“พลเอกประวิตร” ลงนาม MOU โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่ คทช. ป้องกันการเปลี่ยนมือและการเข้ามาครอบครองของนายทุนเกษตรกร

วันที่ 2 กันยายน 2565 เวลา 10.30 น. ที่ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ คทช. ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ร่วมกับ 21 หน่วยงาน แสดงเจตจำนงในการผนึกกำลังกันบูรณาการพัฒนาพื้นที่ คทช. โดยการสนับสนุนจัดทำโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ 21 หน่วยงานที่จะร่วมลงนามประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกลุ่มหน่วยงานพัฒนา อาทิ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวงชนบท กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการร่วมกัน ให้เกิดการอนุญาตและดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะด้านการพัฒนา เส้นทางคมนาคมขนส่ง การพัฒนาแหล่งน้ำและระบบไฟฟ้าที่จะช่วยให้ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืนต่อไป

...

พลเอกประวิตร กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธาน ในพิธีลงนาม บันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็น ในพื้นที่ คทช. ในวันนี้ การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ในลักษณะแปลงรวม โดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์เป็นกลุ่ม หรือชุมชนเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการขาดที่ดินทำกิน โดยให้ประชาชนผู้ยากไร้ ได้มีสิทธิทำกิน และอยู่อาศัยในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการเปลี่ยนมือและการเข้ามาครอบครองของนายทุนเกษตรกร มีที่ดินทำกิน อย่างยั่งยืน และตกทอดไปถึงลูกหลานได้ การจัดที่ดินทำกิน พร้อมได้ย้ำให้หน่วยงานรัฐ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไฟฟ้าประปา เส้นทางคมนาคม และแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลงหลักปักฐานต่อไปในระยะยาวได้รวมทั้งให้มีการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ และต่อยอดไปสู่การจัดหาตลาด รวมถึง ช่องทางการกระจายผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้ประชาชนสามารถมีรายได้อย่างเพียงพอ และมั่นคงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

โดยในช่วงเช้า พลเอกประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง มาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ครั้งที่ 2/2565