แล้วก็เป็นไปตามคาด! เมื่อ "กรณ์ จาติกวนิช" มือเศรษฐกิจระดับกูรูคนหนึ่งของประเทศ แท็กทีมกับ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ผู้ใหญ่สุดเก๋าทางการเมืองคนหนึ่งของไทย  ประกาศ ร่วมผนึกกำลัง ผุดพรรคชื่อ “ชาติพัฒนากล้า” ในการประชุมใหญ่ ที่นครราชสีมา เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง พร้อมยืนยัน ยังคง จิตวิญญาณการเมืองยังเหมือนเดิม

...

ขณะที่ถึงตอนนี้ ผู้ใหญ่ อย่าง "นายสุวัจน์" ก็ยังย้ำถึงเป้าหมาย "ชาติพัฒนากล้า" ที่เพิ่งรีแบรนด์ คือ การบวกรวมประสานแรงการเมือง และความเชี่ยวชาญเศรษฐกิจ เพื่อขยายพื้นที่สู้ศึกเลือกตั้ง พร้อม กวาด ส.ส.ให้มากสุด

ขณะที่ "นายกรณ์-นายอรรถวิชช์" 2 คู่หู! นำทีมผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้า กว่า 80 ชีวิต เข้าสังกัด "พรรคชาติพัฒนากล้า" รวม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ไม่ได้ถึงกับ "เซอร์ไพรส์" อะไร  เนื่องจากที่ผ่านมา ก็มีความเคลื่อนไหวให้เห็นกันอยู่แล้วตั้งแต่ นายกรณ์ ประกาศลาออกจากพรรคกล้า 

ดังนั้น ประเด็นที่น่าสนใจกว่า คือ การตัดสินใจเดินหมากการเมืองเกมนี้ ของ "กรณ์-อรรถวิชช์" จริงๆ เกิดขึ้นเพราะเหตุใด จะใช่ "พรรคเล็กต้องการหนีตาย สูตรหาร 100" ที่ตอนนี้ยังคงต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อยู่หรือไม่  

เรื่องนี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตเลขาธิการพรรคกล้า ได้เปิดใจ ให้สัมภาษณ์พิเศษ กับทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์   

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตเลขาธิการพรรคกล้า
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตเลขาธิการพรรคกล้า

 สาเหตุ พรรคกล้า ตัดสินใจ ร่วมงานการเมืองกับ ชาติพัฒนา เพราะ สูตรหาร 100 ใช่หรือไม่?

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การทำงานจับมือร่วมกัน ของพรรคชาติพัฒนา และทีมพรรคกล้า (รีแบรนด์ดิ้ง) เปลี่ยนชื่อพรรคเป็น "ชาติพัฒนากล้า" ทำให้พรรคการเมืองในอนาคต การทำงานเราสร้างความเข้าใจสามัคคีได้หมดทุกภาค ทั้ง อีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ กรุงเทพมหานคร ผมว่า มันเป็นการทำงานร่วมกัน มันเกิดพลังในเรื่องความสมัครสมานสามัคคี โดยในภาคเศรษฐกิจ จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างเราก็จะมีมือที่เป็นเทคโนแครต ด้านเศรษฐกิจ ในขณะที่ตัว พรรคชาติพัฒนา เขาก็มีความเข้าใจด้านการเมืองแบบลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นผมว่า มันเป็นเรื่องที่ "บู๊-บุ๋น" มาเจอกัน งานนี้มันทำให้มันมีความแข็งแกร่งขึ้น

ชี้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรหาร 100 หรือหาร 500 ยังไงก็ต้องหาแนวร่วมเพิ่ม  

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า จริงๆ ตอนเป็นสูตรหาร 500 ก็มีการคิดอยู่แล้วต้องหาแนวร่วมเพิ่ม ตอนนั้นก็คิดอยู่แล้ว แต่พอมันมาเป็นระบบหาร 100 พรรคการเมือง จะกระจายเยอะแบบนี้ไม่ได้ จะมีพรรคการเมืองหลายพรรคเยอะไปหมด ทำให้การเมือง "งง"

ต้องเข้าใจสูตรหาร 100 ทำให้โครงสร้างพรรคการเมืองเข้มแข็งมากขึ้น เพราะสู้กันไปแล้ว มันเป็นระบบสู้ในระบบพื้นที่ แต่ถ้าสูตรหาร 500 มันเป็นแบบ บัญชีรายชื่อเป็นหลัก แล้วตัวบัญชีรายชื่อ มันมีโอกาสสร้างคนใหม่ๆ ขึ้นมาได้ด้วย แต่พอเป็นระบบสูตรหาร 100 มันต้องมีความเข้มแข็งทั้ง 2 ด้าน ทั้งพื้นที่ และบัญชีรายชื่อ

ฉะนั้น มันต้องมีทั้ง 2 ด้าน ต้องมีทั้งฝั่งการเมือง และฝั่งเทคโนแครตที่มีความชำนาญ ระบบนี้มันเป็นแบบนี้ด้วยละ ทำให้ต้องมีทั้งความชำนาญในพื้นที่ ทั้งความชำนาญในภาพรวม ต้องอยู่ในที่เดียวกัน แล้วพี่สุวัจน์ ผมเห็นว่า เป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมบังคับหางเสือให้ ทำให้คนใหม่ๆ ทางการเมืองได้เกิด และเราเองก็มีเทคโนแครตที่รวมไว้ในพรรคมาก มีคนที่ชำนาญด้านเศรษฐกิจ เอสเอ็มอีอยู่มาก ก็คิดว่า เราทำงานร่วมกันเป็นโยชน์ พรรคก็จะใหญ่ขึ้นในอนาคต แล้วประชาชนก็จะได้ประโยชน์ด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า รวมคนเก่งไว้เยอะไปหมดเลย สุดท้ายพอต้องลงสนามเลือกตั้งไม่มีผู้แทน จะยุ่ง

ย้ำ ทำตรงไปตรงมา ถึงให้ผู้สมัครฯ ส.ส.ทั้งพรรคลาออก แล้วไปสมัครเข้า "ชาติพัฒนา" 

ตามกฎหมาย ควบได้แต่ควบได้ เฉพาะพรรคที่ไม่มี ส.ส.อยู่ในเวลานี้ ฉะนั้นสิ่งที่เราทำคือ การลาออก แล้วจะลาออก โดยผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมด แล้วจะมา สมัครพรรคชาติพัฒนา แล้วเขาจะมีการปรับรูปแบบโครงสร้าง

สมมุติ หากศาล รธน.เกิดวินิจฉัย สูตรหาร 100 ขัด รธน.ขึ้นมา ที่ทำมาทั้งหมด ไม่เท่ากับสูญเปล่าหรือ 

อดีตเลขาธิการพรรคกล้า ยืนยันว่า มันไม่มีปัญหาหรอก จริงๆ แล้ว การเมืองในยุคนี้ ต้องมีการทำงานร่วมกันให้เข้มแข็งอยู่แล้ว "ผมถึงบอกว่า ไม่ว่า หาร 500 หรือ หาร 100 เราก็ต้องการหาแนวร่วมให้มากที่สุดอยู่แล้ว" แล้วในส่วนพี่สุวัจน์เอง ท่านก็อยู่เบื้องหลังในหลายเรื่อง ไม่ว่า กีฬา-ท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ด้านการเมือง แล้วท่านก็เห็นการทำงานของทีมเรามาตลอดว่า เราตั้งใจจริง ก็นี่ทำให้มารวมกันได้ในวันนี้ไง ไม่งั้นก็ต้องรวมกับคนอื่น คนโน้น คนนี้ ซึ่งมันอาจง่ายกว่าด้วยซ้ำไป ผมคิดว่า มันมีโอกาสทำงานสร้างสรรค์ต่อไป

"ยืนยันไม่มีปัญหา อยู่แล้วแม้สุดท้าย หากศาล รธน.วินิจฉัยว่า สูตรหาร 100 ขัด รธน.ก็ตาม ผมขอย้ำนะ มันไม่ใช่การควบรวมพรรค เพราะมันควบไม่ได้ แล้วจริงๆ เราก็ทำตรงไปตรงมา คือ การลาออก แล้วก็มาสมัคร ซึ่งก็มีพรรคการเมืองอื่นทำให้สับสน อย่างเช่น บอกว่า คุณกรณ์ทิ้งพรรคกล้าบ้าง อันนี้ ผมยืนยันตั้งแต่วันแรกที่คุณกรณ์ลาออกแล้ว ผมรู้จักกับคุณกรณ์มา 15-16 ปี เขาไม่ใช่คนที่ละทิ้งอะไรง่ายๆ ไม่ต้องห่วงครับ" นายอรรถวิชช์ กล่าว...

งานนี้ คงต้องรอลุ้นผลลัพธ์ ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินสูตรหาร 100 ไปทางใด ว่า ขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะมีผลต่อการตัดสินใจของ 2 คู่หู "กรณ์-อรรถวิชช์" แน่เพียงแต่จะสะเทือนถึงขั้นไหนเท่านั้น!  

รอชมตอนจบได้เลย...

ผู้เขียน:เดชจิวยี่

กราฟิก:Theerapong Chaiyatep