อยู่นานเท่าไหร่ บ้านเมืองก็ทรุดโทรมเท่านั้น คนที่เดือดร้อนมากที่สุด คือ ผู้ยากไร้ในประเทศ
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิด นักเขียน นักประวัติศาสตร์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย บอกกับ ทีมข่าวการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ขอให้วินิจฉัยวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้พิจารณาและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ทันที
เพราะวิธีการของเขาจะช่วยคนรวย ไม่ช่วยคนจน เป็นคนที่ไม่มีสติปัญญา ต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด และเกิดปัญหาโกงกินไปเรื่อยๆ
แม้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไป ทำให้เห็นแสงแห่งการปฏิรูปประเทศแค่ไหน ส.ศิวรักษ์ บอกว่าขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร ขอสื่อสารไปถึง ส.ส. แม้สังกัด “กลุ่ม 3 ป.” ควรตีตัว ออกห่างได้แล้ว ควรเห็นประโยชน์ของบ้านเมืองสำคัญยิ่ง มากกว่าประโยชน์ของพรรคพวก
ควรรวมตัวกับพรรคฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย อย่างพรรคก้าวไกลฝ่ายซ้าย พรรคกล้าฝ่ายขวา ควรร่วมมือกันทั้งหมด เอา “กลุ่ม 3 ป.” ออกไปให้หมด
แล้วเลือกเอาคนดีขึ้นมาเป็นนายกฯ เมืองไทยคนดีๆมีเยอะ คนรุ่นใหม่มีความสามารถมาก แต่เราไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย
ผมเชื่อเสมอว่าเราจะเปลี่ยนให้ดีขึ้น กระเตื้องขึ้นแน่ เพราะยุคนี้ตกต่ำที่สุดแล้ว ต่ำกว่านี้ไม่ได้
เข้าใจถูกไหมว่ากรณีที่ยกสัญลักษณ์ฝ่ายซ้ายเป็นพรรคก้าวไกล ฝ่ายขวาพรรคกล้า ให้จับมือกันแก้วิกฤติบ้านเมือง เพื่อพัฒนาประเทศ ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ถูกต้อง
กรณีเกิดวิกฤติประเทศต้องร่วมมือกัน
เหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคคอนเซอร์เวทีฟ พรรคเลเบอร์อยู่คนละฝ่าย แต่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าเชอร์ชิล วินสตัน เลนเนิร์ด เป็นผู้นำได้ ก็ตั้งพรรคร่วมเพื่อต่อสู้สงคราม เมื่อเอาชนะสงครามได้ สุดท้ายก็ไม่เอาเชอร์ชิล เอาพรรคเลเบอร์ที่มีหัวหน้าพรรคเป็นคนเงียบ เรียบร้อยได้เป็นนายกฯ
...
ท่ามกลาง “ภารกิจยังไม่เสร็จ” ของกลุ่ม 3 ป. ฝ่ายขวาจับมือฝ่ายซ้ายจะเปลี่ยนผ่านทางการเมืองได้อย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ทั้ง 2 ขั้วทางการเมืองน่าจะร่วมมือกัน โดยติดต่อ ส.ส.พรรคอื่น
โดยเฉพาะพรรคที่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ประสานกับ ส.ส.ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีสติปัญญา ตั้งเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา
เอาชนะกลุ่ม 3 ป.ให้ได้ เอามันลงไปซะ
ลงแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ อาจจะทะเลาะกันใหม่ก็ได้ แต่ถ้าฉลาดควรรวมกันต่อไปอีกนิด พยายามหาผู้นำรุ่นใหม่ หากคิดได้อย่างนี้บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปรอด
วิกฤติของโลกซับซ้อน วิกฤติในประเทศไทยก็ทับซ้อน เลือกตั้งครั้งต่อไป นายกฯต้องมีลักษณะอย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ผมหวังกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่แสดงความกล้าหาญ ต่อสู้ มีความรู้ เสียสละ
เมื่อเข้ามาแล้วนักการเมืองต้องมีนโยบายนำข้าราชการประจำ พร้อมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น บางกระทรวงต้องยุบ บางกระทรวงต้องขยาย
“ลุงตู่” ไปชั่วคราว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องรักษาการนายกฯ การเมืองมีโอกาส ดีขึ้นอย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ต้องหาที่ดีกว่านี้ ยิ่งได้ (นายกฯ) พลเรือนจะดีมาก
ถ้าได้ทหารต้องมีวิสัยทัศน์ มองเห็นบ้านเมืองชัดเจน อุทิศตัวและพวกของตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้ยากไร้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมของสังคมให้มากขึ้น
“กลุ่ม 3 ป.” ยังอยู่ในอำนาจ ภาคประชาชนเคลื่อนไหวมีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ผมชื่นชมเด็กรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหว
“24 ส.ค. ผมไปเป็นพยานให้เด็กมัธยม อายุ 16 ปี คดี 112 ผมชื่นชมเด็กเหล่านี้...แว้บ!! ออกมานอกกระแสหลังของสถาบันการศึกษา เชื่อว่าเด็กเหล่านี้ได้รับสื่อนอกกระแสหลัก แล้วเขากล้าออกมาท้าทายอำนาจ”
