“บิ๊กตู่” แจงค่าไฟขึ้นแค่ตัวเลขสตางค์ ยอมรับต้องพิจารณาตามวงรอบทุก 4 เดือน เผยมาม่าขอขยับราคามา 2 ปีแล้ว บอกเห็นใจ ยันนายกฯ ต้องดูแล 2 ฝ่าย ปชช.-ผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นเจ๊งทั้งคู่
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 16 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ว่า การขึ้นค่าไฟเป็นอำนาจของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งต้องให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณา เป็นกติกาและกฎหมาย ต้องมีการพิจารณาการขึ้นตามวงรอบทุก 4 เดือน รัฐบาลได้ให้หลักคิดไปแล้ว ทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด เพื่อเหตุผลความจำเป็น สภาพคล่อง ซึ่งทุกอันจะต้องมีสภาพคล่อง สามารถที่จะเดินเครื่องเดินไฟฟ้าต่อไปได้ เหมือนค่าน้ำมันค่าแก๊ส ซึ่งใช้งบประมาณอุดหนุนไปจำนวนมากพอสมควร และอันนี้เป็นอีกอันที่ต้องดูแล
“ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่นำไปพาดหัวข่าวขึ้นเป็น 5 บาทแล้ว หรือ 4 บาทแล้ว แต่มันขึ้นเป็นสตางค์เข้าใจไหม อย่าไปเขียนอย่างนี้ให้คนเขาเข้าใจผิด แต่ผมก็โอเค มันขึ้นก็ต้องขึ้น แต่ขึ้นจากอะไรต้องไปดูสาเหตุแห่งปัญหา ไปศึกษาธรรมะเสียบ้าง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เรียนเสียบ้าง ทุกข์เกิดจากอะไรแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร ดูวิธีการแก้ปัญหาโน่น” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการขึ้นราคาสินค้าต่างๆ ได้คุยกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ไปแล้ว อะไรที่จำเป็นก็ต้องไปพิจารณาหารือร่วมกัน หากจำเป็นต้องขึ้น ขึ้นเพราะอะไร ขึ้นเท่าไหร่ เมื่อราคาต้นทุนลดลงก็ต้องลดลงตามนั้น ทำนองนี้ กำลังหารือกันอยู่
“เรื่องมาม่าจริงๆ เขาขอขึ้นมา 2 ปีแล้ว ก็ไม่ได้ขึ้นให้เขา ฉะนั้นต้องไปดูว่าต้นทุนการผลิตเป็นอย่างไรในตรงนั้น หลายอย่างบอกว่าไอ้นี่ลด ไอ้นี่ไม่ให้ขึ้น ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ผมต้องทำให้ทั้งสองส่วน ประชาชนต้องไม่เดือดร้อน ผู้ประกอบการสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะเจ๊งไปทั้งคู่ เขาผลิตไม่ได้ก็ปิดโรงงาน มันก็จบแค่นั้นเองง่ายๆ ผมไม่ได้เข้าข้างใครอยู่แล้ว ขอให้เห็นใจซึ่งกันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า มีเรื่องพูดกันเยอะ ตนก็มีเรื่องคิดไว้เยอะเหมือนกัน และหลายๆ อย่างก็ต้องดำเนินการต่อไป วันนี้แค่นี้นะจ๊ะ
...