ห้วงเปลี่ยนผ่านฤดู กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ ประเทศไทยเข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมเป็นต้นไป
อากาศจะเย็นกว่าปีที่แล้ว แนวโน้มหนาวสุดช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมปีหน้า
แม้แต่พื้นที่กรุงเทพฯ อุณหภูมิจะลดลงไปอยู่ระดับ 17-19 องศาเซลเซียส นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงภาคเหนือ ภาคอีสาน พื้นที่ราบสูง บนเขา ยอดดอย อุณหภูมิจะหล่นวูบเหลือแค่เลขตัวเดียว
ลมหนาวโชยมา สัญญาณบ่งบอกช่วงเวลาใกล้ส่งท้ายปลายปี
และก็นับเป็นครั้งสุดท้าย ปลายเทอมสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
เวทีสภาเปิดให้ ส.ส.โชว์ลีลาหาเสียงทิ้งทวน
มีหวังได้ล่อกันฝุ่นตลบอบอวลแน่
แม้จะไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่รัฐธรรมนูญก็ยังเปิดช่องให้มีการเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ รวมทั้งการเสนอกระทู้ถามรัฐบาล
เป็นอาวุธของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหาร
ตามฟอร์ม มันจะเป็นห้วงจังหวะของยุทธการเตะตัดขา เสียบสกัด กระตุกขารัฐบาลไม่ให้ใช้ความได้เปรียบในการกุมอำนาจรัฐหาเสียงอยู่ฝ่ายเดียว
...
แบบที่ฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย ง้างหมัดรอล่วงหน้า จ่อเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ จ้องกระหน่ำปมการบริหารเศรษฐกิจ ความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำท่วม ฯลฯ
ขุดมาด่าได้ทุกเรื่องแบบฟรีสไตล์
ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ต้องดาหน้าประจาน ดิสเครดิต “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ลากปืนครกถล่ม ครม.เต็มอัตราศึกแน่
ตอกย้ำผลงานย่ำแย่ เบิ้ลบลัฟฝีมือบริหารห่วย
ประทับภาพ “ปมด้อย” ของทีมผู้นำทหารเฒ่า
และไม่ใช่แค่ฝ่ายค้านที่ต้องเตะตัดขา เสียบสกัด “บิ๊กตู่” แม้แต่ในหมู่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ยังส่อฟัดกันนัว ล่อกันอีนุงตุงนัง
หมดเวลา “เพื่อนกิน” ได้เวลาแยกย้ายตัวใครตัวมัน
เสียบสกัด เตะตัดขา ปาดหน้าแย่งกันชิงผลงานหาเสียงเลือกตั้ง
ตามปรากฏการณ์อย่างที่เห็นอาการยื้อยุดฉุดกระชาก ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ จ่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3
ท่ามกลางสัญญาณ อาการปั่นป่วน ที่ลามต่อเนื่องมาจากการที่ค่ายประชาธิปัตย์เสนอให้ถอนร่างกฎหมายกลับไปพิจารณาให้รอบคอบ
โดยอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มแพทย์ทั่วประเทศที่แสดงความห่วงใย กังวลผลกระทบจากกัญชาอาจทำให้ปัญหายาเสพติดแพร่กระจายในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนได้ง่าย
ภาพพจน์ประเทศ ไทยจะกลายเป็นดินแดนกัญชาเสรี
และนั่นก็คล้อยตามกันกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆทั้งค่ายพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา มองไปในมุมเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ยังไปตรงกับจุดยืนของแกนนำฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ขัดขวางกฎหมายกัญชาเสรีแบบเต็มกำลัง
แนวโน้ม พ.ร.บ.กัญชาฯฝ่าด่านสภาไม่ได้ง่ายๆ
ส่อเค้าโดนยื้อ ดองไปจนหมดอายุสภาผู้แทนฯ
แผนตีกินคะแนนของ “สายควัน” สะดุด ถึงขั้นที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ส่งสัญญาณขู่ล่วงหน้า
ถ้า พ.ร.บ.กัญชาฯไม่ผ่านสภา น่าจะมีปัญหาต่ออนาคตการร่วมรัฐบาล
กดดัน วัดใจผู้นำ 3ป.กันแบบโต้งๆ
ตามสภาพการณ์ที่ “เสี่ยหนู” มั่นอกมั่นใจในดุลอำนาจที่ถืออยู่ในกำมือ ซุปเปอร์ไดโว่พลังผีโม่แป้งที่ดูดงูเห่า ต้อน ส.ส.เข้าคอกไว้จำนวนมาก มีผลต่อทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ
ไม่ว่าจะ ป.ไหน ก็ไปต่อไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคภูมิใจไทยหนุน
การใช้ดีลรัฐบาลล่วงหน้า แลกกับการหนุน พ.ร.บ.กัญชาฯ ก็ต้องลุ้นว่า “บิ๊กตู่” จะยอมถอย ปล่อยให้ค่ายเซราะกราวโชว์ผลงานโบแดง หาเสียงกับ “สายควัน” หรือไม่
นี่คือมุมไฟต์บังคับของ พล.อ.ประยุทธ์
สูตรตายตัว ถ้าไปต่อก็อาศัยได้แค่ทีมพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิม คือ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และขาดไม่ได้คือยี่ห้อภูมิใจไทย
ล็อกคอขั้วเดิม เพิ่มเติมอาจแทรกด้วยค่ายรวมไทยสร้างชาติ ทีมงาน “รวมไทยสร้างตู่”
ดูตามทรง “บิ๊กตู่” ก็ต้องยอมโดนภูมิใจไทยขี่คอเหมือนทุกครั้ง
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ “บิ๊กป้อม” ที่กำลังมีความหวังกับการสร้างปรากฏการณ์ “มิชชันอิมพอสสิเบิ้ล” ทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้
ลุ้นคั่วแคนดิเดตนายกฯ “ฮั้วข้ามขั้ว”
เมื่อมีการ “ทอดสะพาน” จากพรรคเพื่อไทย ลูกข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแบะท่าพร้อมผสมพันธุ์กับค่ายพลังประชารัฐ ตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งรอบหน้า
แต่มีข้อแม้ ต้องตัด “บิ๊กตู่” ออกจากดีลอำนาจ
ตั้งเงื่อนไข เขี่ย พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นทางแค่คนเดียว
ตามเหลี่ยมแห่ “พี่ใหญ่” ไล่ “น้องเล็ก” โดยข้อเสนอของทีมนายห้างดูไบ นั่นก็หมายถึงการ “เชิด” พล.อ.ประวิตร ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งขุมอำนาจทหารเฒ่า 3ป.แทน “บิ๊กตู่”
ชู “บิ๊กบราเธอร์” เป็นหัวขบวนตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร
ได้จังหวะ “เสี้ยม” ตอกลิ่มแยก 2ป.ที่กำลังเกิดรอยร้าว
จากการขับเคี่ยว เบียด ปาดหน้า ชิงตั๋วนายกฯรอบต่อไป ในอาการแบบที่ “บิ๊กตู่” พร้อมเดินหน้าลุยสุดซอย ไม่มีใส่เกียร์ถอย แม้จะเหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกฯได้แค่ปี 2568
ลักลั่น ครึ่งๆกลางๆไปต่อได้ แต่ไม่สุดทาง
ทำให้พิมพ์เขียวอำนาจที่วางกันไว้ในบทเฉพาะกาล แผนใช้ “250 ส.ว.ลากตั้ง” หามขึ้นแท่นนายกฯรอบสามที่ว่าชัวร์ๆพลอยสะดุดรอยตะเข็บขนาดใหญ่
สร้างความคึกคักให้พวกที่แหงนคอรอต่อแถว มีหวังเสียบตามๆกัน
โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่รอโดยสารรถไฟเที่ยวสุดท้ายมันถือเป็นโอกาสดีที่สุด ในสถานการณ์ได้ “ใจบันดาลแรง” มีลุ้นขึ้นแท่นผู้นำตัวจริงสมใจ
ที่แน่ๆไม่ต้องรอลุ้นโปรโมชัน “นายกฯคนละครึ่ง”
เพราะถึงเวลาจริงก็ไม่อาจมั่นใจ ไม่มีหลักประกันได้ว่า “นายกฯครึ่งหลัง” จะได้ตามที่แบ่งสมบัติผลัดกันชมกับ “น้องเล็ก” หรือไม่
เพราะมันต้องถามตัวจ้องสอดแทรกอย่าง “เสี่ยหนู” ยอมหรือเปล่า
เอาเป็นว่า “ทักษิณ” เก๋าเกมมาก ที่เปิดสูตรร้อน โยนทุ่นรัฐบาลพลังประชารัฐ–เพื่อไทย มาล่อใจ
ต่อให้ฉากหน้านิ่งยังไง ลึกๆ “บิ๊กป้อม” หวั่นไหวแน่นอน
และตามรูปเกมมาถึงตอนนี้ สปอตไลต์ฉายส่องไปที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะ “ตัวช่วย” ของนายห้างดูไบ มีน้ำหนักมากกว่า “นอมินี” ในพรรคเพื่อไทยเสียด้วยซ้ำ
นายกฯข้ามค่าย นอมินีข้ามขั้ว หมากเด็ดตัวจริง
ประเมินจากขุมกำลัง สูตรร้อนๆ พรรคพลังประชารัฐ แท็กทีมพรรคเพื่อไทย รวมกับ “ส.ว.ลากตั้ง” สายตรง “บิ๊กบราเธอร์” ที่มีอยู่กว่า 150 คน
ทีมแห่ “พี่ใหญ่” หนาแน่นกว่าขบวนหาม “น้องเล็ก” ชัดเจน
นั่นก็ไม่แปลกถ้าจะได้เห็น “บิ๊กตู่” อพยพลูกข่ายสายตรงแหกค่ายพลังประชารัฐ ไปปักหลักกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ค่าย กปปส.ที่ซ่องสุมกำลังเป็นฐานสำรอง
“น้องเล็ก” ต้องงัดแผนสอง
เพราะ “บิ๊กป้อม” ไม่มีทางทิ้งโอกาสทองแน่.
“ทีมการเมือง”