การแก้ไข ป.อาญา ม.112 ควรทำอย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า ผมต้องยกพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านตรัสต่อหน้ามหาชนมากมาย
ว่าการใช้ ม.112 เป็นการทำร้ายพระองค์ท่าน และทำลายสถาบันกษัตริย์ ยังไม่มีรัฐบาลไหนฟังและเดินตามพระราชดำรัส แต่ทุกคนอ้างว่าจงรักภักดี
ม.112 เป็นประโยชน์ต่อเผด็จการ ไม่เป็นประโยชน์ต่อราษฎรตาดำๆ ไม่เป็นประโยชน์ ต่อสถาบัน
ฉะนั้นทุกอย่างแก้ไขได้ ถ้าไม่กล้าแก้ ก็ลดโทษขั้นต่ำลง เดิมโทษขั้นต่ำ 3 ปี หมาย ความว่าศาลไม่สามารถรอลงอาญาได้ มันอันตราย ก็ต้องแก้
ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการ โดยตำรวจพิจารณาร่วมกับอัยการ และสำนักพระราชวังว่ามีเค้ามูลอย่างไรหรือไม่ ก่อนดำเนินคดี ไม่ใช่มีใครอยากฟ้องก็ฟ้อง
ม.112 ถูกวิจารณ์ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองบนการต่อสู้ของ 2 ขั้วการเมือง ส.ศิวรักษ์ บอกว่า พวกเขาก็ต้องพยายามยึดไว้ มันได้ประโยชน์มาก ประทานโทษไม่รู้ว่าพวกนี้ถ่ายอุจจาระกี่กองไม่รู้
ลงจากอำนาจเมื่อไหร่อาจถูกเล่นงาน ขนาด “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” มีอำนาจมาก ยังถูกยึดทรัพย์สมบัติไปไม่น้อย พวกนี้คงเห็นตัวอย่างแล้วถึงลงจากอำนาจยาก
ขี่เสือแล้วไม่กล้าลงจากหลังเสือ
โครงสร้างประเทศ กลไกรัฐสนิมเกาะเกรอะกรัง เยาวชนไม่เห็นอนาคต ก่อเกิดคณะราษฎรใหม่เคลื่อนไหว ปะทะกับระบบเก่า ส.ศิวรักษ์ บอกว่า นับตั้งแต่ปี 2490 โครงสร้างประเทศไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ทหารเข้ามายึดอำนาจเป็นระยะๆ และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่แล้วก็ฉีกทิ้ง เล่นละครแบบนี้มาตลอด
ขณะที่บรรดาพรรคการเมือง ส.ส. ควรฟังและให้กำลังใจนักศึกษาที่ออกมาต่อต้าน ท้าทาย ขอเพียง ส.ส.มีคนกล้าเท่านั้น โดยเฉพาะ ส.ส.พรรครัฐบาล เพราะขณะนี้สิ่งที่เราขาดคือ คนกล้าหาญทางจริยธรรม
เช่น เกิดรัฐประหาร ถ้ามีผู้พิพากษาสักคนออกมาระบุว่า รัฐประหารมันผิดกฎหมาย มันสะเทือนแล้ว เพราะอำนาจในทางจริยธรรม แม้คนจำนวนน้อยที่ออกมา มันมีอำนาจยิ่งกว่าปืนผาหน้าไม้เยอะแยะเลย
ฉะนั้นการฟังและการให้กำลังใจคนรุ่นใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเขา แต่เวลานี้ต้องผนึกกำลังกัน ให้กำลังใจกัน
เพื่อต่อสู้กับพวก 3 ป.
อย่าไปหมดหวัง ทุกอย่างมีอนาคต มันดีขึ้นหรือเลวลงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มันต้องเปลี่ยนแปลง
การเมืองขั้วตรงข้ามตีตรา ส.ส.ที่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของคณะราษฎรใหม่ว่าเข้าข่ายล้มล้างสถาบัน ส.ศิวรักษ์ บอกว่า วิธีอ้างว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับเราแล้วจะล้มล้างสถาบัน ผมว่าคนฟังจนเอียน ใช้บ่อยจนคนเบื่อ
ขณะเดียวกันพรรคการเมืองต่างๆ ต้องเน้นพูดถึงเรื่องการเมืองโดยเฉพาะ อย่าไปแตะสถาบัน ยกเหนือไว้ เป็นสิ่งที่เคารพสักการะ อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้ แม้การวิพากษ์ก็จำเป็น แต่ไม่ใช่ตอนนี้
กลุ่มราษฎรใหม่เรียกร้องปฏิรูปสถาบันด้วย ส.ศิวรักษ์ บอกว่า อันนี้ผมเห็นใจ แต่เอาไว้ก่อน ต้องรู้ว่าอะไรมาก่อนหลัง มันจะมั่ว มหาชนจะไม่เข้าใจ ถูกโจมตีง่าย
โครงสร้างประเทศไม่เคยเปลี่ยน พอประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน ถูกตัดตอนทุกที ส.ศิวรักษ์ บอกว่า พวกต่อต้านประชาธิปไตยเขามีอำนาจ
“คนรุ่นใหม่ต้องรู้จักอดีต เอามาเป็นบทเรียน อย่าให้อดีตซ้ำรอย เพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างถูกต้อง แม้การทำรัฐประหารคงทำยากขึ้นกว่า ครั้งที่แล้ว
เพราะมีการนำกองกำลังที่เคยทำรัฐประหารออกไปนอก กทม.ไม่ก้าวก่ายการเมือง ยึดอำนาจอีก”
มองจุดจบกลุ่ม 3 ป.อย่างไร ส.ศิวรักษ์ บอกว่า อยากให้ลงจากอำนาจโดยไม่ต้องถูกขับไล่ ดูอย่าง จอมพลประภาส จารุเสถียร จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นคนน่ารักมาก ถ้าลาออกไปก่อนก็ไม่เกิด 14 ตุลา 16
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีอำนาจมาก เสียชีวิตไปทันทีก็ฉาวโฉ่ ถูกเปิดโปงพฤติกรรม
ทุกอย่างอยู่นานเกินไป...อันตราย!!
ทีมการเมือง