“สุทิน” สวน “วีระกร” ชงชื่อ “บิ๊กป้อม” แคนดิเดตนายกฯ “บิ๊กตู่” รองนายกฯ ถามประชาชนแล้วหรือยัง โว เจอคู่แข่งหน้าเก่าเป็นเรื่องง่าย บอกยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ไม่หวังผลการเมือง

วันที่ 2 ต.ค. 2565 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ระบุ จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งสมัยหน้า แล้วให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองนายกรัฐมนตรีควบกระทรวงใหญ่ ว่า นายวีระกร สามารถคิดได้ และอาจจะนำเสนอต่อพรรคได้ แต่ต้องถามนายวีระกร ว่าได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร แล้วหรือยัง ทั้ง 2 ท่านนั้นเขาจะยังไปด้วยกันได้อยู่หรือ

ที่สำคัญกว่านั้น ได้ลองฟังเสียงประชาชนอย่างกว้างขวางหรือยัง เท่าที่ฟังมาประชาชนคนไทยอยากหลุดพ้นจาก ป. เต็มทนแล้ว อยากก้าวไปสู่ผู้นำใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ และแนวทางบริหารประเทศใหม่ๆ 8 ปี กับ ป. ประชาชนระทมพอแล้ว แต่ทั้งหลายทั้งปวงส่วนตัวเคารพความคิดเห็นของทุกคน รวมทั้ง นายวีระกร และเคารพความเป็นพรรคพลังประชารัฐที่มีสิทธิ์คิดและขับเคลื่อนในเส้นทางของเขาเอง เพราะเราก็มีเส้นทางของเรา สุดท้ายอยากให้ทุกคนฟังประชาชนเป็นสำคัญ

ส่วนคำถาม ถ้าเป็นแบบที่นายวีระกรว่าจริง จะเป็นผลดีผลเสียกับพรรคเพื่อไทยอย่างไรนั้น นายสุทิน ตอบว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกับคู่แข่ง แต่วิตกกับประชาชนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นคู่แข่งหน้าเดิมๆ เราเคยชนะมาโดยตลอด น่าจะชนะได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย ขออย่างเดียวให้มีเลือกตั้งและมีกติกาที่เป็นธรรม

...

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายสุทิน ระบุว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ในสมัยประชุมหน้าเรายังมีสิทธิ์ยื่นอภิปรายตามมาตรา 152 อยู่ จึงคิดว่าควรใช้ช่องทางดังกล่าวให้เป็นประโยชน์กับการบริหารประเทศในช่วงที่เหลือ โดยสาระคือการซักถามประเด็นปัญหาและเสนอแนะทางออกในการบริหารประเทศแก่รัฐบาล เพราะเราเห็นว่ามีหลายปัญหาที่เราอยากซักถามรัฐบาลว่าทำไมไม่แก้ปัญหา เราก็อยากเสนอแนะ คิดว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้สิทธิตามมาตรา 152

เมื่อถามต่อไปว่าฝ่ายค้านจะใช้ช่องทางนี้หวังผลทางการเมืองโดยดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า “เรื่องดิสเครดิตรัฐบาล ถ้าเขาทำดี ประชาชนให้เครดิตเขา ฝ่ายค้านจะทำเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ดี ไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน การอภิปรายครั้งนี้จะมีผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลก็ช่วยไม่ได้ เราหวังว่าหากจะเป็นเช่นนั้น ก็แค่ผลพลอยได้ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก”