“ก้าวไกล” ปล่อยของชุดแรก โชว์นโยบาย “ไทยก้าวหน้า” 9 ประเด็น “พิธา” จัดหนักการเมืองไทยก้าวหน้า 4 หัวข้อหลัก จัดระเบียบทหาร-ศาล คนต้องเท่ากัน สร้าง รธน.ใหม่ ปลดล็อกประเทศ “พิจารณ์” ลุยปฏิรูปกองทัพ งัดใบแดง ห้ามนายพลเกษียณนั่ง รมต.ก่อน 7 ปี ตัดเส้นสายกองทัพเข้าสู่อำนาจการเมือง ยุบทิ้ง กอ.รมน. ยึดหม้อข้าวเหล่าทัพคืนรัฐบาล “โรม” กร้าวปฏิรูปศาล ผู้พิพากษาต้องเปิดบัญชีทรัพย์สิน ลุยแก้ ม.112-116 เล่นใหญ่ชงนิรโทษกรรมคดีการเมืองตั้งแต่ปี 57 “พริษฐ์” ดัน สถาปนา รธน.ฉบับประชาชน หักดาบ ส.ว. “บิ๊กป้อม” ขยับขับเคลื่อนนโยบาย พปชร. เข็น 3 พันธกิจ สานต่อ 3 นโยบายประชารัฐ เน้นทำได้จริง ไม่ขายฝัน 17 ต.ค.ลุยสุราษฎร์ชิงแต้มแดนสะตอ “อู๊ดด้า” ไปชุมพรลั่นชนะยกจังหวัดฟุ้งปักษ์ใต้กวาด ส.ส.เกิน 40 ที่นั่ง
พรรคการเมืองต่างๆทยอยเปิดชุดนโยบาย เพื่อเรียกคะแนนนิยมล่วงหน้าก่อนลงสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ล่าสุดพรรคก้าวไกลเปิดนโยบายชุดแรก “การเมืองไทยก้าวหน้า” ตั้งเป้าหมายสร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้าใน 9 ประเด็น ชูธงแก้กฎหมายมาตรา 112 และออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองตั้งแต่ปี 2557
ก.ก.เปิดนโยบายประเทศไทยก้าวหน้า
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ต.ค.ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนโยบายชุดเเรก “การเมืองไทยก้าวหน้า” มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมแถลงข่าวว่า ชุดนโยบายของก้าวไกลเป็นบ้านนโยบายที่ชื่อว่า “ไทยก้าวหน้า” มีเป้าหมายสร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้า 9 ประเด็นคือ การเมืองไทยก้าวหน้า ราชการไทยก้าวหน้า ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า เศรษฐกิจไทยก้าวหน้า เกษตรไทยก้าวหน้า สวัสดิการไทยก้าวหน้า การศึกษาไทยก้าวหน้า สุขภาพไทยก้าวหน้า และสิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า บนฐานความคิดประเทศไทยเป็นของประชาชน ที่เปิดนโยบายการเมืองอันดับแรก เพราะหากการเมืองไม่ดี ยากที่เศรษฐกิจ สังคม และปัญหาอื่นจะถูกแก้ไขได้ จะไม่มีวันได้เห็นประเทศก้าวหน้ากว่านี้ โดยนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้าประกอบด้วย 4 หัวข้อหลักคือ ทหารของประชาชน ศาลของประชาชน คนเท่ากัน และรัฐธรรมนูญใหม่ปลดล็อกประเทศไทย
...
