ส.ส.ฉะเชิงเทรา ก้าวไกล “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” ซัด 13 ปี GT200 คนซื้อได้เป็นรัฐมนตรี คนขายเป็นก๊วนเพื่อน พล.อ.ประวิตร กลับได้ดี รับงานกองทัพต่อ 8,000 ล้าน ใช้จัดซื้อจัดจ้างพิเศษไม่ต้องประมูล

เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 20 ก.ค. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด GT200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า คดี GT200 ถือเป็นมหกรรมการทุจริตครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในช่วง 2549-2552 จากการจัดซื้อ จัดจ้าง เครื่องค้นหาวัตถุระเบิดและสารเสพติดต่างๆ ที่ต่อมาถูกแหกว่าไร้คุณภาพ จนมีการให้ฉายาความห่วยแตกว่าไม่ต่างอะไรกับ “ไม้ล้างป่าช้า” ส่วนสาเหตุที่สังคมไทยไม่ลืมเรื่องค่าโง่ GT200 ทั้งที่ผ่านมาแล้ว 13 ปี ก็เพราะยังคงมีคำถามที่ยังไม่เคยได้รับคำตอบว่า ใครต้องรับผิดชอบจากการจัดซื้อเครื่อง GT200

...

“ปัญหาสำคัญของการจัดซื้อเครื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทุจริตที่ทำให้ประเทศชาติสูญเงินฟรีนับพันล้าน แต่ยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทหารและพลเรือนหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด เพราะเครื่องที่ใช้การไม่ได้ ทั้งยังทำให้ผู้บริสุทธิ์นับร้อยรายต้องโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการโดนคุมขัง ดำเนินคดี เพราะเครื่องชี้ผิดชี้ถูก ดังนั้น เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เพียงได้เงินคืนแล้วจบ แต่ต้องมีการเอาผิดไปถึงผู้ที่อนุมัติการซื้อเครื่องนี้เข้ามา เพราะมันได้ทำร้ายชีวิตของผู้คนไปมากมาย”

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เพิ่งมีความคืบหน้าไปอีกขั้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมานี้ อัยการสูงสุด โดยอัยการศาลทหารกรุงเทพ ได้ยื่นฟ้องทหารจำนวน 22 คน ในข้อหาว่ากระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่กองทัพบกสั่งซื้อ GT200 เป็นจำนวน 12 สัญญา ทั้งหมด 757 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 682,600,000 บาท สำนวนนี้รับต่อจาก ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดทหารทั้ง 22 นาย แต่ประเด็นสำคัญคือ คดีนี้กลับชี้ไปไม่ถึงผู้มีส่วนสำคัญในการอนุมัติเลย ทั้งที่ GT200 เกือบทั้งหมด ถูกอนุมัติสั่งซื้อโดย พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ขณะนั้น ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขณะนั้น

“การซื้อครั้งที่ 3, 11 และ 12 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ ผบ.ทบ. เป็นผู้เซ็นอนุมัติซื้อด้วยตัวเอง การซื้อครั้งที่ 2, 3, 6, 7, 8 และ 11 ซึ่งเป็นวงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท อยู่ในอำนาจอนุมัติของ ผบ.ทบ. ก็พบว่ามีผู้ช่วย ผบ.ทบ. หรือ เสธ.ทบ. เป็นผู้เซ็นอนุมัติโดยรับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ โดยการสั่งซื้อครั้งที่ 11 พบว่า เสธ.ทบ. ผู้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้เซ็นอนุมัติซื้อ มีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วน พล.อ.ประวิตร ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ก็มีลายเซ็นอนุมัติสั่งซื้อในครั้งที่ 9, 10 และ 12 ซึ่งมีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท ด้วยเช่นกัน เอกสารนี้เป็นเอกสารในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง 12 สัญญา ซึ่ง ป.ป.ช. ถืออยู่มา 10 ปีแล้ว คำถามคือทำไมชื่อเหล่านี้หายไป”

นายจิรัฏฐ์ ยังยืนยันว่า คดีนี้มองมุมไหนก็ส่อเค้าทุจริต และ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประวิตร ต้องรับผิดชอบด้วย แต่สาเหตุที่ไม่สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดได้ เพราะ ป.ป.ช. ซึ่งรู้กันว่ามีที่มาเกี่ยวของกับการรัฐประหารเพิกเฉยในการทำหน้าที่ จึงไม่สามารถไปสู่การดำเนินคดีต่อได้ ตามที่พนักงานอัยการท่านหนึ่งมีความเห็นไว้ใน เอกสาร อก.4

นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากกรณีที่คนเซ็นอนุมัติไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว ภายหลังการรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ การหาความจริงในคดีนี้จากหน่วยงานตรวจยิ่งหายไปเลย ขณะที่เมื่อหันไปดูฝั่งผู้ขาย คือ Avia Satcom ซึ่งขาย GT200 ให้กับทุกหน่วยงานในกองทัพ รวมถึงกองทัพบกที่อ้างมาตลอดว่าโดนหลอก พบว่ากว่าจะดำเนินคดีกับ18 มงกุฎที่มาหลอกได้ ใช้เวลาคิดอยู่ 7 ปี โดยเพิ่งจะยื่นฟ้องเมื่อปี 60 คดีถึงที่สิ้นสุดในปี 65 ศาลปกครองลงโทษให้กรรมการหนึ่งคนของ เอวิเอ แซทคอม ต้องชดใช้เงิน 683 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย แต่ต่อมาศาลได้ให้ประกันตัวและได้ข่าวว่าย้ายไปอยู่อังกฤษนานแล้ว จึงไม่รู้ว่าถึงชนะจะได้เงินคืนหรือไม่

ทั้งนี้ จิรัฏฐ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้กองทัพจะอ้างว่าโดน Avia Satcom หลอก แต่กลับพบว่า หลังการรัฐประหาร 57-65 บริษัทในก๊วนเดียวกันกับเครือนี้ยังคงได้รับการประเคนงานจากกองทัพและกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท และโครงการเกือบทั้งหมด เป็นการจัดซื้อจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษ ไม่มีการประมูลและสืบราคา และประเด็นสำคัญคือประธานอาวุโสของ Avia Satcom มีชื่อว่า พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี คีย์แมนคนสำคัญในการรัฐประหาร 49 และเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร มีผลงานเด่นๆ เช่น นำเข้าฝูงบินกริฟเพนที่ราคาแพงเกินจริง โครงการจัดซื้อโดรนต่างๆ ความปลอดภัยไซเบอร์ หลังรัฐประหารเคยได้เป็นทั้ง สนช., รองปลัดกระทรวงกลาโหม ประธาน กสทช. ควบตำแหน่ง ผ.อ. สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ที่มีโครงการทำวิจัยภายใต้ข้อตกลงรูปแบบความร่วมมือมากมายกับ Avia Satcom ซึ่งเป็นบริษัทตัวเอง