คนจับตา กฎหมาย #สุราก้าวหน้า เข้าสภาวันนี้ (2 พ.ย.) หลังรัฐบาลแก้กฎกระทรวงการผลิตสุรา 2565 "ก้าวไกล" มองแค่ "เปลี่ยนล็อก" ให้ดูเหมือนลดข้อจำกัด แต่ความจริงรายย่อยยังผลิตสุรายากเหมือนเดิม

วันที่ 2 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์ ผ่านเฟซบุ๊ก ให้ประชาชน ร่วมกันจับตา กฎหมายสุราก้าวหน้า ซึ่งจะเข้าสภาในวันนี้ พร้อมกับขอให้คนที่ติดตามเรื่องนี้ แชร์ข้อมูล ออกไปให้มากที่สุดก่อนการลงมติ

ซึ่งข้อมูลที่ว่า คือ กฎกระทรวงการผลิตสุรา 2565 ที่รัฐบาลเพิ่งออกมาไม่ใช่การ "ปลดล็อก" ธุรกิจสุรา แต่คือการ "เปลี่ยนล็อก" ให้ดูเหมือนลดข้อจำกัด แต่ในความเป็นจริงยังมีอุปสรรคที่เรามองไม่เห็น เช่น

  • การต้องขอใบอนุญาต
  • การจำกัดรูปแบบวิธีการผลิต
  • การกำหนดให้ต้องทำ EIA ซึ่งต้นทุนสูงนับล้านบาท
  • การผลิตสุราชนิดพิเศษไม่ว่าจะเป็น วิสกี้ ยิน บรั่นดี เหล้าขาว ยังคงมีเกณฑ์กำลังการผลิตขั้นต่ำวันละนับหมื่นลิตร ที่กีดกันผู้ผลิตรายย่อยเช่นเดิม


ทำให้กฎกระทรวงใหม่ฉบับนี้ จึงไม่ใช่การนำธุรกิจสุราให้ออกจากมือนายทุน แต่เป็นแค่การตบตาให้ดูเหมือนว่าปลดล็อกให้ทำธุรกิจง่ายขึ้นแล้ว แต่ความจริงรายย่อยก็ยังผลิตสุราได้ยากอยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกล ยังได้อธิบายเหตุผลของ การผลักดันกฎหมาย "สุราก้าวหน้า" ว่า ไม่ใช่แค่เพราะเป็นกฎหมายที่ปลดปล่อยศักยภาพของผู้ผลิตสุราไทยเพียงอย่างเดียว แต่คือหนึ่งในพลังที่ผลักให้ประเทศไทยก้าวหน้าขึ้น สุราก้าวหน้าไม่ใช่แค่เรื่องของนักดื่มหรือผู้ผลิตสุรา แต่ยังสร้างผลต่อเนื่องอื่นๆ ในการสร้างประเทศไทยมากกว่านั้น

พร้อมเปิด 4 ผลพลอยได้ที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่เรามีกฎหมายสุราก้าวหน้าว่า

1) ช่วย "เพิ่มรายได้เกษตรกร" เบียร์-สุราหมักจากข้าว ไวน์ หมักจากพืชพรรณผลไม้ต่างๆ กฎหมายสุราก้าวหน้าจะทำให้เราสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยกล่าวไว้ว่า “ข้าวเก็บไว้ในโกดังมีแต่ราคาลด แต่ถ้าเก็บในไหในขวดบ่มเป็นสุราคุณภาพดี ราคามีแต่ขึ้น”

2) ช่วย "กระตุ้นการท่องเที่ยว" ให้แต่ละท้องถิ่นดึงเอกลักษณ์ของตัวเองออกมา สุราก้าวหน้าสามารถสร้างเรื่องราวเพื่อเปิดประตูให้เราไปเรียนรู้และทำความรู้จักท้องถิ่นเหล่านี้ กระจายความน่าค้นหาของประเทศไทยไปสู่พื้นที่ต่างๆ

3) ช่วย "กระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย" ในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดเท่ากัน ประมาณ 400,000 ล้านบาท/ปี ประเทศญี่ปุ่นมีผู้ประกอบการมากกว่า 20,000 ราย ในขณะที่ไทยแบ่งผลประโยชร์กันในผู้ประกอบการเพียง 7 รายใหญ่เท่านั้น นี่คือประจักษ์พยานที่แสดงให้เห็นถึงการผูกขาดทางอำนาจของกลุ่มทุนในประเทศนี้ที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกดไม่ให้หน่ออ่อนของเศรษฐกิจรากหญ้าได้เติบโต

ถ้าเราสามารถกระจายผลประโยชน์จากมูลค่าทางเศรษฐกิจเหล่านี้ไปสู่รายย่อยเพียงแค่ 10% นั่นหมายถึงเม็ดเงินกว่า 40,000 ล้านบาทในแต่ละปีที่จะไปเสริมเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโต

4) ช่วย "สร้างประเทศที่ไม่ผูกขาด" นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพลังของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ เอาชนะกลุ่มทุนผูกขาดได้ผ่านกลไกสภาตามระบอบประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนหลายคน ซึ่งติดตามกฎหมายฉบับนี้อยู่ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายสุราก้าวหน้า พร้อมทั้งติดแฮชแท็ก #สุราก้าวหน้า ส่งผลให้แฮชแท็กติดกระแสในทวิตเตอร์ และโลกโซเชียล

อ่าน : รู้จัก “สุราก้าวหน้า” คืออะไร สำคัญแค่ไหน ใครได้ประโยชน์บ้าง

...

ที่มาจาก ทวิตเตอร์