ครม. รับทราบภาพรวมของการเบิกจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ 2565 ณ วันที่ 18 พ.ค. 65 เบิกจ่ายแล้ว 2.4 ล้านล้านบาท จากแผนการใช้จ่ายรวม 4 ล้านล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้ (9 สิงหาคม 2565) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและค่าใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 2/2565 ภาพรวมของการเบิกจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 18 พ.ค. 2565 มีการเบิกจ่ายแล้ว 2,464,723 ล้านบาท จากแผนการใช้จ่ายรวม 4,060,682 ล้านบาท คิดเป็น 60.70% มีรายละเอียดดังนี้

  • งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3,100,000 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,849,332 ล้านบาท คิดเป็น 59.66%
  • เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี วงเงิน 237,475 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 147,065 ล้านบาท คิดเป็น 61.93%
  • เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่รวมเงินงบประมาณ วงเงิน 309,091 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 133,534 ล้านบาท คิดเป็น 43.20%


ส่วนโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (กรอบวงเงิน 1 ล้านล้านบาท) มีวงเงินตามแผนการใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 106,909 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว  79,056 ล้านบาท คิดเป็น 73.95%

โครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 (กรอบวงเงิน 500,000 ล้านบาท) มีแผนการจ่ายในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 307,207 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 255,736 ล้านบาท คิดเป็น 83.25%

...

น.ส.ไตรศุลี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2565 มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่าโครงการตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 103 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 2.51 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 83,508 ล้านบาท คิดเป็น 43.36% ของแผนการใช้จ่ายเงินตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 - 30 เมษายน 2565 กระทรวงที่มีผลการเบิกจ่ายสูงสุด ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนกระทรวงที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำสุด ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม

สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า ประกอบด้วย ด้านการเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินโครงการ เช่น มีการปรับแบบรูปรายการหรือแบบแปลนงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับพื้นที่จริง ด้านการดำเนินงาน เช่น หน่วยรับงบประมาณต้องหารือกับหน่วยงานต้นสังกัดหรือทบทวนราคากลางเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ หรือกรณีมีผู้เสนอราคารายเดียวหรือไม่มีผู้เสนอราคา ทำให้ต้องยกเลิกการประกวดราคาและประกาศเชิญชวนใหม่ และด้านความล่าช้าของโครงการที่เกิดจากผู้รับจ้างสามารถขยายเวลาดำเนินการและการคิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ในปี 2565 รัฐวิสาหกิจมีกรอบลงทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2565 จำนวน 338,126 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายสะสม 99,703 ล้านบาท คิดเป็น 100% ของแผนเบิกจ่ายสะสม หรือคิดเป็น 29% ของกรอบลงทุนทั้งปี สำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้า ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากโควิด-19.