“รุ้ง ปนัสยา” นำอ่านแถลงการณ์ให้มันจบที่ 8 ปี พร้อม 3 ข้อเรียกร้อง จี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออกทันที แก้กฎหมายตัดอำนาจ ส.ว. นำพาประเทศไทยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง

วันที่ 21 ส.ค. 2565 น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยกลุ่มราษฎร และขบวนประชาชน 4 ภาค อ่านแถลงการณ์ “ให้มันจบที่ 8 ปี” ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมี 3 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า กลุ่มราษฎรและขบวนประชาชน 4 ภาค ขอยืนยันข้อเรียกร้องเฉพาะกาลก่อนการเลือกเกี่ยวกับกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังต่อไปนี้

1. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที

2. หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมลงจากอำนาจ ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 ส.ค. 2565

3. ให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

...

สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์โดยสรุประบุว่า เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่สังคมไทยต้องตกอยู่ภายใต้ช่วงเวลาอันมืดมนและขมขื่นที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมมือกับพลพรรคสร้างวิกฤติทางการเมืองเพื่อเข้าช่วงชิงอำนาจการปกครอง พร้อมกับตั้งตนและพวกขึ้นเป็นรัฐบาล ใช้อำนาจอำนวยผลประโยชน์และความมั่นคงแก่ชนชั้นนำส่วนน้อย กดขี่ข่มเหงประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ทั้งยังวางกลไกสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อโดยมิต้องสนใจคำทัดทานก่นด่าจากประชาชน

ทั้งนี้ ยุคสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีอันสิ้นสุด เนื่องด้วยรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีการบัญญัติเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 158 วรรค 4 ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง” ขณะที่มาตรา 170 วรรคสอง ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดตามมาตรา 158 วรรค 4 ด้วย”

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2557 และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 264 บัญญัติไว้ว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” จึงต้องถือว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ส.ค. 2565 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 8 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การจะตีความตัวบทกฎหมายย่อมไม่สามารถจะพลิกแพลงตลบตะแลงเปลี่ยนไปเป็นอื่นได้

ในช่วงท้าย ยังมีการระบุขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นสักขีพยานในวาระสุดท้ายของเผด็จการ ที่สร้างความทนทุกข์ให้แก่ประชาชนมาตลอด 8 ปี จากนโยบายที่ผิดพลาดนานัปการ ผู้เป็นเหตุแห่งการเรียกร้องแสดงออกของประชาชนจากทุกกลุ่มทั่วทุกภูมิภาค จนนำมาสู่การคุกคาม จับกุม คุมขัง ทั้งที่ต่างล้วนเป็นไปเพื่อการปกป้องสิทธิเสรีภาพอันพึงมีของตนทั้งสิ้น บัดนี้อำนาจกำลังจะสูญสิ้นลงด้วยพันธนาการจากรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้น

“ช่วงเวลาแห่งประชาชนกำลังใกล้เข้ามา ช่วงเวลาที่ซึ่งอำนาจในการกำหนดทิศทางการเมืองจะกลับมาอยู่ในมือของประชาชนอีกครั้ง ขอประชาชนทั้งหลายจงเชื่อมั่นในพลังแห่งตน และร่วมกันต่อสู้โดยใช้การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในปฏิบัติการร่วมทางการเมือง เพื่อไปสู่หลักชัยแห่งความเปลี่ยนแปลง และนำพาประเทศไทยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มดังกล่าวจะจัดกิจกรรมที่บริเวณท้องสนามหลวง แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ ส่งผลให้ต้องเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อจัดกิจกรรมดังกล่าวแทน.