"สุริยะ" ชี้ ก.อุตสาหกรรม ชงนายกฯ ใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองอัครา ระบุ ก.ต่างประเทศ ทักท้วงการใช้มาตรา 44 พูดความจริงครึ่งเดียว ยัน โอกาสชนะคดีมี 66% แพ้ 33% หากคิงส์เกตมีโอกาสชนะ 100% ได้ 3 หมื่นล้านจริง คงไม่มาเจรจากับไทย
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. เวลา 20.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่สาม ซึ่งเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจง ประเด็นเหมืองทองอัครา เพื่อตอบโต้ นางจิราพร สินธุไพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า ที่มีการใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองทองอัครา ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 ระงับทำเหมืองอัคราชั่วคราว โดยไม่ใช้กฎหมายทั่วไป พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบเกือบ 3 ปี ก่อนใช้มาตรา 44 ตามข้อเสนอ เพื่อความปลอดภัยประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใด ส่วนเอกสารกระทรวงต่างประเทศที่ทักท้วงการใช้มาตรา 44 นั้น เป็นการพูดความจริงครึ่งเดียว
นายสุริยะ แจงว่า เอกสารดังกล่าวระบุว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้ มาตรา 44 จะต้องทำเพื่อป้องกันสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม กรณีนี้จึงออกคำสั่งที่คำนึงถึงสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ ส่วนที่บริษัททนายฝ่ายไทยประเมินไทยแพ้คดีแน่ ก็ไม่เป็นจริง หนังสือดังกล่าว ตนเสนอ ครม.รายงานการต่อสู้คดี ประเมินว่าฝ่ายไทยมีโอกาสชนะ 66% แพ้ 33% ไม่ใช่แพ้คดีแน่นอน ถ้าบริษัทคิงส์เกตมีโอกาสชนะ 100% ได้ค่าเสียหาย 30,000 ล้านบาท คงไม่มาเจรจารัฐบาลไทย ที่ผ่านมาคิงส์เกตกำไรปีละ 800 ล้านบาท ต้องใช้เวลา 38 ปี จึงได้เงินดังกล่าว ถ้าคิดว่าชนะแน่ คงไม่เจรจา ถ้าได้เงิน 30,000 ล้านบาทแน่นอน หลังจากคิงส์เกตเห็นข้อต่อสู้ฝ่ายไทย จึงเข้าใจสิ่งที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ ทางบริษัทอัคราจึงกลับมาขอประทานอาชญาบัตร พื้นที่ 44 แปลง ส่วนการขออาชญาบัตรแสนกว่าไร่ ปัจจุบันยังไม่เดินเรื่องขอ ยังไม่อนุญาตใดๆ หากมาเดินเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอนุญาต ต้องดูแผนสำรวจมีความเหมาะสมหรือไม่
...
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือทักท้วงให้ยกเลิกมาตรา 44 แต่นายกฯ ไม่ฟังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่เคยได้รับหนังสือดังกล่าวอย่างที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) นำมาโชว์ รูปแบบหนังสือน่าจะเป็นหนังสือที่ส่งกันในหน่วยงาน เป็นบันทึกข้อความ ไม่ใช่หนังสือทางการ ไม่ทราบว่า เป็นคณะทำงานใดที่ส่ง น่าจะเป็นหนังสือหารือในหน่วยงานที่ยังไม่มีข้อยุติ ยืนยันว่า คณะกรรมการระงับข้อพิพาทไม่เคยเสนอให้ระงับคำสั่ง คสช. ส่วนที่ไอ้โม่ง 2 คน อยู่เบื้องหลังสั่งการแก้ปัญหา ทั้งที่ไม่ใช่คณะทำงานแก้ปัญหานั้น คาดว่า คงหมายถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม การที่ 2 คน ให้คำปรึกษาเป็นผลดีต่อฝ่ายไทย ไม่ได้ทำให้เสียประโยชน์ หรือแทรกแซงอะไร