว่าด้วยการผลิตสุรา พ.ศ.2565 ตัดหน้าวาระการพิจารณาร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าในสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอโดยสมาชิกพรรคก้าวไกล

ไวปานวอก ชนิดที่อนุมัติหลักการวันที่ 1 พฤศจิกายน ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ใช้เวลาแค่ 24 ชั่วโมง

มันคือความจงใจใช้เกมกฎหมาย ชิงเหลี่ยมเฉือนคมกัน

ในมุมที่มองได้ว่า ฟากรัฐบาลส่วนใหญ่ต้องการช่วงชิงกระแส สกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้โกยแต้มจากการผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้าได้สำเร็จ

เสร็จทีมเด็กรุ่นใหม่ มีหวังได้คะแนนจากฝ่ายหนุนเปิดสุราเสรีเป็นกอบเป็นกำ

โดยเฉพาะเสียงของประชาชนคนต่างจังหวัดที่นิยม “เหล้าขาว” กันทั่วบ้านทั่วเมือง การพังประตูเหล็ก เปิดทางต้มเหล้าได้เสรี กองพลคนขี้เมาต้องเฮกันเลือกพรรคก้าวไกล

ในฐานะฮีโร่ของสหายสุรา ได้ใจคนจนรากหญ้า

ไม่ต้องอะไร แม้แต่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน ยังโดดโหนขบวนหนุนเหล้าเสรี โหวตร่วมกับทีมเด็กรุ่นใหม่ เอาใจฐานเสียงในต่างจังหวัด

ชิ่งหนีรัฐบาลที่ถูกประจานว่าเอื้อประโยชน์นายทุนผูกขาด

แม้พรรคก้าวไกลจะพลาด แพ้โหวตไป แต่ได้ทั้งขึ้น ทั้งล่อง เพราะยังสามารถนำนโยบายเปิดเหล้าเสรีไปหาเสียงเลือกตั้งในรอบต่อไปได้เลย

ช็อตสกัดกฎหมายเหล้าเสรี รัฐบาลตัวใครตัวมัน

และที่ส่อไปกันคนละทางแน่ๆก็คือ โปรแกรมถัดไปในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง วาระ 2 และวาระ 3 ในสภา สัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้

เดิมพัน “ทางการแพทย์” กับ “ทางการพี้”

ตามท่าทีแบบที่ค่ายประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรค ยักท่า หักอารมณ์สายควัน

ตั้งแง่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯที่เสนอให้ถอนร่างกลับไปแก้ไข ยังไม่เคลียร์ในจุดที่คาใจ

ไม่พูดตรงๆก็เดาทางได้ ประชาธิปัตย์เลือกพิงกำแพงแน่นๆ อ้างอิงเสียงจากแนวร่วมแพทย์ทั่วประเทศที่คัดค้านการเปิดกัญชาถูกกฎหมาย

ส่งผลร้ายต่อเยาวชนและสังคมไทยในระยะยาว

เช่นเดียวกับค่ายพลังประชารัฐ พรรคชาติไทย พัฒนา ก็ยังแทงกั๊ก ไม่ฟันธงจะลงมติหนุนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯในวาระ 2 และวาระ 3 แบบเต็มปากเต็มคำ

อมพะนำ บ่งบอกคำตอบกันในเชิง

โดยเค้าลางที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อดรนทนไม่ได้ ออกมาฟาดใส่คนยี่ห้อประชาธิปัตย์

อัดกันแรงๆถามชัดๆรับงานใครมาล้มกฎหมายกัญชาฯ

ตามทรงที่ “เสี่ยหนู” น่าจะหวั่นอยู่ไม่น้อย ตามรูปการณ์ที่รัฐบาลกุมสภาพเสียงข้างมากไม่ได้ ในขณะที่กองหนุนกัญชาเสรีมีแค่ทีมภูมิใจไทยกับสายควันบางส่วนในพรรคก้าวไกล

นอกนั้น นับหัวไปตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ ค่ายพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา รวมไปถึงแกนหลัก ฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทย ต่างไม่เอาด้วยกับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ

ไม่ตื่นไปกับกระแส “สามล้อฮา ขี้ยาฮือ”

โอกาสที่ความฝันของสายควัน จะแท้งคาสภาเป็นไปได้สูง

และนั่นก็เป็นอะไรที่ทีมภูมิใจไทยมโนไปได้ว่า โดนรุมเตะตัดขา สกัดผลงานโบแดง เพราะทุกป้อมค่ายกลัวทีมเกรียนเซราะกราวแย่งคะแนนนิยมไปอมอยู่คนเดียว

พยายามกระตุก “สายเขียว” ออกมา ร่วมด้วยช่วยกันขย่มเต็มอัตราศึก

แต่นั่นก็คงไม่มีผลอะไรกับทีมประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจหักดิบกันแล้ว ตั้งแต่การบี้ให้พรรคภูมิใจไทยถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯกลับไปทบทวนใหม่

หมดเวลา “เพื่อนกิน” ถึงจังหวะตัวใคร ตัวมัน

ตามสภาพการณ์ หากเป็นช่วงที่สภายังมีการ อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ในสภาพที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่เหลือสภาพของเสียงข้างมาก คุมเกมโหวตไม่ได้

ทางออกเดียว หนีไม่พ้นต้อง “ยุบสภา”

พรรคร่วมรัฐบาลวงแตก ถีบหัวส่ง ทางใครทางมัน

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับรัฐบาลทหารเฒ่า ณ ห้วงปัจจุบัน ที่พ้นโซนอันตราย ผ่านเกมพลิกคว่ำพลิกหงายในสภาไปแล้ว ตามเงื่อนไข ฝ่ายค้านไม่สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อีก

ขณะที่ผู้นำรัฐบาลก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการเงินมาเดิมพันในสภา

“เสียงข้างมาก” ไม่ได้ชี้เป็นชี้ตาย

เกมอยู่ในมือของ “บิ๊กตู่” จะลากไปสุดซอยครบเทอม หรือกดปุ่มล้มกระดานช่วงไหนก็ได้

ในสภาพที่กฎหมายเลือกตั้ง กติกาสำคัญยังลูกผีลูกคน ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยกันตอนไหน เดาทางไม่ถูกจะได้เลือกตั้งกันตอนไหน อย่างไร

เหนืออื่นใด “บุฟเฟต์คาบิเนต” ยังมีอาหารโอชะเหลืออยู่เต็มโต๊ะ ทั้งรถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ รันเวย์สนามบิน ฯลฯ

โกยทิ้งทวนได้อีกมหาศาล

ปมถอนตัวจากรัฐบาลตัดออกไปได้ นักเลือกตั้งอาชีพแบบไทยๆไม่มีใครบ้องตื้น โดดหนีไปร่วมอดอยากปากแห้งกับฟากฝั่งฝ่ายค้าน

สถานการณ์ยังเกาะเกี่ยวกันด้วยอำนาจรัฐ มีโอกาสตุนกล้วยเป็นเสบียงเลือกตั้ง

ถึง “วงแตก” แต่พรรคร่วมรัฐบาลยังไงก็ไม่แยกทาง.

“ทีมการเมือง”