เเจกใบเเดงนายพล ทุบหม้อข้าวทหาร
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า นโยบายปฏิรูปกองทัพเริ่มจากการแจกใบแดงนายพล ห้ามนายพลเกษียณอายุเป็นรัฐมนตรีจนกว่าจะเกษียณครบ 7 ปี เพื่อตัดวงจรการใช้อำนาจเส้นสายระบบอุปถัมภ์ของกองทัพมาสู่อำนาจทางการเมือง และมีนโยบายยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ใช้อำนาจล้นเกิน ก้าวก่ายกิจการราชการพลเรือน ยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนใต้ที่นำไปสู่การซ้อมทรมานในค่ายทหาร สร้างบาดแผลความไม่ไว้วางใจให้คนในพื้นที่ ขัดขวางการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ จะปรับโครงสร้างกองทัพให้กระชับ คล่องตัว ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ลดนายพล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ยกเลิกระบบทหารรับใช้ ให้กองทัพคืนธุรกิจของกองทัพ ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรมม้า มวย ให้กับรัฐบาล คืนที่ดินของกองทัพมากมายทั่วประเทศให้มาเป็นที่ทำกินของประชาชน แล้วให้ท้องถิ่นนำมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำสนามกีฬาหรือลานอเนกประสงค์
แก้ ม.112–116 ปฏิรูปศาลแจงทรัพย์สิน
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า นโยบายการเมืองไทยก้าวหน้าในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม จะเริ่มจากการปฏิรูปศาล ให้ยึดโยงรับใช้ประชาชน ให้ผู้พิพากษาต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้แก่ กฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พรรคได้เสนอแก้ไขไปแล้ว ร่างแก้ไขชุดกฎหมายถูกบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฯแล้ว ยกเว้นร่างแก้ไข กฎหมายมาตรา 112 ที่สภาฯ ไม่ยอมบรรจุเข้าวาระ อ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พรรคยืนยันจะเดินหน้าผลักดันต่อไปหากได้เป็นรัฐบาล ขอย้ำว่าการแก้ 112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของประเทศ
เล่นใหญ่นิรโทษกรรมคดีการเมือง
นายรังสิมันต์ยังกล่าวเปิดนโยบายการนำรัฐบาลไทยให้สัตยาบันรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC เพื่อชำระสะสางคดีอาชญา กรรมที่รัฐกระทำต่อประชาชน เช่น เหตุการณ์สังหารหมู่คนเสื้อแดงในปี 2553 รวมถึงโศกนาฏกรรมตากใบและป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมเช่นนี้อีกในอนาคต ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลที่เกาะกินประเทศไทย และข้อเสนอใหญ่ที่สุดของพรรคก้าวไกลคือ การนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เพื่อคืนความเป็นธรรมและอนาคตให้กับประชาชนที่ต้องคดีการเมืองเพียงเพราะแสดงความเห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน
พระกาบัตรได้–ใช้คำนำหน้าเสรี
น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสายไหม พรรคก้าวไกล แถลงว่าชุดนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้าในหมวดคนเท่ากันว่าด้วยการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เริ่มจากการจ้างงานคนพิการ 20,000 ตำแหน่ง เพื่อให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี เสนอนโยบาย อัตลักษณ์ทางเพศก้าวหน้ารับรองความหลากหลายทางเพศอย่างเท่าเทียมกัน บุคคลเลือกคำนำหน้าได้ตามความสมัครใจ เพิ่มตำรวจหญิงทุกสถานี เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีล่วงละเมิดทางเพศ นำไปสู่การอำนวยความยุติธรรมในคดีทางเพศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกนโยบายที่ส่งเสริมสิทธิผู้หญิง คือการเพิ่มวันลาคลอดเป็น 180 วัน และพ่อแม่แบ่งกันใช้ได้ เพื่อให้หน้าที่เลี้ยงลูกในวัยแรกเกิดเป็นของทั้งพ่อและแม่ ไม่เป็นภาระแม่ฝ่ายเดียว นอกจากนี้จะเสนอให้พระเลือกตั้งได้เช่นเดียวกับนักบวชศาสนาอื่น เนื่องจากพระยังต้องไปเกณฑ์ทหาร ยังต้องอยู่ใต้กฎหมาย แต่กลับต้องถูกยกเว้นไม่ได้รับสิทธิ์ในการเลือกตั้ง
สถาปนา รธน.ปชช.–หักดาบ ส.ว.
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล แถลงว่า นโยบายการเมืองไทยก้าวหน้า ด้วยการสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ฉบับประชาชน เนื้อหาสำคัญปิดช่องรัฐประหารปิดช่องการให้คณะรัฐประหารนิรโทษกรรมตัวเองปลด อาวุธระบอบประยุทธ์ที่ถูกฝังไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 คือ ส.ว.แต่งตั้ง องค์กรอิสระและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐธรรมนูญใหม่ยังจะต้องปลดล็อกท้องถิ่นใน 3 เรื่อง ที่สำคัญที่สุด คือการปลดล็อกทุกจังหวัด ให้ผู้บริหารสูงสุดของทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง
ขายฝัน ส.ส.ร.เลือกตั้งตรงจาก ปชช.
นายพริษฐ์แถลงว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องเป็นไปโดยตัวแทนของประชาชน มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรงจากประชาชน หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะจัดการประชามติเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันทีภายใน 100 วันแรก และจัดทำรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ เพื่อให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเป็นครั้งสุดท้ายที่จัดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 แต่การเลือกตั้งครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปลดล็อกประเทศไทยจากมรดกคณะรัฐประหารอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ชุดนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้า เป็นชุดนโยบายแรกที่พรรคก้าวไกลเปิดต่อสาธารณะ แต่ในเดือนพฤศจิกายน พรรคจะเปิดชุดนโยบายต่อไป ได้แก่ “ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า” ว่าด้วยการปลดปล่อยศักยภาพของท้องถิ่น ให้เจริญทัดเทียมกันทั่วประเทศ และ “สวัสดิการไทยก้าวหน้า” เปิดชุดนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า ครบวงจร ไม่ต้องพิสูจน์ความจน ที่เรามั่นใจว่าจะโอบอุ้มประชาชนทั้งประเทศให้ก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างเท่าเทียมกันได้ ลดความเหลื่อมล้ำที่เกาะกินสังคมไทยมานาน
ส.ส.เพื่อไทยรับได้ชื่อ “เศรษฐา”
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยว่า นอกจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยถ้ามีตัวเลือกอื่นที่เป็นนักธุรกิจที่มีผลงานเด่นชัดมาเป็นแคนดิเดตนายกฯเพิ่มเติมก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับประชาชนจะได้มีภาคเอกชนใหม่ๆมาช่วยเหลือบ้านเมือง แต่ยังไม่ได้มีการหยิบยกมาหารืออย่างเป็นทางการในพรรค แต่ชื่อนายเศรษฐา มีการกล่าวถึงในกลุ่ม ส.ส.มาบ้างแล้ว ไม่เห็นมีใครคัดค้านอะไร ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศเอาจริงกับปัญหายาเสพติด ทำไมเพิ่งมาคิดได้อยู่มา 8 ปีไม่ทำ ถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งระบบ และรัฐต้องกวาดบ้านตัวก่อน ตั้งใจกวาดล้างจริงจัง และขอฝากนายกฯให้เร่งจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนเร่งด่วน อย่าชักช้าเหมือนปี 2562 ต้องรอนาน 6-8 เดือน
แนะ “บิ๊กตู่” ฟังคำวิจารณ์ “โน้ส”
เมื่อถามถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทอล์ก โชว์เดี่ยว 13 ของโน้ส อุดม แต้พานิช นายสมคิดตอบว่า ผู้นำประเทศเป็นบุคคลสาธารณะ บริหารเงินภาษีประชาชน คนเสียภาษีย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่ใช่เรื่องใครผิดใครถูกเป็นมุมมองแต่ละบุคคล ประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยแล้วถือเป็นธรรมดา ใครคิดจะเอาเรื่องเอาราวกลับไปคิดใหม่ว่าคนอยู่ในประเทศแบบไหน ถ้าอยู่ในประเทศอารยชนแล้วไม่มีใครจะเอาเรื่องกับเรื่องเช่นนี้ พวกชอบร้องเรียนอย่าไปร้องเรียนปกป้องผู้มีอำนาจ ให้ร้องเรียนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนไม่ดีกว่าหรือ และ พล.อ.ประยุทธ์เองควรต้องรับฟัง ที่ผ่านมาเขาพูดถึง นายกฯทุกคน อะไรถูกต้องเอาไปปรับปรุง ดีกว่าฟังแล้วใช้อารมณ์
“บิ๊กป้อม” ชู 3 พันธกิจ พปชร. สู้ ลต.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึง การขับเคลื่อนนโยบายพรรค พปชร.ที่จะนำเสนอให้ประชาชนในการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ ว่า พปชร.ยังเดินหน้าสานต่อนโยบาย 3 พันธกิจหลัก คือ 1.สวัสดิการประชารัฐขจัดความเหลื่อมล้ำ 2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ 3.สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน เป็นกรอบนโยบายช่วยเหลือประชาชน ตอบโจทย์ ประเทศไทยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมนำพาประเทศไทยรวมถึงประชาชนให้กินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และช่วยเหลือชุมชนให้เข้มแข็ง ครอบคลุมประชาชนทุกคนให้ได้รับสิทธิสวัสดิการของรัฐอย่างถ้วนหน้า
เน้นนโยบายทำได้จริงไม่ขายฝัน
พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า นโยบายของพรรคครั้งนี้ต่อยอดจากการทำงานและร่วมขับเคลื่อนนโยบายพรรคในการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่ๆที่ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ทุกนโยบายจะพิจารณาถึงงบประมาณ ชี้แจงแหล่งที่มาของงบฯได้แน่นอน เราเน้นทำได้จริง ไม่ขายฝัน ฟังเสียงประชาชน มาสู่การกำหนดเป็นนโยบาย ให้ความสำคัญพัฒนาคนทุกช่วงวัย จึงเกิดเป็นนโยบายสวัสดิการประชารัฐ จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน ที่ดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ด้วยมารดาประชารัฐ ฝากครรภ์ จนคลอด สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เราก็ไม่ทอดทิ้ง ดูแลสวัสดิภาพผู้สูงอายุ สานต่อเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บ้านพัก และสวัสดิการรักษาพยาบาล ไปจนถึงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้ที่เสียชีวิต ใช้ทุกพื้นที่ตามบริบทที่แตกต่างกันแต่ละท้องถิ่น แต่ยังคงยึด 3 เสาหลัก พรรค พปชร. คือสถาบันการเมืองไทย เราคิดนโยบายเพื่อตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ตอบโจทย์ประชาชน จะเป็นพรรคที่ทำให้สังคมสงบสุข ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ยังฟิตวางคิวลุยสุราษฎร์ฯ 17 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 ต.ค. พล.อ.ประวิตรมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สุราษฎร์ธานี โดยช่วงเช้าเดินทางไปที่ห้องประชุมเมืองคนดี ศาลากลางจังหวัด เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของจังหวัด และสถานการณ์น้ำและแผนงานด้านทรัพยากรน้ำ และแผนการดำเนินงานโครงการแก้มลิงสระบัว (อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด) ของกรมชลประทาน ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เตรียมเสนอแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี และเตรียมการรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ รวมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศ และกล่าวมอบนโยบายการทำงาน พบปะประชาชน และเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จากนั้นช่วงบ่ายติดตามโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองสุราษฎร์ธานี และติดตามโครงการแก้มลิงสระบัว (อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด) ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน และพบปะประชาชน
“ธนกร” ขู่ “โน้ส” พูดเท็จต้องรับผิดชอบ
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวว่า กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทอล์กโชว์ “เดี่ยว 13” ของโน้ส อุดม แต้พานิช ว่า คนไทยทุกคนมีสิทธิจะวิพากษ์วิจารณ์ แต่ต้องอยู่บนความพอดี ไม่ใช่ใช้สิทธิพร่ำเพรื่อจนส่งผลกระทบให้คนอื่นเดือดร้อน และหากเรื่องที่พูดเป็นเรื่องเท็จ ต้องพร้อมรับผิดชอบคำพูดด้วย ไม่ใช่พูดเอาสนุกปาก แต่พอลำบากต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองกลับออกมาโอดครวญ ความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องรู้จักพอดีด้วย
“ขิง” โอ่รอเปิดตัว ส.ส.ซบ รทสช.
