พล.อ.ประวิตร สั่งเด็ดขาดเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ทั้งทางวินัยและทางอาญา พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานดูแลลูกน้อง ตั้งเป้าก้าวนำมาตรฐานอาเซียน

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 4/2565 และ คณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่รัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 1/2565 ต่อเนื่องกัน ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ปกค. ได้รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย (ดอนเมือง) และพิจารณาข้อเสนองบประมาณจากหน่วยงานรัฐ จำนวน 8 หน่วยงาน เพื่อรองรับการการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการว่าด้วย กลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ พ.ศ.2565 ทั้งยังได้พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจกำกับและติดตามการดำเนินงานผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานอนุกรรมการ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการติดตามการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ทั้งทางวินัยและทางอาญา และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการนำข้อมูลการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ รายงานในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทย TIP Report ประจำปี 2565 ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นได้เห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์แทนที่กรรมการที่เกษียณอายุราชการไป และมอบหมายฝ่ายเลขานุการ เสนอร่างคำสั่งฯ ให้ประธานกรรมการฯ ลงนามตามขั้นตอนต่อไป พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานดูแลผู้ใต้บังคับบัญชามิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หากพบว่ามีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ก็ให้ดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะได้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด

...

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และต้องคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหายเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันต้องรับฟังข้อมูลและทำงานร่วมกับ NGOs และองค์กรระหว่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดและจริงจังต่อผู้กระทำผิดทุกคนไม่มียกเว้น โดยเฉพาะการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่พัวพันสถานหนัก พร้อมย้ำว่าสถิติการจับกุมและลงโทษที่เพิ่มมากขึ้น แสดงถึงความพยายามและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยคดีต่างๆ ต้องมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม เพื่อให้การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์หมดไป และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ.