“บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะประชุม กนป. เห็นชอบดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ประกันรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เน้นย้ำทุกหน่วยงานต้องกระทบเกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ น้อยที่สุด

วันที่ 19 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 3/2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศและตลาดโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการของอินโดนีเซียที่มีการประกาศยกเลิกภาษีส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งหมด แต่จากสถานการณ์ภัยแล้งในทวีปอเมริกาทำให้ราคาน้ำมันพืชชนิดต่างๆ รวมถึงน้ำมันปาล์มยังทรงตัว ไม่ปรับลดลงมากนัก

สำหรับสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศ คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคบริโภคและอุตสาหกรรม จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 0.09 ล้านตันต่อเดือน เนื่องจากภาวะการค้าและการบริโภคยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่ภาคพลังงานปรับเพิ่มขึ้นหลังจากมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 เห็นชอบ การกำหนดเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลจาก บี5 เป็น บี7 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

...


ทั้งนี้ ที่ประชุมวันนี้เห็นชอบการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม คราวละ 3 ปี (ปี 2566-2568) และขอขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 2565 เป้าหมาย 150,000 ตัน โดยขยายระยะเวลาส่งออกเป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2565 และขยายระยะเวลาโครงการให้สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2566

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565-2566 ให้เริ่มจ่ายเงินชดเชยประกันรายได้ งวดที่ 1 แก่เกษตรกรตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เพื่อให้มีความต่อเนื่องจากโครงการปี 2564-2565 ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้พิจารณาเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติแทนที่ชุดเดิมซึ่งหมดวาระในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบไปด้วยผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ 7 คน และผู้ประกอบการสวนปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นตัวแทนเกษตรกร 3 คน

ทางด้าน พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำทุกหน่วยงานให้คำนึงถึงเกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ไม่ให้ได้ผลกระทบ หรือได้ผลกระทบน้อยที่สุดจากการดำเนินการของรัฐบาล โดยเน้นมาตรการระยะยาวแปรรูป และเพิ่มมูลค่าให้ปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ทั้งยังได้ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ 8 ชนิด ส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (SAF) ซึ่งในปัจจุบันมีภาคเอกชนหลายรายเริ่มลงทุนแล้ว ต้องยอมรับว่าผลงานการบริหารราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นเป็นที่ประจักษ์ภายใต้การดูแลของ พล.อ.ประวิตร ทำให้ชาวเกษตรกรสวนปาล์มชื่นชมถึงความทุ่มเทในการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน