วงเสวนา ชี้ เศรษฐกิจน้ำเดือดลากยาว คนไทย 29% เสี่ยงเป็น "กบถูกต้ม" ยกเคส “รปภ.ฮึดสู้” ตัวอย่างกบที่รอดชีวิต ปิดทุกช่องทางเงินรั่วไหล ไม่สนใจเสี่ยงโชค งดบริโภคไม่จำเป็น กว่า 2 ปี ใช้หนี้จนหมด
วันที่ 2 ต.ค.65 ที่หอศิลป์กรุงเทพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และเครือข่ายเคเบิลทีวีสุขภาวะ จัดเวทีเสวนา “อยู่อย่างไรให้เป็นกบรอด” เพื่อชี้แนะแนวทาง การประคับประคองตัวให้พ้นวิกฤติเศรษฐกิจ พร้อมเชิดชูร้านขายอาหารที่มีน้ำใจไม่ขายแพงช่วยเหลือผู้อื่น ปิดท้ายด้วยการแสดงละคร “ดรีมเรนเจอร์ กู้วิกฤติดาวกบ” ปลูกฝังให้เด็กเยาวชนรู้จักการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตของตน
รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ กรรมการบริหาร สสส. กล่าวว่า ทฤษฎีกบรอด เป็นทฤษฎีเศรษฐศาตร์ที่เป็นที่รู้จักกันมากว่า 5 ปี แล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าวของที่แพงขึ้น สภาพความเป็นอยู่ที่ขัดสน เหล่านี้ทำให้ประชาชนที่เปรียบเสมือนกบต้องเผชิญกับความร้อนระอุในสังคมที่ตนเองอยู่ โดยไม่รู้ตัว อย่างที่ ประเทศศรีลังกา หรือ อเมริกา สำหรับประเทศไทยเราก็ไม่ต่างกัน ข้าวของแพงขึ้น การลงทุนที่ย้ายฐานไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลกระทบให้คนงานถูกปลดออก คนอายุ 40 ปีกว่าตกงานก็จะหางานทำได้ยากขึ้น เรื่องแบบนี้รัฐบาลอาจไม่ได้บอกเราตรงๆ สสส. และมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับภาคประชาชน จึงต้องการสื่อสาร และบอกเตือนประชาชนให้ต้องตื่นรู้ ตื่นตัว ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ไม่ให้เป็น “กบที่ถูกต้ม” ด้วยการใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อย หรือ เอารายได้ไปเสี่ยงกับการพนัน โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ ที่บางที่ให้เงินเราเล่นด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องทบทวนว่ารายได้ รายจ่าย ต้องมีเก็บไว้ เพื่อการใช้ชีวิตในอนาคตดีกว่าไหม เราทุกคนจะได้เป็น “กบรอด” ในสภาพสังคมทุกวันนี้
...
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นเหมือนหม้อต้มน้ำที่กำลังร้อนขึ้น จากการที่สินค้าจำเป็นหลายร้อยรายการทยอยปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ก็พุ่งขึ้นสูงมีการหลอกลวงทางการเงินเกิดขึ้นมากมาย ศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่าในรอบ 6 เดือน ที่ผ่านมา (มี.ค.-ก.ย. 65) ได้รับแจ้งทั้งสิ้น 84,605 เรื่อง เฉลี่ยกว่า 400 เรื่องต่อวัน ในอีกด้านหนึ่งประชาชนจำนวนไม่น้อยหันไปเลือกการพนันเป็นทางออก เห็นได้จากการขยายตัวของหวยทุกประเภท ทั้งหวยรัฐบาล หวยใต้ดินและหวยเพื่อนบ้าน การพนันฟุตบอล และบ่อนพนันออนไลน์ หากไม่มีการปรับตัวที่ดีเกรงว่า คนไทยจำนวนหนึ่งอาจจะกลายเป็นกบที่ถูกต้มในหม้อต้มน้ำ จึงนำมาสู่การสำรวจว่า “คนไทยกำลังเป็นกบต้ม หรือกบรอด”
โดยเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน 9 จังหวัด ลำปาง พะเยา น่าน กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย สระบุรี และกรุงเทพมหานคร จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 579 ราย ระหว่างวันที่ 11-20 กันยายนที่ผ่านมา เป็นเพศหญิง 67% เพศชาย 33% 54% พำนักอยู่ในเขตเมืองและชานเมือง 46% อยู่ในเขตชนบท โดยมุ่งสอบถามใน 3 ประเด็นคือ หนึ่ง ประชาชนกำลังเดือดร้อนหรือไม่? สอง จัดการปัญหาอย่างไร? และ สาม มีรายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่? พบว่า ผู้ตอบจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะรายได้ไม่พอกับรายจ่าย มีเพียง 14% ที่ตอบว่า มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย ขณะที่ 57% อยู่ในสภาพก้ำกึ่งบางช่วงก็พอจ่ายบางช่วงก็ไม่พอ ขณะที่ 29% อยู่ในสภาพมีเงินไม่พอจ่ายแทบตลอดเวลา ทำให้กว่า 80% ต้องนำเงินเก็บออมสำหรับอนาคตมาใช้จุนเจือความเดือดร้อนในปัจจุบัน 56% ต้องใช้วิธีหมุนเงินเอารายรับก้อนนี้ไปโปะหนี้ก้อนโน้น ใช้วิธีกู้หนี้ใหม่เพื่อไปปลดหนี้ก้อนเก่า 25% อาศัยแหล่งเงินกู้นอกระบบ
อีกประเด็นคือ ผู้ตอบ 30% นำเงินไปลงทุนกับกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเพราะเชื่อคำโฆษณาว่า ผลตอบแทนดี ขณะที่ 60% ฝากความหวังกับการเล่นพนัน เมื่อถามถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต พบว่ากว่า 80% ยังนิยมช็อปออนไลน์ ในจำนวนนี้กว่า 20% ตอบว่า ช็อปเป็นประจำ ขณะที่กว่า 60% ยังพึ่งพิงอาหารจากร้านสะดวกซื้อหรือบริการอาหารดีลิเวอรี่ ซึ่งล้วนทำให้ชีวิตมีรายจ่ายที่มากขึ้น ในจำนวนนี้ 12% ใช้บริการนี้เป็นประจำ ที่น่าสังเกต คือ ผู้ตอบ 56.8% ตอบว่า ยังมีการจับจ่ายใช้สอยตามกระแส “ของมันต้องมี” เห็นเขามีเราต้องมีบ้าง และ 66% ยังมีการเที่ยวสถานบันเทิงสังสรรค์กับเพื่อน โดยเกือบ 10% ยังใช้ชีวิตแบบนี้เป็นประจำ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ปิดช่องทางเงินรั่วไหล เลิกสนใจเสี่ยงโชค และงดการบริโภคที่ไม่จำเป็น คงยากที่จะรอด”
ด้านนายวุฒิชัย ศรีโชค รปภ.บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เล่าว่า ราว 5 ปีที่แล้ว ตนมีภาระหนี้สินมากราว 50,000 กว่าบาท เพราะมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย จึงไปกู้ยืมเงินนอกระบบ ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละหลายพันบาท ยิ่งเงินต้นกลับยิ่งเพิ่ม ฝากความหวังกับการซื้อหวยงวดละสองพัน ก็ไม่เคยได้ แถมยังสูบบุหรี่อีกวันละร่วมสองซอง โชคดีที่ได้รับคำแนะนำจากที่ทำงาน ให้ตนลงบัญชีรายรับรายจ่าย และเริ่มเห็นว่า ตนมีรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหลายอย่างมาก จึงพยายามลดรายจ่ายพวกนั้นลง เริ่มจากการเลิกบุหรี่ และเลิกเล่นหวย เอาเงินมาหยอดใส่กระปุก พอเงินเก็บเริ่มมีมากตนจึงไปเปิดบัญชีธนาคาร และขอเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอลดดอก และผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ ใช้เวลากว่า 2 ปี จึงใช้หนี้ได้ทั้งหมด ตนดีใจมากถึงขนาดส่งเงินไปให้เมียและลูกขึ้นรถไฟมากรุงเทพ เพื่อมากินสุกี้มื้อแรกด้วยกัน หลังจากไม่เจอกันเกือบสามปี