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าของการเตรียมพร้อมเลือกตั้งว่า ขณะนี้พื้นที่ภาคใต้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละจังหวัดค่อนข้างชัดเจน หลายจังหวัดมีผู้สมัครครบแล้ว โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ชุมพร จ.พัทลุง ที่เป็นเป้าหมาย ส่วนฝั่งอันดามันมีผู้สมัครพร้อมเช่นกัน เช่น จ.ระนอง เปิดตัวนายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย คนรุ่นใหม่ ทำงานในพื้นที่มากว่า 2 ปีแล้ว ส่วน จ.ภูเก็ต หากเปิดตัวจะเป็นที่ฮือฮาแน่นอน จังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ รอเวลาที่เหมาะสมเปิดตัวที่จะมีทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.จังหวัดอื่นทั่วประเทศ รทสช.เป็นพรรคใหม่ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นพรรคอายุสั้น เราวางแผนจะทำการเมืองระยะยาว แต่การจะเป็นพรรคสถาบันต้องใช้เวลา ขณะนี้แต่ละพรรคต่างมุ่งมั่นทำงานตามแนวทางของตัวเองให้ดีที่สุด แต่หากจะมีการควบรวมพรรคกันแล้วทำให้แข็งแรงขึ้น หรือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้มากขึ้น ก็อาจมีการรวมกันได้
ปชป.โว ชุมพร ชนะยกจังหวัด
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่เพื่อนใจรีสอร์ท จ.ชุมพร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และ ส.ส.สุราษฎร์ธานีพร้อมคณะผู้บริหารพรรคร่วมงาน “รวมพลังประชาธิปัตย์ ชุมพร” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร เขต 1 นายอิสรพงษ์ มากอำไพ เขต 2 นายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร 3 สมัย เขต 3 นายมีศักดิ์ ภักดีคง อดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรฯโดยนายจุรินทร์กล่าวว่ามั่นใจว่าผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีศักยภาพสูงทุกคน จะกลับเข้าสภาได้แน่นอน จ.ชุมพร จะชนะยกจังหวัดได้ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 8 แม้เขต 3 จะมีอดีต ส.ส.ย้ายไปสนับสนุนพรรคอื่น
ฟุ้งได้ ส.ส.ใต้เกิน 40 ไม่สนคนไหลออก
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า เป้าหมาย ส.ส.ภาคใต้เป็นไปได้ที่จะได้มาก 40 ที่นั่ง ไม่ได้พูดจากความฝัน แต่พูดจากฐานความเป็นจริง ทุกพรรคต่างมารุมเจาะภาคใต้เป็นปกติ ที่ผ่านมา ปชป.เป็นตัวยืนทุกครั้ง ส่วนกระแสข่าว ส.ส.ย้ายพรรคคิดว่านิ่งแล้ว แต่ธรรมดาพอใกล้โหมดเลือกตั้งทุกพรรคจะมีคนเข้าออก บางท่านต้องการเงื่อนไข แต่พรรคนั้นๆให้ไม่ได้ ก็เปลี่ยนพรรค สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน แต่คนเข้ามาก็มี แม้แต่ในกรุงเทพฯจะมีผู้สมัคร ส.ส.รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเดินเข้าพรรคอีกหลายคน มีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้แทนฯแน่นอน
เตือน ส.ส.อย่าตื่นรีบย้ายพรรค
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย วิเคราะห์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯจะใช้ยุทธวิธีโจโฉ ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ ยุบสภาก่อน 24 ธ.ค.นี้ เพราะเป็นวันสุดท้ายที่ ส.ส.จะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ได้ว่า ไม่มั่นใจว่าเซียนกฎหมายแบบนายนิพิษฐ์สื่อสารคลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 97 (3) และ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2561 มาตรา 41 (3) กำหนดว่ากรณีสภาอยู่ครบวาระคือวันที่ 24 มี.ค.66 ส.ส.ที่จะย้ายพรรค ต้องย้ายพรรคอย่างน้อย 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง กกต.ระบุชัดถ้าสภาอยู่ครบวาระ จะเลือกตั้งวันที่ 7 พ.ค.66 ดังนั้น ส.ส.ต้องย้ายพรรคก่อนวันที่ 7 ก.พ.66 ก่อนวันเลือกตั้ง 90 วัน ไม่ใช่วันที่ 24 ธ.ค.65 กรณียุบสภาก่อนวันที่ 24 ธ.ค.65 ส.ส.ย้ายพรรคหลังยุบสภาได้ ตามเกณฑ์ไม่น้อยกว่า 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง กฎหมายให้เลือกตั้ง 45-60 วันหลังยุบสภา
เชื่อ “ลุงตู่” รอดูทางลมแบบขงเบ้ง
“ขอฝากถึง ส.ส.ที่จำเป็นต้องย้ายพรรคไม่ต้องรีบ ยังมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับรอให้ผ่านการพิจารณาจากสภาฯอยู่ นายนิพิฏฐ์อาจวิเคราะห์ผิดพลาด นายกฯอาจไม่ใช้ยุทธวิธีโจโฉ แต่น่าจะใช้ยุทธวิธีขงเบ้งคือดูทิศทางลม กระแสทางการเมืองที่เหมาะสมที่จะพัดมาในวันดีเดย์แล้วค่อยประกาศยุบสภาฯ” นพ.ระวีกล่าว
สอท.ยันไม่เป็นนั่งร้านเผด็จการ
นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ตั้งเงื่อนไขการรวมพรรค สอท.กับพรรคไทยสร้างไทยต้องมีอุดมการณ์ชัดไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการว่า นาย
อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สอท.ย้ำจุดยืนเรื่องนี้แล้ว จะไม่เป็นนั่งร้านให้กับใคร มีจุดยืนเป็นของตัวเอง เสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เมื่อถามว่าเงื่อนไขนายสมคิดต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯจะไม่กระทบการไปรวมกับพรรคอื่นในอนาคตหรือ นายนริศกล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องของอนาคต ต้องไปดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่พรรค สอท.ชัดเจนในนโยบายและอุดมการณ์พรรค เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พรรคเชื่อว่านายสมคิดจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ทสท.ดันปัตตานีเป็นครัวฮาลาลโลก
ที่ จ.ปัตตานี น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เดินทางไปท่องเที่ยวและรับฟังเสียงผู้ประกอบการใน จ.ปัตตานี โดยนั่งรถไฟจากสถานีหาดใหญ่ไปลงสถานีวัดช้างให้ สักการะหลวงปู่ทวด จากนั้นล่องเรือประมงเล็กท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่แม่น้ำยะหริ่ง ลอดอุโมงค์ป่าโกงกาง 1 ในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen in Thailand ก่อนเข้าตัวเมืองปัตตานี ร่วมเสวนากับภาคเอกชน ภาควิชาการและนายอดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัครเขต 1 ปัตตานี หัวข้อ“จากบังเกอร์สู่ Creative Culture ปลดล็อกสู่ดินแดนแห่งโอกาส” โดย น.ต.ศิธากล่าวว่า เมืองปัตตานีและจังหวัดชายแดนใต้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความงดงามของธรรมชาติ ผู้คนยิ้มแย้มมีน้ำใจ วันนี้ จ.ปัตตานีและจังหวัดชายแดนใต้พร้อมแล้วจะเปิดเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวให้ชาวไทยและชาวต่างชาติมาเยือน มีอาหารฮาลาล ประชากรมุสลิมทั่วโลกที่มีถึง 1,565 ล้านคน ถ้าเราส่งเสริมให้เป็นครัวอาหารฮาลาลโลก เสิร์ฟพร้อมอัธยาศัยไมตรีของพี่น้องมุสลิม จะดึงดูดชาวมุสลิมทั่วโลกให้มากินมาเที่ยวได้อีกมากมาย พรรคเห็นศักยภาพพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ออกแบบให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าและอาหารฮาลาลของโลก รองรับมุสลิมกว่า 1.5 พันล้านคน
“แดงอุดรฯ” ไม่เอา “อีโต้อีสาน”
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สวนธรรมชาติ (สวนลิง) อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นางวาสนา เคนหล้า นางศิริฐา โรจน์ แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี และกลุ่ม คนเสื้อแดงหลายร้อยคน รวมตัวคัดค้านพรรคเพื่อไทยจะส่งนายธีระชัย แสนแก้ว หรืออีโต้อีสาน อดีต รมช.เกษตรฯ ลงเลือกตั้ง ส.ส.อุดรธานี เขต 7 อ.กุมภวาปี อ.หนองแสง อ.โนนสะอาด มีการปราศรัยระบุว่า นายธีระชัยไม่เหมาะสมเป็นตัวแทนพรรคพท. คนเสื้อแดงไม่เอาคนทรยศมาลงสมัคร ส.ส.พรรค พท. หากพรรค พท.ต้องการชนะแบบแลนด์ สไลด์ อย่าเอาคนไม่มีอุดมการณ์มาลงสมัครในนามพรรค เขาเคยหักหลังเรา หากส่งลงสมัครจะกาเลือกแค่พรรค จะไม่กาเลือกคน
“ธีระชัย” เมินเกมดิสเครดิต
ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า คงเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากกว่าส่วนรวม แกนนำกลุ่มเป็นอดีตผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่นที่สอบตก ส่วนใหญ่มาจากพรรคอื่นมากกว่า ชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมเป็นชาวบ้านจากอำเภออื่น ไม่ใช่ชาว อ.กุมภวาปี กลุ่มคนที่มาไม่ได้เยอะอะไร เป็นการดิสเครดิตกันเท่านั้น ตอนนี้จะยังไม่ตอบโต้อะไร แต่รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว คนอย่างธีระชัยถ้าจะพูดกับชาวบ้านต้องมาเป็นหมื่นคน ตอบโต้ไปก็เท่านั้น อยากให้คนที่ออกมาให้เกียรติพรรค พท.ด้วย จะเลือกใครเป็นตัวแทนพรรค มีกระบวนการขั้นตอน สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
“ทักษิณ” ปลื้มแจกลายเซ็นแฟนคลับ
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” อดีต นายกฯ ได้วิดีโอคอลมาคุยกับแฟนคลับที่มาซื้อหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought (ทักษิณ ชินวัตร หลักการและความคิด) พร้อมมอบลายเซ็นให้แฟนคลับผ่านระบบออนไลน์ โดยนายทักษิณกล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาซื้อหนังสือ แล้วมา รอต่อคิวให้เซ็นลายเซ็นออนไลน์ กว่าจะมาเป็นหนังสือ เล่มนี้ เพิ่งมารู้ทีหลังที่มาลูกๆแอบทำกัน แล้วทีมงาน มาสัมภาษณ์และถ่ายรูปตนที่สิงคโปร์และคุณคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ปกติไม่ยอมให้สัมภาษณ์ แต่ยอม เที่ยวนี้เพราะลูกทั้ง 3 คน ทั้งหมดเป็นการพูดจากใจ ไม่ได้เตรียมการมาก่อนว่าจะถูกถามเรื่องอะไรและพูดจากประสบการณ์ชีวิตจริง น่าจะเป็นประโยชน์แก่ ผู้อ่านไม่มากก็น้อย อย่างน้อยๆเป็นประสบการณ์ที่ รับรู้จากตน ที่ผ่านชีวิตมาอย่างน้อยกว่า 50 ปี ตั้งแต่ 20 ต้นๆ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความลำบากและ ผ่านมาได้อย่างไร เพื่อให้เป็นแนวและเป็นประโยชน์ ทั้งหมดนี้อยู่ที่ใจ ถ้าใจมันสู้ ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมย่อท้อ กับปัญหาที่เกิดขึ้น เราจะผ่านพ้นมันไปได้ ขอบคุณลูก ทั้ง 3 และทีมงานที่ช่วยกันปลุกหนังสือเล่มนี้ นึกไม่ถึง ว่าพี่น้องจะให้ความสนใจถึงขนาดนี้