หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย แนะภาครัฐทำความเข้าใจผู้ประกอบการ เหตุเผชิญทั้งหนี้ธุรกิจ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ เผยต้องรวมหนี้ทั้งหมดเข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมเติมทุนใหม่ให้ต่อยอด 
 
วันที่ 1 ส.ค. 2565 นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นต่อภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่กระทบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอีอย่างเป็นระบบ โดยระบุว่า
เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเดินทางไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อร่วมรับฟังการเสวนาในหัวข้อ “สร้างอนาคตภาคใต้” จัดโดยสมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2558 (ส.ม.ต.)
 
ทั้งนี้ จากที่ได้รับฟังผู้เข้าร่วมเสวนา และพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ก็ได้เห็นสัญญาณทางเศรษฐกิจในพื้นที่เริ่มฟื้นตัว ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ยังไม่ใช่การฟื้นตัวที่เข้มแข็ง และมีความเปราะบาง เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็ก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วง คือ  
 
1. สถานการณ์ของแพง-ค่าแรงต่ำ ทำให้เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ด้านรายได้ยังเป็นปัญหา เพราะกำลังซื้อในตลาดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมทั้งผู้ประกอบการกำลังมีความกังวลว่าหากดอกเบี้ยเริ่มขยับขึ้นก็จะเป็นการซ้ำเติมด้านต้นทุนให้เพิ่มขึ้นอีก  
 
2. ปัญหาหนี้สินที่พอกพูน โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กำลังเป็นปัญหาใหญ่กระทบผู้ประกอบการรวมถึงประชาชนทั่วไป
 
 
3. ผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กจำนวนมาก ขาดเงินทุนที่จะนำไปใช้ในการพลิกฟื้นและขยายกิจการ  
 
การที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหลุดพ้นจากปัญหาทั้งหมด และเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง ภาครัฐต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหน่วยงานหลัก เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารของรัฐ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพราะการแก้ปัญหาโดยเน้นด้านใดด้านหนึ่ง ไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการให้หลุดพ้นจากภาวะวิกฤติได้
 
โดยการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กนั้นจำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของเอสเอ็มอีด้วย เช่น เอสเอ็มอีมีการก่อหนี้ร่วมกันทั้งหนี้ธุรกิจ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงต้องพิจารณานำหนี้ทุกกลุ่ม เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ไปพร้อมกันจึงจะเบ็ดเสร็จ และที่สำคัญยิ่งคือการแก้ไขหนี้สินต้องดำเนินควบคู่ไปกับการเติมทุนใหม่ให้ผู้ประกอบการ เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สอดรับกับการผ่อนชำระหลังการปรับโครงสร้างหนี้ และสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้อีกครั้งหนึ่ง
 
“ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมสมาพันธ์เอสเอสอีไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่รอดผ่านพ้นวิกฤติและก้าวต่อไปได้มั่นคง ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการเติมทุนใหม่ด้วยขบวนการและรูปแบบที่เหมาะสม นอกเหนือจากช่องทางที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผมจึงได้นำเสนอการจัดตั้งกองทุน “สร้างอนาคตเอสเอ็มอีไทย” โดยมีเป้าหมายในการเติมทุนใหม่ให้เอสเอ็มอี เพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้ประสบความสำเร็จ ขณะที่ผู้ประกอบการก็มีทุนใหม่เพื่อต่อยอดกิจการ” นายอุตตม กล่าว
 
นอกจากนั้นการปรับโครงสร้างหนี้และเติมทุนแล้ว กองทุน “สร้างอนาคตเอสเอ็มอีไทย” จะดำเนินการพร้อมกับโครงการสร้างเสริมทักษะความรู้ให้ผู้ประกอบการก้าวทันโลก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การเพิ่มทักษะด้านบัญชี การบริหารจัดการ การเพิ่มความเชี่ยวชาญให้บุคลากรในองค์กร เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจที่ได้รับทุนไปนั้นจะสามารถเดินต่อได้ในอนาคต.

...