“จุรินทร์” ปลื้มงาน “บางกอก เจมส์ & จิวเวลรีแฟร์” ครั้งที่ 67 รวมพลผู้ส่งออกอัญมณีเครื่องประดับไทย 1,020 บริษัท โชว์สินค้า 2,004 บูธ ตั้งเป้า 5 วันดึงผู้ซื้อทั่วโลกแห่เข้าช็อปกว่า 15,000 ราย หวังยอดขายทะลุ 3,000 ล้านบาท สะท้อนนโยบายเชิงรุก “รักษาตลาดเดิมเปิดตลาดใหม่ เจาะลึกระดับเมือง-รัฐ-มณฑล” 2 ปีเห็นผล ปี 64 ธุรกิจส่งออกจิวเวลรีโกยรายได้ 1.94 แสนล้านบาท ล่าสุด 7 เดือนแรกของปี 65 ยอดพุ่ง 1.49 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายกีรติ รัชโน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เอกอัครราชทูตและคณะทูต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงความสำเร็จของงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 67 (Bangkok gems and Jewelry fair : BGJF 67 th Edition) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 ก.ย. ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายจุรินทร์กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีแถลงความสำเร็จงานแสดงสินค้า อัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ในวันนี้ ถือเป็นการจัดงานเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 2 ปี ในช่วงปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่อง ประดับของไทยเผชิญความท้าทายต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนโลจิสติกส์ ที่ส่งผลกระทบกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการค้าโลก ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดการส่งออกเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์ กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก มุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าและใช้ยุทธศาสตร์การสร้างพันธมิตรกับตลาดเป้าหมาย ด้วยการจัดทำ Mini FTA ที่ลงลึกระดับเมือง/รัฐ/มณฑลที่มีศักยภาพ โดยที่ผ่านมาได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการ เป็นพันธมิตรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กับเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของญี่ปุ่น เพื่อเสริมศักยภาพยกระดับอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ

...

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ผลการผลักดันการส่งออกเชิงรุกตลอด 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 ในปี 2564 เกินกว่าเป้าที่คาดการณ์ถึง 4 เท่า นำรายได้เข้าประเทศ 194,950 ล้านบาท และในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ 234,000 ล้านบาท ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกมีมูลค่าสูง 149,842 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.64 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่กว่าร้อยละ 90 มีการจ้างแรงงานในห่วงโซ่อุปทานกว่า 664,000 คน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ที่มีทั้งความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ช่างฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะและฝีมืออันประณีตในการคัดสรร การเจียระไน การขึ้นรูป รวมถึงการออกแบบ จากศักยภาพดังกล่าวรัฐบาลไทยจึงมีนโยบายส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair เป็นงานแสดงและเป็นเวทีการค้าสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย ได้พบเจรจาการค้ากับผู้ซื้อจากทั่วโลก ในช่วงระยะเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ปรับรูปแบบการจัดงานสู่งานแสดงสินค้าเสมือนจริง สร้างมูลค่าการซื้อขายผ่านการจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ครั้งละกว่า 500 ล้านบาท วันนี้ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่งานแสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 สามารถกลับมาจัดงานได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมาร่วมงาน มีผู้ประกอบการมาจัดแสดงสินค้า 1,020 บริษัท 2,004 คูหา โดย Exhibitor มีจำนวนสูงกว่าเป้าหมายถึงร้อยละ 30 คาดว่าจะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกมาเจรจาการค้ามากกว่า 15,000 ราย ทำยอดขายภายในงานสูงถึง 3,000 ล้านบาท จะส่งผลให้การส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ตามเป้าหมาย ตนขอแสดงความยินดีกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน ที่ผนึกกำลังกันจัดงานจนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ส่งผลให้งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ก้าวขึ้นมาเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก