“องอาจ” ปัดไม่มีเหตุต้องยุบสภาฯ รัฐบาลต้องอยู่จัดประชุม เอเปก-ปรับทัพกระชับอำนาจ “สุทิน” เชื่อ “ประวิตร” มีมารยาทพอไม่รีบปรับ ครม. “อนุทิน” ยันไม่มีสัญญาณ คณะหลอมรวมฯจุดพลุหยุดอำนาจ 3 ป. นับหนึ่งประเทศไทย “จตุพร” แฉ 3 ป. แยบยลแบ่งบทกันเล่น ฉลาดล้ำออกแบบกติกาไม่ให้เข้าคูหา ปั่นหัวนักการเมืองฝันได้เลือกตั้ง “นิติธร” เตือนดิ้นลงสนามไปเจอรัฐประหาร ชี้เป้าจับตา 1 ตุลาการศาล รธน.เกษียณ ยื้อชี้ขาดวาระ 8 ปี “นายกฯตู่” กลุ่มแรงงานสัมพันธ์ตะวันออกเคลื่อนขบวนไล่ประยุทธ์-ร้องขึ้นค่าแรงชลบุรี-ระยองเป็น 400 บาท จะไปยื่นหนังสือให้ “เสี่ยเฮ้ง” ผ่านถนนอ่างศิลาเจอแก๊ง จยย.นับสิบไล่ปาหิน-ตีรถพังยับ 5 คัน “อุตตม” อวดแผน สอท.รีเซ็ตประเทศ ผุดกองทุน 3 แสนล้านกู้ซากฐานราก ภท.ยกทัพเขย่าสงขลา “ไพร” เหน็บ ปชป.ไม่ขลังแล้ว

จากกรณีบางฝ่ายเกรงว่ารัฐบาลอาจชิงจังหวะยุบสภา ระหว่างที่กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อล็อกกติกาเลือกตั้งให้ตัวเองได้เปรียบ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มองว่าไม่มีเหตุจะยุบสภาตอนนี้ เพราะรัฐบาลต้องอยู่จัดการประชุมเอเปกและแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อกระชับอำนาจให้เรียบร้อย

...

“องอาจ” ชี้ขณะนี้ไร้เหตุยุบสภา

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภาขณะนี้ว่าเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจจะตัดสินใจ ขณะนี้อำนาจการยุบสภาอยู่ในมือของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการนายกฯว่าจะตัดสินใจใช้อำนาจยุบสภาหรือไม่ อย่างไรก็ดีการยุบสภาโดยทั่วไป มักเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยคือ 1.สภากับรัฐบาลมีปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรง 2.กฎหมายสำคัญไม่ผ่านสภาหรือนายกรัฐมนตรีถูกลงมติไม่ไว้วางใจจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3.มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล จนไม่สามารถอยู่ร่วมรัฐบาลกันต่อไปได้ พิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าสภาฯกับรัฐบาลไม่มีปัญหาขัดแย้ง งบประมาณผ่านสภาแล้ว นายกฯผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และไม่มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล

รบ.อยู่จัดเอเปก-กระชับอำนาจ

นายองอาจกล่าวอีกว่า ขณะที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกให้ดีที่สุด พร้อมทั้งใช้เวลาที่เหลืออยู่ ก่อนที่สภาฯจะครบวาระในเดือน มี.ค.ปีหน้า เพื่อแต่งตั้งโยกย้าย กระชับอำนาจให้เรียบร้อยรวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อสร้างผลงาน เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขปัจจัยต่างๆแล้ว เชื่อว่าการยุบสภายังไม่น่าเกิดขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินไปจนครบวาระหรืออาจยุบสภาก่อนจะครบวาระ เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำงานให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนให้ได้มากที่สุดต่อไป

“สุทิน” เชื่อมารยาท “ป้อม” ไม่ปรับครม.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาและการปรับ ครม.ว่า การปรับ ครม.เป็นไปได้ยาก โดยมารยาทหากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ไปหรือไม่ไปต่อ รักษาราชการแทนนายกฯจะต้องรอ หากศาลสั่งให้อยู่ต่อ แต่คนรักษาการไปปรับ ครม.คงไม่ถูก โดยมารยาทจะไม่ทำ เว้นแต่ศาลสั่งชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรถึงจะปรับ ครม. ส่วนการยุบสภาไม่น่ามีเหตุผล เพราะ พล.อ.ประวิตรรักษาราชการแทนนายกฯ คงอยากเป็นนานๆเท่าที่จะนานได้ ยิ่งหากยุบสภาช่วงกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่เสร็จ คงยุ่ง เว้นแต่ยุบเพื่อเอาเปรียบ หาช่องรัฐธรรมนูญเพื่อออกกฎหมายลูกเอง แต่คงคิดหนัก ถ้ายุบแล้วได้เปรียบเฉพาะทางกฎหมายอย่างเดียว แต่ความนิยมประชาชนไม่ได้เปรียบ ต้องชั่งน้ำหนัก หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ ต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหานายกฯตามรัฐธรรมนูญ พรรคไม่กังวล แต่ ส.ว.ยังมีอำนาจเกรงจะได้คนที่ประชาชนไม่ยอมรับ ถ้าเกิดยุบสภาขึ้นจริง พรรค พท.พร้อมเลือกตั้งอยู่แล้ว พร้อมมานานแล้ว และเชื่อว่าพร้อมกว่าทุกพรรคด้วย

เชื่อพี่ใหญ่ลากไปต่อลำบาก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสกดดันต่อเนื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกฯ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำมากกว่าการดื้อรั้น ลับลวงพรางแอบเข้าไปนั่งในกระทรวงกลาโหมคือปล่อยวาง ตั้งสติ ตั้งใจศึกษาหลักธรรม อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ให้เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดคิดเข้าข้างตัวเองว่าประเทศไปต่อไม่ได้ ถ้าขาด พล.อ.ประยุทธ์ ความจริงประเทศไปได้และไปได้ดีกว่า ขนาดถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ คนไทยยังดีใจ ถ้าถูกสั่งพ้นนายกฯ คนไทยจะฉลองกันขนาดไหน ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกฯ แม้จะอยากรักษาการเพื่อหวังเป็นตัวจริงในอนาคต แต่เชื่อว่าไปต่อลำบาก

“ลุงตู่” ช้ำหนักหยุดไม่พอต้องพักยาว

นายอนุสรณ์กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แต่จะเอาอะไรไปชี้แจง เมื่อรู้ว่าเป็นนายกฯตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 ถึงวันที่ 24 ส.ค.65 เป็นนายกฯ 8 ปีที่รัฐธรรมนูญเขียนห้ามไว้ เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อน แค่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า “ผมพอแล้ว ขอลาออก” เปิดทางให้สภาฯโหวตเลือกนายกฯในบัญชีมาทำหน้าที่ เมื่อกฎหมายเลือกตั้งพร้อมยุบสภาฯคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์บอบช้ำหนัก ถ้าเป็นนักมวยสภาพเละเทะ โดนไปหลายนับ จนกรรมการสั่งหยุด ไม่ใช่แค่พักยก แต่ต้องพักยาว โอกาสกลับมาริบหรี่ 8 ปีนานมากแล้ว พอได้แล้ว อย่ารั้น อย่าดิ้นรนให้ประเทศเสียหายอีก

“บิ๊กป้อม” สั่ง 22 หน่วยงานแก้ที่ทำกิน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในขณะนี้ ที่มีหลายด้านกระทบต่อความเป็นอยู่ประชาชน และต้องรับผิดชอบรักษาราชการแทนนายกฯ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือการบริหารจัดการที่ดินทั่วประเทศ ต้องบูรณาการหน่วยงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจะให้ 22 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) กำกับดูแลในแผนการดำเนินงาน ระยะ 5 ปี ภารกิจที่ต้องทำร่วมกันยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ราษฎรมีรายได้ที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2562 กำหนดให้มี คทช.บริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินเป็นเอกภาพ พัฒนาอาชีพเกษตรและนอกภาคเกษตร เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการแก้ไขเศรษฐกิจฐานรากได้แท้จริง

ระดม ส.ส.พปชร.ลงพื้นที่รับน้ำท่วม

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรค พปชร. เปิดเผยว่า สถานการณ์ปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคกลางตอนบน พื้นที่รับน้ำระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พล.อ.ประวิตรมีความห่วงใยประชาชนได้มอบหมายให้ ส.ส.พปชร.ในพื้นที่เร่งประสานงานและติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเร่งช่วยเหลือประชาชน รับฟังข้อมูลและปัญหาของชาวบ้านประสานงานหน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ภายใต้ 13 มาตรการแผนการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งรับฟังปัญหาในพื้นที่สะท้อนให้หัวหน้าพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเฝ้าระวังและเร่งระบายน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาและ 3 เดือนที่เหลือของปีนี้เป็นช่วงฤดูมรสุมที่คาดว่าจะมีพายุพัดผ่านอีกหลายลูก จะมีปริมาณฝนมาก มีโอกาสจะเกิดอุทกภัยบางพื้นที่ได้ พล.อ.ประวิตรได้สั่งเตรียมรับมือตามมาตรการที่วางแผนไว้อย่างเคร่งครัด

สอท.โชว์ 5 แก้ 5 สร้างฟื้นประเทศ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงภาพยนตร์ที่ 3 ชั้น 7 เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) แถลงเปิด “ยุทธศาสตร์เราพร้อมเปลี่ยนอนาคตประเทศไทย” นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรค โดยนายอุตตมกล่าวว่า เรามีพันธกิจรีเซ็ตประเทศไทย 5 แก้ไข คือ 1.แก้ปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวงที่สั่งสมเป็นปัญหารุนแรง ต้องหยุดปัญหานี้ทุกระดับ 2.ปราบปรามยาเสพติด 3.สร้างความเท่าเทียมลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขัน 4.ลดขนาดราชการ และ 5.ยกระดับให้เกษตรกรทันสมัย พร้อมมี 5 สร้าง คือ 1.สร้างเศรษฐกิจฐานราก 2.สร้างเศรษฐกิจใหม่ 3.สร้างสังคมเกื้อกูล 4.สร้างคนและโครงสร้างพื้นฐานพร้อมก้าวสู่สังคมยุคใหม่ และ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์

ใช้กองทุน 3 แสนล้านกู้ซากฐานราก

นายอุตตมกล่าวว่า มีโจทย์ 2 เร่งคือ เร่งรัดแก้ปัญหาเร่งด่วนสืบเนื่องจากวิกฤติโควิด วิกฤติหนี้สิน แก้ค่าครองชีพสูง เร่งวางรากฐานไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมีคุณภาพให้คนไทยและก้าวทันโลก การตอบโจทย์สำคัญคือกองทุนสร้างอนาคตประเทศไทย วงเงิน 3 แสนล้านบาท ที่ไม่ใช่เงินกู้ไม่เป็นภาระ แบ่งเป็นแสนล้านบาทปลดแอกหนี้สินให้คนตัวเล็กและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก สร้างเศรษฐกิจใหม่สู่อนาคตประเทศที่เท่าเทียมและยั่งยืน ความไม่ชัดเจนทางการเมืองทำให้หลายฝ่ายกังวลและรู้สึกว่าการแก้ปัญหาเร่งด่วนของภาครัฐให้ประชาชนคลุมเครือ ตอบโจทย์ไม่ตรงจุด ซ้ำเติมความห่วงใยในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับมรสุมถาโถม จากนั้นนายอุตตมให้สัมภาษณ์ถึงแคนดิเดตนายกฯของพรรคว่า เรามีบุคลากรพร้อม แต่ยังไม่รีบเปิด รอให้มีพระราชกฤษฎีกา เลือกตั้งก่อน

