หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เชื่อ กฎหมายลูกผ่านด่านศาลรัฐธรรมนูญ บอก ถ้าถึงทางตันต้องหาทางออกให้ประเทศ ชี้ พ.ร.ก.ใช้แทน พ.ร.บ. กรณีมีเหตุเร่งด่วนเท่านั้น
วันที่ 16 ต.ค. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ออกมาระบุ หากกฎหมายลูกไม่ผ่านในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอาจต้องออกเป็น พ.ร.ก. หรือให้ กกต.ออกระเบียบ เพื่อจัดการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยรับได้หรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่มีบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามคำชี้แจงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายลูกตก ต้องแบ่งออกเป็น 2 ช่วง หากสภาฯอยู่จนครบวาระ ระยะเวลาที่เหลือประมาณ 6 เดือน หากเร่งนำกฎหมายลูกเข้าสู่รัฐสภาแล้วปรับแก้ให้สอดคล้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็น่าจะทันการเลือกแต่หากเป็นกรณีมีการยุบสภาฯ ช่วงนี้แล้วทำกฎหมายลูกไม่ทัน การออกเป็นระเบียบ กกต.ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ กกต.ไม่มีกฎหมายรองรับการออกระเบียบเช่นนี้ กฎหมายว่าด้วย กกต.ให้ กกต.ออกระเบียบในหน้าที่และอำนาจของ กกต. แต่การเลือกตั้งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดต้องออกเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น และหากจะไปออกเป็น พระราชกำหนดจากฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ก็มีข้อกำกัด เนื่องจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีศักดิ์ต่างจาก พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทั่วไป แต่ พ.ร.ก.ใช้แทน พ.ร.บ. กรณีมีเหตุเร่งด่วนเท่านั้น อีกทั้งการออก พ.ร.บ.ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ เมื่อยุบสภาฯ แล้วจึงไม่สามารถออกเป็น พ.ร.ก.ได้ ซึ่งตนเห็นมีนักวิชาการบางคนเสนอว่าถ้าถึงทางตันจริงอาจไปใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 5 ที่ระบุเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งตนมองว่าการหาทางออกให้ประเทศวิธีนั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพียงแต่ขอให้กติกาที่ออกมาต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
...