กลุ่มผู้ชุมนุม นศ.เริ่มทยอยชุมนุมที่ลานพญานาค ม.ธรรมศาสตร์ "รุ้ง" เผย ดีใจที่มีคนสานต่อ รับ 2 ปี หลังประกาศ 10 ข้อเรียกร้อง ฝากคนรุ่นใหม่สนใจการเมืองให้มากขึ้น
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 ส.ค. 65 ที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ร่วมกับพรรคโดมปฏิวัติ และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย นายศรัณย์ สัชชานนท์ สมาชิกสภานักศึกษามธ. พรรคเสรีธรรมศาสตร์ น.ส.พิมพ์
พิชญ์ บุญประดับ และ น.ส.ณิชารีย์ มีคุณ สมาชิกสภานักศึกษา พรรคโดมปฏิวัติ นายอันเจลโลว์ สาธร นายวัชรากร ไชยแก้ว จากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนายรัชศักดิ์ คมกฤส ปธ.กมธ.ส่งเสริมประชาธิปไตยและความเท่าเทียมสภา นศ.มธ. ร่วมกันจัดการชุมนุม "10 ส.ค.ประชาธิปไตยต้องไปต่อ"
ท่ามกลางการจับตาจากหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นวันสัญลักษณ์ครบรอบ 2 ปี เวทีธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศ 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน เมื่อปี 63
...
สำหรับบรรยากาศก่อนหน้า การปราศรัยจะเริ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอีโอดี จ.ปทุมธานี นำกำลังเข้าตรวจหาวัตถุระเบิดรอบบริเวณ ก่อนเปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมเข้า โดยมีมวลชนคนเสื้อแดง ชาย-หญิง สูงอายุ ที่สนับสนุนกลุ่มราษฎร เข้าจับจองพื้นที่เป็นกลุ่มแรก ขณะเดียวกันได้มีแนวร่วมสำคัญของกลุ่มราษฎรเดินทางร่วมชุมนุม อาทิ นายรัฐพล เลิศไพจิต โฆษกกลุ่ม wevo การ์ดม็อบราษฎร นายไพศาล จันปาน แกนนำมวลชนเสื้อแดง น.ส.ณิชกานต์ รักวงษ์ฤทธิ์ หรือ มีมี่ กลุ่มเฟมทวิต เป็นต้น
จากนั้นเวทีปราศรัยคึกคักขึ้นเมื่อ นายศรัณย์ สัชชานนท์ แกนนำกลุ่มได้ขึ้นอ่านบทกวี ยุค 14 ตุลา ชื่อ "เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน" ที่แต่งโดย นายวิทยากร เชียงกูล เพื่อเปิดการชุมนุม ตามด้วยตัวแทนนักศึกษาแต่ละกลุ่มสลับกันขึ้นปราศรัย เนื้อหากล่าวถึงการบริหารงานในสถาบัน ขณะนั้นได้มีนักศึกษา มธ.ทยอยเข้าร่วม
น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง คณะสังคมวิทยาฯ มธ. แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้อ่านคำประกาศ 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ในการชุมนุมที่ลานพญานาคเมื่อ 2 ปีก่อน กล่าวว่า วันนี้มาร่วมในฐานะมวลชนรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่มีคนมาสานต่อ 2 ปีที่ผ่านมาอาจไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เห็นเด่นชัด แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นชัดและถือเป็นความสำเร็จ คือ สังคมแห่งการตั้งคำถามได้เกิดขึ้น และเรื่องใดที่มีปัญหาเรื่องนั้นย่อมมีคำถาม หลายคนบอกว่า 10 ข้อที่ประกาศไว้เมื่อ 2 ปี เป็นการทะลุเพดาน หลังจากนี้สิ่งที่ต้องติดตาม คือ จะเป็นอย่างไรต่อ จะพูดเรื่องนี้ให้เป็นฉันทามติอย่างไร อยากฝากให้ทุกคนตื่นตัวทางการเมือง เพราะส่งผลกับชีวิตของทุกคน ไม่อยากให้พื้นที่ทางการเมืองเป็นพื้นที่เฉพาะผู้ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจมีอิทธิพลเท่านั้นที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ควรเป็นพื้นที่เปิดกว้างและมีกลไกลให้ประชาชนมีได้ส่วนร่วมได้มากที่สุด ไม่ใช่มีหน้าที่แค่ไปเลือกตั้งอย่างเดียว.