ข่าวลือที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นข่าวใหญ่ คือข่าวลืออาจมีการยุบสภาในวันที่ 24 ธันวาคม ลือกันด้วยว่าจะมี ส.ส.จากพรรคแกนนำรัฐบาล ยกพวกลาออกไปเข้าพรรคฝ่ายค้าน เพราะกลัวว่าอาจยุบพรรค ในความผิดฐานรับเงินต่างชาติ และอาจแพ้เลือกตั้ง เพราะผลโพลที่ออกมาเป็นระยะ ล้วนแต่อยู่ในช่วงขาลง
จากข่าวลือที่ไม่เป็นมงคลเหล่านี้ ทำให้รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐหลายคนออกมายืนยัน จะไม่มีการยุบสภาก่อนสิ้นปีแน่นอน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจยุบสภา โบ้ยให้ไปถามคนปล่อยข่าว นั่นก็คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
มีคำชี้แจงจาก นพ.ชลน่านว่า เนื่องจากมีสื่อถามถึงสาเหตุของการยุบสภา ตนจึงบอกให้คอยหลังวันที่ 24 ธันวาคม จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง ทั้งเรื่อง ส.ส.จะลาออก ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ภายใน 90 วัน อาจเป็นเหตุผลให้ยุบสภาก็ได้ แต่จะมีการยุบสภาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ พล.ประยุทธ์
เหตุที่จะต้องยุบสภาภายในวันที่ 24 ธันวาคม ไม่ใช่ถือว่าเป็นวันโชคงามยามดี แต่เพื่อให้ ส.ส.ที่ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ มีคุณสมบัติที่จะสมัคร ส.ส. เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่าผู้สมัคร ส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่งเพียงพรรคเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ถ้าเป็นการยุบสภา ให้ลดลงเหลือ 30 วันก็ได้
ข่าวลือเรื่องการยุบสภา ที่ลุกลามเป็นไฟไหม้ฟาง อาจสะท้อนว่าการเมืองไทยขณะนี้ อยู่ในอาณาจักรแห่งความกลัว นักการเมืองถูกครอบงำด้วยความลำเอียง อันเกิดจากความกลัวที่ทางพระเรียกว่า “ภยาคติ” กลัวว่าจะแพ้เลือกตั้ง หลังจะเกิดรัฐประหาร จึงมีข่าวลือบ่อยๆ เพราะไทยมีรัฐประหารบ่อย
พรรคพลังประชารัฐอาจกลัวแพ้เลือกตั้งมากที่สุด เพราะผลของนิด้าโพลที่ออกมาเป็นระยะ ล้วนแต่ชี้ว่า พปชร. อยู่ในช่วงขาลง สาละวันเตี้ยลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่มั่นใจว่าจะชนะ แต่ก็ยังเป็นโรคกลัว คือกลัวว่าจะไม่แลนด์สไลด์ ต่างฝ่ายต่างเป็นโรควิตกกังวลทั้งๆที่ผลการเลือกตั้งอาจไม่ชี้ขาดด้วย “กระแส”
...
แต่ผลการเลือกตั้งอาจตัดสินกันด้วย “กระสุน” ด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐ อำนาจรัฐธรรมนูญฉบับพิสดาร ที่อาจทำให้ผู้ชนะเลือกตั้งกลายเป็นผู้แพ้ และบันดาลให้ผู้แพ้กลายเป็นผู้ชนะ เคยพิสูจน์ชัดเจนมาแล้วในการเลือกตั้งและการเลือกนายกรัฐมนตรี 2562 เพราะอีกฝ่ายหนึ่งมี ส.ว.แต่งตั้งอยู่ในกำมือถึง 250 เสียง.