“จิราพร” จัดหนักอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ทำความเสียหายมหาศาลต่อประเทศ ปมใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองอัครา ปูดเอกสารลับ เชื่อมั่น จะทำให้ “บิ๊กตู่” ย้ายไปอยู่บ้านหลวงหลังใหม่ที่เรียกว่าเรือนจำ
เมื่อเวลา 12.53 น. วันที่ 21 ก.ค. 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 3 ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ถึงคิว น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในข้อกล่าวหา คดีเหมืองทองอัครา ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน ใช้มาตรา 44 และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าข่ายกระทำผิด เป็นผู้ได้รับประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม ทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมาตรฐานทางจริยธรรม
ทั้งนี้ จำเป็นต้องอภิปรายเพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ความเสียหายมีแนวโน้มจะลุกลามบานปลาย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ประเทศและคนไทย มีเอกสารหลักฐานสำคัญชิ้นใหม่ที่ไม่เคยนำมากล่าวในสภาฯ ไม่ต้องมาโยนความผิดให้รัฐบาลยุคไทยรักไทย หรือโยนให้รัฐบาลก่อน การใช้มาตรา 44 คือจุดศูนย์กลางปัญหาคดีเหมืองทองอัครา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตัวการสำคัญ ไม่ได้มาเพื่อแก้ปัญหา แต่สร้างปัญหาให้ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานมีการคัดค้านหลายครั้ง จนกระทั่งบริษัท คิงส์เกต ฟ้องประเทศไทย ทั้งยัง มีบุคคลลึกลับ 2 คน คนหนึ่งเป็นรองนายกฯ มีความรู้ด้านกฎหมาย อีกคนเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ขณะนี้ย้ายไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เป็นไอโม่งที่รับคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ให้นั่งหัวโต๊ะ ครอบงำ ชี้นำ สั่งการ ในการประชุมคณะกรรมการระงับข้อพิพาท เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหากเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาลก็มีพยานบุคคลที่พร้อมขึ้นให้การซัดทอดไอโม่ง 2 คนนี้
...
จากนั้น น.ส.จิราพร เปิดเผยเอกสารที่ระบุว่าเป็นเอกสารลับ จากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในขณะนั้น ให้ความเห็นในฐานะทนายแผ่นดิน ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการทำเหมืองทองอัคราสร้างผลกระทบต่อประชาชน ข้อเท็จจริงสอดคล้องกับหนังสือกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ไม่พอที่จะนำไปต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ ผ่านไป 4 ปี ก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับการใช้มาตรา 44 ได้ และมีความพยายามที่จะสร้างหลักฐานเท็จ จึงมีการเตือนว่าจะเป็นอันตรายมาก พล.อ.ประยุทธ์ รู้แก่ใจว่าราชอาณาจักรย่อมเป็นฝ่ายแพ้คดี สำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. และคืนสิทธิ์เหมืองทองอัครา จนปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่ได้ยกเลิกคำสั่ง จากคำสั่งชั่วคราวในตอนนั้นกลายเป็นคำสั่งถาวร
กระทั่งปี 2562 เกิดพิธีกรรมชุบตัว จน พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งใหญ่ แต่ยังมีพฤติกรรมเพิกเฉยกับคดีเหมืองทองอัครา ยังมีโอกาสในการยกเลิกคำสั่ง คสช. 72/2559 ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งหน่วยงานสำคัญหลายกระทรวง รวมถึงพรรคเพื่อไทย เตือนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 9 ครั้ง เท่ากับจงใจกระทำความผิดซ้ำซาก ทำให้ปัญหาทับซ้อนบานปลาย เสี่ยงแพ้คดี ต้องชดใช้เงินจำนวนมาก ความเสียหายที่ประเทศต้องจ่ายหารคนไทยเท่ากัน ข้อทักท้วงไม่เคยเข้าหัว พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะยังไม่มีคำชี้ขาดจากคณะอนุญาโตตุลาการ แต่ก็มีใบเสร็จความเสียหายออกมาแล้ว ไม่แปลกใจที่หลายประเทศจะย้ายฐานการผลิตไปเพื่อนบ้านแทน และหากในท้ายที่สุดแพ้คดีไทยต้องชดใช้ไม่ต่ำกว่า 720 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้สาธารณะทะลุ 10 ล้านล้านบาทแล้ว กู้ทะลุเพดาน ค่าโง่ทะลุผ่านดิน ที่ยังต้องนำมาอภิปรายเพราะทั้งหมดคือเงินภาษีและประโยชน์ของประชาชน
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ มองคิงส์เกตเป็นเหมือง แต่คิงส์เกตมอง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหมู และประเทศไทยเป็นลูกไก่ในกำมือ การที่ไทยทำตามข้อเรียกร้องเพื่อทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้รับผิดใช่หรือไม่ พร้อมเปรียบเปรยว่าคนกรุงเทพฯ มีผู้ว่าฯ กทม. วิ่งทุกวัน แต่นายกฯ วิ่งเพื่อล้มคดี รวมถึงยังมีการคล้ายประวิงเวลาบางอย่าง เป็นเรื่องน่าอับอายที่คิงส์เกตเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยล้มคดีในไทย พล.อ.ประยุทธ์ บอกเข้ามาเสียสละ ทุกอย่างทำเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ขอให้อธิบายถึงการเจรจากับคิงส์เกตว่าชาติได้ประโยชน์อย่างไร เอกสารต่างๆ นั้นชี้ว่าไทยแพ้คดีอย่างแน่นอน
“ขอตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบหลายครั้ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยตอบแม้แต่ครั้งเดียว ดิฉันจึงมาทวงถามคำตอบจากชายชาติทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งว่า สรุปแล้วถ้าไทยแพ้คดี พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมการรับมืออย่างไร จะจ่ายเป็นเงินหรือทองคำ หรือจะใช้วิธีเอาทรัพย์สมบัติแผ่นดินไปแลกตามข้อเรียกร้องของคิงส์เกต เพื่อไม่ต้องจ่ายคดีเป็นตัวเงิน และถ้าเช่นนั้นไทยต้องยอมรับการดำเนินการให้กับคิงส์เกตทั้ง 11 ข้อ รวมถึงการล้มคดีความใน DSI และคดีความอื่นๆ ด้วยหรือไม่ และตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร ช่วยตอบมาให้ชัดๆ”
น.ส.จิราพร อภิปรายต่อไปว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ตอบโต้ว่าไม่ได้ทำผิด เพราะทำไปเพื่อแก้ปัญหาที่รัฐบาลผ่านมาทำไว้ และการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้จริง ขอท้าให้แถลงข่าวว่า การใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองทองคำเป็นผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อย่าอ้างแต่จำนำข้าว จนเริ่มสงสัยว่าถ้าไม่มีรัฐบาลที่แล้ว ไม่มีโครงการจำนำข้าว คนที่เสียหายที่สุดน่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่มีอะไรมาอ้างในการตอบสภาฯ วันนี้เราอยากฟังความจริงว่าเมื่อไรไทยจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ เหมืองทองอัคราไม่ใช่เรื่องเก่า แต่เป็นเรื่องเดิมที่ยังไม่มีการแก้ปัญหา ความเสียหายเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
อีกทั้ง ไม่ต้องท้าให้อดีตนายกฯ คนเก่งกลับประเทศมาให้ได้ ความเสียหายตลอด 8 ปี ที่ทำไว้ ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขเพราะทำไว้เสียหายมาก แต่ถ้าสภาฯ โหวตให้ออกไป ประเทศนี้จะเริ่มดีขึ้นทันที พร้อมสันนิษฐานเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 8 ปี จะขออยู่ต่อ 4 ปี และจะขออยู่ต่อเรื่อยๆ เพราะต้องการชำระสะสางปกปิด หรือทำให้เรื่องเหมืองทองอัคราได้สมประโยชน์กับอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้พ้นจากความผิดหรือไม่ แต่ไม่มีวันที่จะพ้นจากความผิด เพราะความผิดสำเร็จแล้ว
“มั่นใจว่าหากกฎหมายเป็นกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ด้วยพยานหลักฐานที่มีเชื่อว่าในอนาคตจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการออกคำสั่งที่ 72/2559 ตามมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่าด้วยพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อฟ้องเอาผิดหลังจบการอภิปรายในวันนี้ จะสามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ายจากบ้านหลวงในค่ายทหาร ไปอยู่บ้านหลวงหลังใหม่ ไฟฟรี น้ำฟรี ข้าวฟรี ที่เรียกว่าเรือนจำได้”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ครม. ที่มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน หากทราบถึงความผิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำต่อประเทศแล้วยังตัดสินใจลงมติไว้วางใจอยู่ ยอมเป็นนั่งร้านให้อยู่ต่อเพื่อทำความเสียหายประเทศอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จะถือว่า ครม.ทุกคนเป็นผู้สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กระทำความผิด ถ้าสัปดาห์หน้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังนั่งหัวโต๊ะการประชุม ครม. ก็จะยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม.ทั้งหมด ถ้าท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ รอดจากการลงมติไม่ไว้วางใจได้ แต่จะไม่มีวันรอดพ้นจากการกระทำที่ทรยศชาติ พรรคการเมืองที่ไหนที่จะค้ำยันอยู่ ขอให้รู้ว่าเข้าข่ายเป็นผู้ร่วมขบวนการ เอาเงินของประชาชนและทรัพย์สมบัติชาติไปใช้เพื่อประโยชน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่นานความจริงจะไล่ล่า และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินชีวิตทางการเมือง และนำความยุติธรรมมาให้ประเทศในที่สุด ดังนั้น จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และจบการอภิปรายในเวลา 13.37 น.