พร้อมโดดลุยสมรภูมิเดือด

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค สอท. กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่อึมครึมต้องโทษนักการเมือง ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯทูตานุทูตตรวจสอบเรื่องนี้กันมากว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่าประเทศไทยเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นปมวาระ 8 ปีไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร จะทำให้เป็นปัญหา นำไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งบนสภาพสังคมแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงสถานการณ์การเมืองตอนนี้สับสน อีก 7 เดือนจะมีการเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่าใช้สูตรไหนคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ บนสภาพที่เกิดขึ้นในสภาฯกล้วย ถูกมองว่าเป็นความเลวร้ายที่สุดในระบอบประชา ธิปไตย ที่การเมืองขับเคลื่อนด้วยทุน อำนาจกลายเป็นประชาธิปไตยแบบลับลวงพราง เกิดบริบทการเมืองที่ท้อแท้สิ้นหวัง ดังนั้นเราเป็นพรรคที่มีคนรุ่นใหม่เยอะ ตั้งใจทำการเมืองใหม่ มีจุดยืนเป็นผู้จุดประกายความหวังให้ประชาชน พร้อมเสนอชุดความคิดทางเศรษฐกิจให้ประชาชน จากนั้นนายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า หากพรุ่งนี้ยุบสภาเราพร้อมลงสู่สนามเลือกตั้ง

“สุดารัตน์” จัดทัพทะลวงอีสาน

ที่โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชันเซ็นเตอร์ จ.อุดรธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมคณะผู้บริหารพรรค อาทิ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายอุดมเดช รัตนเสถียร จัดประชุมเตรียมความพร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานตอนบน โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวยืนยันผู้สมัครพรรค ทสท.พร้อมกว่าร้อยละ 80 มีเพียงบางเขตอยู่ระหว่างตัดสินใจ มีผู้สมัครเสนอตัวมากกว่า 1 คน ต้องดูการทำงานแต่ละบุคคลเป็นหลัก เช่น จ.อุดรธานี เปิดตัวผู้สมัครหลายเวที บางเขตกำลังตัดสินใจ จ.อุดรธานีได้การตอบรับดีมาก ต้องการให้ผู้สมัครของพรรคเข้าไปทำงาน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบายพรรคทั้งบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท นโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี นโยบายเกษตรราคาดี รวมทั้ง 30 บาท สุขภาพดีถ้วนหน้า ขอเชิญประชาชนร่วมเปลี่ยนประเทศไทยเพื่อชีวิตที่ดีกว่า พร้อมจะทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตนเองในฐานะลูกอีสานว่าเข้าใจปัญหาชาวอีสานมีวิธีการทำให้บรรลุเป้าหมายให้ชาวอีสาน ให้ทุกคนหายจนหมดหนี้มีรายได้อย่างยั่งยืน

ปรับ ครม. “หนู” รอดูสถานการณ์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คนที่จะปรับ ครม.ได้มีแต่นายกฯ ขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณจากทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ ยังไม่มีฮัลโหลๆมาคงต้องดูสถานการณ์ก่อน ถ้าเป็น รมว.คิดหนัก แต่นี่เป็น รมช. เชื่อว่าคงไม่มีอะไรสะดุดมีรัฐมนตรีทำหน้าที่อยู่แล้ว กรณีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะรองเลขาธิการพรรค ต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ภท.เป็นมืออาชีพเราไม่ทำอะไรให้วุ่นวาย มีแต่ทำให้สงบ ได้ให้กำลังใจทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และนางกนกวรรณ ส่วนที่มาลงพื้นที่ จ.สงขลาจะค่อยๆตอกเสาเข็มไปเรื่อยๆ ต้องตอกเสาเข็มให้ถี่ๆหน่อย มั่นใจสิ่งที่เราได้ทำให้พี่น้องภาคใต้ช่วง 3 ปีกว่า มีผลงานเยอะเป็นที่ประจักษ์

นำทัพ ภท.ลุยเขย่าสงขลา

จากนั้นเวลา 17.00 น. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน พร้อมนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ นางนาที รัชกิจประการ แกนนำพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี และ ส.ส.ภาคใต้ ลงพื้นที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา 7 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วยเขต 1 นายประสงค์ บริรักษ์ เขต 2 นายฉัตรชัย ชูแก้ว เขต 3 นายไพร พัฒโน อดีต ส.ส.ปชป.ที่เคยไปเปิดตัวร่วมงานพรรคเศรษฐกิจไทย เขต 4 ว่าที่ ร.ต.ไกรธนู แกล้วทนงค์ เขต 5 นายอนลอัทธ์ พลธนนินท์ธัญ เขต 7 นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ เขต 8 นายวสันต์ ชั่งหมาน และ 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายปราโมทย์ แสงอรุณ และนายณรงค์พร ณ พัทลุง บรรยากาศคึกคักมีขบวนกลองยาว แตรวงต้อนรับ พร้อมประชาชนร่วมงานจำนวนมาก

“ไพร” มั่นใจกวาดไม่น้อย 6 ที่นั่ง

ด้านนายไพร พัฒโน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 สงขลาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้ขัดแย้งกับพรรคเศรษฐกิจไทย ได้รับเกียรติทุกอย่าง แต่บริบททางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่สามารถแบกด้ามขวานไว้คนเดียว จึงย้ายมาพรรค ภท.ที่พร้อมมากกว่า เป็นพรรคตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ขัดแย้ง ทำงานเป็นทีม และมีการพัฒนาพื้นที่อยู่ตลอด วันนี้จะกลับมาทวงพื้นที่เดิมของพ่อ (นายไสว พัฒโน อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง) ต้องยอมรับว่ากระแสพรรค ปชป.เปลี่ยนไปจากอดีต จะโทษสมาชิก ปชป.เก่าๆที่ออกไปไม่ได้ เขาไม่ผิดเพียงแต่เราจะพูดความจริงกันหรือไม่ กล้าพูดว่าคนที่เคยสนับสนุนพรรค ปชป.ปัจจุบันเทให้พรรค ภท.จะส่งผู้สมัคร จ.สงขลาครบทั้ง 9 เขต เชื่อว่าจะได้ไม่น้อยกว่า 6 เขต

“วันชัย” ทาย มี.ค. 66 วิกฤติคลี่คลาย

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ไปสวดมนต์ปฏิบัติธรรมวัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์โชคดี เจ้าอาวาสบอกสถานการณ์ประเทศและการเมืองขณะนี้เข้าหลักไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 3-4 เดือนนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความเปลี่ยนแปลงพร้อมเกิดขึ้น ประเทศไทยทั้งธรรมะจัดสรรและดวงดาวกำหนด ปีหน้าตั้งแต่ มี.ค.เป็นต้นไป ทั้งมฤตยูและราหูจะเคลื่อนถอยจากดวงเมือง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะปรากฏให้ผู้มีอำนาจดวงตาเห็นธรรม บ้านเมืองจะเข้าที่เข้าทาง ประสานสามัคคีร่วมกัน สร้างความสงบร่มเย็นให้ประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองจะเดินไปด้วยดี เป็นความมหัศจรรย์พันลึกที่คิดไม่ถึงจะเป็นไปได้ เหมือนดอกไม้กับโลงศพลงตัวกันพอดี ความตายกับความสวยงามมาอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว นักการเมือง พรรคการเมืองจะดวงตา เห็นธรรมร่วมกัน สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดจะเกิดขึ้นนับแต่นั้น

โพลขอคนดี เก่ง กล้ามาปกครอง

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง ข้อกังวลของประชาชนกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ 1,145 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 25-27 ส.ค. ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.1 ระบุเงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เศรษฐกิจย่ำแย่ ปัญหาหนี้สิน ร้อยละ 75.8 ความไม่ปลอดภัยทั้งในโลกออนไลน์ นอกโลกออนไลน์ โจรเต็มบ้าน อันธพาลเต็มเมือง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ร้อยละ 75.2 ยาเสพติด ร้อยละ 71.9 ความไม่ปลอดภัยทางถนน อุบัติเหตุ และร้อยละ 63.7 ภัยพิบัติธรรมชาติ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม แนวทางแก้ไขลดข้อกังวลของประชาชน ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.5 ขอคนดี คนเก่ง คนกล้า มีอำนาจปกครองบ้านเมือง ร้อยละ 82.3 ปฏิรูประบบราชการ การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 80.6 แก้ไขที่ตัวเอง ร้อยละ 78.4 บังคับใช้กฎหมายจริงจังต่อเนื่อง และร้อยละ 72.4 ใช้หลักปรัชญาชีวิตพอเพียง อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 56.9 ยังมีความหวังที่จะก้าวเดินต่อไป แต่ร้อยละ 43.1 กลัวอนาคต

ชี้ม็อบกดดันนายกฯไม่ได้

ขณะที่นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “ม็อบ ต่อต้าน 8 ปี นายกรัฐมนตรี” ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค. จากผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,312 หน่วยตัวอย่าง ร้อยละ 47.48 ไม่กังวลจะเกิดวิกฤติความวุ่นวายทางการเมือง ร้อยละ 21.19 ค่อนข้างกังวล ร้อยละ 19.13 ไม่ค่อยกังวล ร้อยละ 10.90 กังวลมาก ทั้งนี้ ร้อยละ 52.06 ระบุจะไม่สามารถกดดันให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภาฯได้ ร้อยละ 19.89 จะกดดันให้นายกฯลาออก ร้อยละ 15.25 จะกดดันจนนายกฯต้องยุบสภาฯ ส่วนบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ 5 ราย ตามที่พรรคการเมืองเสนอหากพล.อ.ประยุทธ์ ลาออกหรือต้องลงจากตำแหน่ง ร้อยละ 35.90 ไม่สนับสนุนทั้ง 5 รายชื่อ ร้อยละ 22.79 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 17.84 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 12.19 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 5.87 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 1.68 นายชัยเกษมนิติสิริ

จี้ยกเลิกใส่โซ่ตรวนดิจิทัล

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ซอยสมานมิตร น.ส.ตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ศาลให้ประกันตัวภายใต้เงื่อนไขต้องสวมกำไรอีเอ็ม (EM) ข้อเท้าจำกัดเวลาการเดินทางออกนอกเคหสถาน พร้อมกลุ่มผู้ต้องหาคดีเดียวกันจำนวนหนึ่ง อาทิ น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยาหรือ “ตี้ พะเยา” แกนนำกลุ่มราษฎรเอ้ย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็วหรือลูกเกด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ปทุมธานี พรรคก้าวไกล และสมาชิกเครือข่ายกลุ่มเยาวชนทะลุแก๊ส กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก กลุ่มราษฎร์ดรัมส์และคนเสื้อแดง ร่วมทำกิจกรรม “เดินหยุดโซ่ตรวนดิจิทัล” เรียกร้องให้เลิกการบังคับสวมกำไล EM ข้อเท้า โดยระบุว่าการได้มาซึ่งอิสรภาพในการใช้ชีวิตภายนอกเรือนจำต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขการใส่โซ่ตรวนดิจิทัลที่ข้อเท้า ทำให้ถูกตีตราจากสายตาสังคมว่าผู้ใช้สิทธิและเสรีภาพแสดงออกทางการเมืองคือผู้กระทำผิดร้ายแรง ถูกตีตราจนไม่สามารถใช้ชีวิตในการทำงานหรือการเรียนได้เหมือนเคย ทั้งนี้ กลุ่มผู้สวมใส่กำไล EM และกลุ่มผู้สนับสนุนยกเลิกใส่กำไล EM เคลื่อนขบวนจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ไปตามถนนเจริญกรุง สี่พระยา พญาไท สิ้นสุดที่แยกปทุมวันเวลา 18.00 น.

จุดพลุหยุดอำนาจ 3 ป. ไล่พ้นเวที

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการ กทม. คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา อดีตทนายพันธมิตร จัดกิจกรรมการชุมนุม “หยุดอำนาจ 3 ป.นับหนึ่งประเทศไทย” เรียกร้องประชาชนทั่วประเทศรวมพลังขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้พ้นจากอำนาจทางการเมือง เพื่อนับหนึ่งประเทศไทยกันใหม่ โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งสนใจร่วมรับฟัง มีแกนนำ อาทิ นายจตุพร นายนิติธร นายสมบูรณ์ ทองบุราณ นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ นายยศวริศ ชูกล่อม ทยอยขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้เปลี่ยนคณะปกครองประเทศใหม่

แฉแผนแยบยลไม่ให้มีเลือกตั้ง

ต่อมาเวลา 17.00น. นายจตุพรและนายนิติธร แถลงข่าวว่า ข้อเรียกร้องของคณะหลอมรวมประชาชน ไม่ได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรยุบสภาหรือ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก แต่หัวข้อหลักคือหยุดอำนาจ 3 ป.เช่นเดียวกับสามทรราชในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สถานการณ์ขณะนี้ถูกออกแบบชัดเจนว่าจะไม่ให้มีการเลือกตั้งโดยใช้วิธีที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 เป็นนายกฯต่อกันถึง 2 ครั้ง เขียนรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมแก้ไขเรื่อง ส.ว. เป็นแท็กติกที่ปล่อยให้พรรคการเมืองแก้ไขกฎเกณฑ์กติกาเลือกตั้งเท่านั้น 3 ป.แยบยลกว่าคณะยึดอำนาจคณะอื่น ละเลงสภาด้วยการแจกกล้วยกระทั่งสภาฯเสื่อมเสีย พรรคต่างๆที่ช่วยกันแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งกระทั่งพรรค พท.ไม่ได้บัญชีรายชื่อ ทั้งที่พรรคไทยรักไทยในอดีตชนะถล่มทลาย 3 ป. ฉลาดที่ออกแบบเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง คณะ 3 ป. ไม่ประสงค์จะสละอำนาจ แต่ประสงค์จะสืบทอดอำนาจต่อไป ภาพที่ออกมาเหมือนจะทะเลาะกันแต่ความจริงอำนาจอยู่ในมือของทั้ง 3 คน จึงมีมาตรการจะจัดการหยุดอำนาจ 3 ป. ให้พ้นทางการเมือง

จ่อจัดม็อบใจกลางเมือง

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ถ้า 3 ป. ยังอยู่ในอำนาจ การเลือกตั้งจะไม่บังเกิด เพียงแต่หลอกให้บรรดาพรรคการเมืองเสื่อมกันไปทั่ว แค่แก้ไขกฎหมายบางมาตราเพื่อให้ดีใจเท่านั้น แต่ท้ายสุดเมื่อไม่มีกฎหมายเลือกตั้งการเลือกตั้งก็ไม่เกิด และพวกนี้จะอยู่ในอำนาจต่อไป ขอเชิญประชาชนผู้เป็นอำนาจเต็มของการเมืองไทย และนักการเมืองที่ตาสว่าง อย่าโง่ซ้ำซาก เราต้องยกระดับมาไล่หยุดอำนาจ 3 ป.ให้ออกไปจากกระดานการเมืองไทย เรากำลังจะออกแบบวิธีจัดการชุมนุม อาจเข้าไปจัดกิจกรรมในเมืองหรือมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ จะมีให้ถี่ขึ้น กระจายให้มากขึ้น อาจไปต่างเมือง ก่อนกลับเข้ามา กทม.อีกครั้ง สัปดาห์หน้าจะเข้าไปย่านใจกลางเมือง ส่วนการลงบนท้องถนนถึงอย่างไรวันนั้นต้องมาถึง ต้องมีวันที่แตกหักกันระหว่างคนไทยกับ 3 ป. ต้องเข้าใจก่อนว่าเขาแบ่งบทบาทกันเล่นหลอกคนไทย ทุกย่างก้าวมีแต่ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย รวมสารพัดสัตว์อยู่ภายในร่างและออกแบบอย่างแยบยล

ดิ้นเลือกตั้งไปก็เจอรัฐประหารอีก

ด้านนายนิติธรกล่าวว่า การหยุดอำนาจ 3 ป.จะมีผลเท่ากับการหยุดระบอบการปกครองในระบอบอำนาจนิยม หยุดการบริหารประเทศที่มี ส.ว.จากรัฐประหาร หยุดอำนาจ ส.ว. หยุดอำนาจองค์กรอิสระที่ไม่ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง การหยุดอำนาจ 3 ป.มีนัยสำคัญที่จะทำให้ทรัพยากรของประเทศ โดยเฉพาะปิโตรเลียมกลับมาเป็นของประชาชน จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน นักการเมืองรู้ไว้ว่าไม่มีเลือกตั้ง หากดันทุรังไปก็เจอรัฐประหาร เลือกเอาว่าจะหยุด 3 ป.แล้วบริหารงานบ้านเมืองกันใหม่หรือดันทุรังกันไป แล้วเอาไปให้ทหารรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง

ชี้เป้ายื้อเวลา 1 ตุลาการ รธน.เกษียณ

“ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ สื่อมวลชนไปตามให้ดี ขณะนี้มีความพยายามเคลื่อนไหวจะดึงระยะเวลาการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญออกไปให้ได้ เนื่องจาก 21 ต.ค.นี้จะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งเกษียณอายุ เพราะครบวาระ ในเสียงข้างมากจะมีตุลาการคนหนึ่งต้องเกษียณ จะกลายเป็นเสียง 4 ต่อ 4 นั่นหมายความว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่เสียงเท่ากัน เมื่อต้องวินิจฉัยชี้ขาด ประธานเป็นคนออกเสียงได้อีกครั้งเป็นเสียงชี้ขาด จะเป็นกรณีสำคัญ แล้วไปดูว่าเสียงตรงนั้นจะไปในทางใด นี่คือความพยายามถ่วงเวลา 1-2 เดือนหรือมากกว่านั้น เป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะถูกนำมาใช้” นายนิติธรกล่าว

ชลบุรีเรียกร้องค่าแรง 400 บาท

เมื่อเวลา 15.00 น. นายบุญยืน สุขใหม่ แกนนำกลุ่มแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก พร้อมพวกขับรถเก๋งและรถกระบะรวม 11 คัน ติดป้ายโจมตีรัฐบาล และโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มขบวนจากบริเวณแยกปากร่วมถนน 331 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มุ่งหน้าไปยังสำนักงานของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ สาขาชลบุรี พื้นที่ ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี ระหว่างขับเคลื่อนขบวนแกนนำปราศรัยโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์มากว่า 8 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นต้องการให้ลาออก ไม่ต้องการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มารักษาการแทน ไม่เหมาะสม ต้องการให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่และแก้ไขกฎหมายแรงงานให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำ จ.ชลบุรี และระยองเป็น 400 บาท หลังได้ปรับเป็น 385 บาทมีผลภายในเดือน ต.ค.นี้

ม็อบถูกไล่ตีรถพังเสียหาย 5 คัน

ขณะขบวนเคลื่อนไปถึงถนนอ่างศิลา ต.แสนสุข มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่รถ จยย.มาหลายสิบคันถือไม้กอล์ฟ ไม้เบสบอล และก้อนหิน เข้าไปตีกระจกรถและปาก้อนหินใส่รถเสียหาย 5 คัน นายอัศวิน กลิ่นเทศเกษร อายุ 43 ปี 1 ในผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ตนและกลุ่มสัมพันธ์แรงงานเดินทางขับเคลื่อนมาจาก จ.ระยอง เป็นตัวแทนผู้ใช้แรงงาน เพียงจะนำหนังสือมายื่นต่อ รมว.แรงงาน ทำไมต้องมาทำร้ายและทำลายรถกันขนาดนี้ ความปลอดภัยหายไปไหน ช่วงเกิดเหตุมีตำรวจคอยอำนวยความสะดวกยังกล้าทำขนาดนี้

ยื่นข้อเสนอ 6 ข้อช่วยแรงงาน

ต่อมา พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.แสนสุข พร้อมด้วยกำลังเดินทางมาระงับเหตุ มีนายสุเทพ ชิตยะวงศ์ เลขานุการนายสุชาติ ชมกลิ่น มารับหนังสือตามข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ประกอบด้วย 1.ยกเลิกการนำร่างปรับปรุง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์และห้าม
มิให้นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.โดยเด็ดขาด 2.การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้แรงงาน ต้องให้ผู้ใช้แรงงานได้มีส่วนร่วมปรับปรุงหรือมีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย 3.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่และกำหนดให้มีหมวดเรื่องสิทธิแรงงานแยกต่างหาก 4.ค่าจ้างขั้นต่ำต้องเท่ากันทั่วประเทศ และเพียงพอต่อการดำรงชีพ 5.ปล่อยนักโทษการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข และ 6.ขอให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน