ราชกิจจานุเบกษา เผยอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม มาตรา 33 ให้ใช้บังคับ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค. 65 มุ่งบรรเทาภาระของนายจ้างและผู้ประกันตนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ

วันที่ 30 กันยายน 2565 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวง กำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2565 ลงนามโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ไว้ ณ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2565 มีเนื้อหาระบุว่า

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และมาตรา 46 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2565 เป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2565

ข้อ 3 ให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน ตามบัญชีอัตราเงินสมทบท้ายกฎกระทรวงนี้ ดังต่อไปนี้

(1) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 ให้เป็นไปตามอัตราในบัญชี ก.
(2) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2566 เป็นต้นไป ให้เป็นไปตามอัตราในบัญชี ข.

...

ในท้ายของกฎกระทรวง มีการระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตราเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บปวย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน โดยกำหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราที่เหมาะสม เพื่อเป็นการบรรเทาภาระของนายจ้างและผู้ประกันตน ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับสูง และความตึงเครียดระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้