“ไทยภักดี” ร้อง กกต. ตรวจสอบ "ก้าวไกล" เหตุ เสนอนโยบายกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ หลังดึงดันแก้ ม.112-ม.116 -ให้พระสงฆ์มีสิทธิเลือกตั้ง ชี้โทษอาจไปถึงขั้นยุบพรรค

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกพรรคไทยภักดี พร้อมด้วย นายภัทรพล หมดมลทิน ประธานเครือข่ายและศาสนา พรรคไทยภักดี คณะเป็นตัวแทนพรรคไทยภักดี เดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายสุขสันต์ กล่าวว่า วันนี้พรรคไทยภักดีมายื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการกรณีที่พรรคก้าวไกลนำเสนอนโยบายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ว่า ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่คุ้มครองพระประมุขของรัฐ และมีใช้อยู่กันทั่วโลก การมีกฎหมายดังกล่าวนั้น มันเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังมีประเด็นที่เสนอให้นำมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายที่อยู่ในหมวดความมั่นคงของรัฐออกไปอยู่ในหมวดที่ยอมความกันได้ ถือเป็นการลดระดับความสำคัญของกฎหมายลง และการที่เสนอให้สำนักพระราชวังเป็นโจทย์แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดมาตรา 112 เป็นการดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนในอนาคตข้างหน้า จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบการนำเสนอนโยบายแบบนี้จะเป็นบรรทัดฐานของสังคมในอนาคตต่อไปหรือไม่ ซึ่งพรรคการเมืองภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ต้องตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และที่สำคัญ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุไว้ชัดเจนพรรคการเมืองต้องไม่ปฏิบัติการใดใดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากพบว่ามีความผิด กกต.ต้องดำเนินการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งความผิดอาจถึงขั้นยุบพรรคได้

...

ด้าน นายภัทรพล กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคก้าวไกล ยังได้เสนอนโยบายให้พระสงฆ์ใช้สิทธิเลือกตั้งได้นั้น ขัดกับคำสั่งมหาเถรสมาคมที่ห้ามพระภิกษุหรือสามเณร สนับสนุน หรือช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อมในการหาเสียง หรือการเลือกตั้ง ส.ส. และมติของมหาเถรสมาคมที่ห้ามพระสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แม้จะเป็นเรื่องเทศน์ ถ้าพระมีการเลือกข้างหรือเลือกพรรคการเมืองก็ไม่เหมาะสม เพราะจะนำมาซึ่งความแตกแยกของบ้านเมืองนั้น ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่