รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซัด 8 ปีระบอบประยุทธ์ฉุด ปชช.ดิ่งจมก้นเหว จวกคนละครึ่ง “สุดพัง” วงเงินไม่พอยาไส้ ร้านค้าแห่หนีเหตุโดนภาษีอ่วม จี้ “ธนกร” ลงพื้นที่บ้าง อย่าหลับหูหลับตาเชียร์เกินจริง

วันที่ 13 ก.ย. 2565 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ วิพากษ์วิจารณ์การหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และคุยโวถึงผลงานของพรรคพลังประชารัฐว่า ทุกวันนี้ประชาชนทุกคนเข้าใจและเห็นไปในทิศทางเดียวกันหมดแล้ว ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐไปต่อไม่ไหว ประเทศตกต่ำจมก้นเหว ผลโพลทุกสำนักก็ออกมาในทิศทางเดียวกัน ว่าอยากเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ และมองเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นความหวังในการพลิกฟื้นวิกฤติที่เกิดขึ้นจากฝีมือของรัฐบาลชุดนี้ อยากได้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกหมักหมมซุกไว้ใต้พรมเป็นเวลานาน

นายชนินทร์ กล่าวว่า นายธนกรต้องลงพื้นที่และฟังเสียงประชาชนบ้าง นโยบายหลายอย่างที่โอ้อวดอยู่ตอนนี้เริ่มส่อเค้าลางพังไม่เป็นท่า โครงการคนละครึ่งรอบล่าสุดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ประชาชนบ่นระงมว่าวงเงินที่ได้น้อยเกินไปไม่พอยาไส้ ร้านค้าจำนวนมากแห่ไม่ขอเข้าร่วมโครงการ เพราะโดนรีดเก็บภาษีจากการเข้าร่วมในครั้งก่อน บางร้านที่เข้าร่วมครั้งนี้ก็ปรับราคาขึ้นหลายสิบเปอร์เซ็นต์ โดยให้เหตุผลว่าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเสียภาษีที่จะเพิ่มขึ้น หากรัฐบาล “เข้าถึงใจ” ประชาชนดีอย่างที่อวดอ้าง ต้องรู้จักผ่อนคลายมาตรการทางภาษี ให้เศรษฐกิจเดินไปได้ และดึงผู้ค้าเข้าระบบเป็นหลัก อย่ารังแกประชาชนที่ตกอยู่ในภาวะอ่อนแอ อย่าเพิ่งฉวยโอกาสรีดเลือดกับปู จะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ไปมากกว่าเดิมจากที่พังไม่เป็นท่าอยู่แล้วในปัจจุบัน

...

นอกจากนี้ในส่วนมาตรการที่จะเข้ามาช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประชาชน หลังจากที่ประกาศปรับราคาค่าไฟ เพิ่มภาระค่าครองชีพมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2565 ก็ยังไม่อนุมัติงบประมาณในโครงการออกมาเสียที ทั้งที่ควรคิดให้เป็นระบบและปล่อยออกมาพร้อมกันตั้งแต่ประกาศขึ้นราคา เพื่อบรรเทาความทุกข์ใจของผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่ปล่อยประชาชนลอยแพตามยถากรรม ต้องลุ้นกันเองว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือออกมาหรือไม่ ทั้งนี้หากรัฐมีการปล่อยมาตรการช่วยเหลือค่าไฟออกมาจริง ก็ขอให้มีการคิดที่รอบคอบ และครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยทุกกลุ่มด้วย อย่าใช้เกณฑ์ช่วยเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟน้อยเหมือนที่เคยทำมาตลอด เพราะชาวบ้านที่รายได้น้อยจำนวนมากอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นในครัวเรือนเดียว รวมทั้งผู้เช่าหอพักต่างๆ ก็จะตกเกณฑ์เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือ และต้องรับกรรมจากการบริหารที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจประชาชน

“การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ที่ทำประเทศพังต่อเนื่องมา 8 ปี ส่งผลเสียต่อพี่น้องประชาชนอย่างแสนสาหัส แม้ปัจจุบันพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเข้ามารับไม้ต่อในช่วงสุญญากาศระหว่างรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ประชาชนยังต้องเผชิญกับปัญหาเดิมๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง คนตกงาน ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข การที่คนในพรรคแกนนำรัฐบาลเองหลับหูหลับตายกยอผลงานของรัฐบาลทั้งที่ความจริงสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งย่ำยีหัวจิตหัวใจประชาชนเหลือเกิน” นายชนินทร์กล่าว