“ศรัณย์” ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลวงประชาชน “ชัยวุฒิ” ยัน รัฐบาลแก้ปัญหามาตลอด ชี้ สปายแวร์เพกาซัส ไม่อยู่ในอำนาจดีอี ปธ.สั่งพักการประชุมแล้ว

วันที่ 19 ก.ค. 2565 เมื่อเวลาประมาณ 22.25 น. นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการอภิปรายในวันแรก ซึ่งนายศรัณย์ เป็นผู้อภิปรายรายสุดท้ายของฝ่ายค้านในค่ำคืนนี้ ในข้อกล่าวหาคือ ไม่มีความสามารถในการทำงาน ไม่มีความใส่ใจ ไม่มีความตั้งใจคุ้มครองหรือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จนทำให้คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ เกิดความเสียหายในวงกว้าง และมีประชาชนอีกนับไม่ถ้วนเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อในอนาคตจากการปล่อยปละละเลย ไม่มีความพยายามในการแก้ไข

นายศรัณย์ อภิปรายถึงประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ เว็บพนัน ขายของออนไลน์ หลอกลงทุน แม้กระทั่งข้อความหลอกประชาชนลงทะเบียนปลูกกัญชา ทำให้ประชาชนเสี่ยงภัย และเสี่ยงที่จะสูญเสียทรัพย์สินมากมาย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ และนายชัยวุฒิ ยังมุ่งใช้อำนาจเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐบาล แต่ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ที่ผ่านมาพยายามหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ทำอะไรบ้างเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่หาแทบไม่เจอ ซ้ำประเทศกลับดึงดูดนักหลอกลวงที่เห็นช่องว่างเข้ามา การขโมยข้อมูลของประชาชนที่เกิดขึ้น ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบและช่วยเหลือโดยตรง และถ้าใครไว้วางใจก็คือส่วนหนึ่งที่ต้องร่วมรับผิดชอบกับความเสียหายของประชาชนที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถไว้วางใจได้ ก่อนจบการอภิปรายที่เวลา 23.15 น.

...

จากนั้น นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วันนี้เดินเวลาได้ตามข้อตกลงคือ 11 ชั่วโมงเศษ โดยในวันที่ 20 ก.ค. 2565 มีผู้ที่จะอภิปราย นายชัยวุฒิ อีก 2 วัน จึงเสนอว่าจะเริ่มอภิปรายที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และกลับมาที่ นายชัยวุฒิ ต่อด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนเข้าสู่การอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าจะใช้สิทธิ์ตอบวันนี้เลยก็ยินดีรับฟังเพราะมีเวลาเหลืออยู่

ทางด้าน นายชัยวุฒิ ตอบการอภิปรายของ นายศรัณย์ ว่า อาชญากรรมออนไลน์ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศไทย แต่เกิดกับทุกประเทศที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากๆ ที่สำคัญไทยมีปัญหาหนักเพราะเรามีระบบอินเทอร์เน็ตที่ดีมากๆ ใช้แพร่หลายมาก โดยใช้ไม่ต่ำกว่า 80% ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไทยแลนด์ 4.0 ส่วนเรื่องการหลอกลวงก็มีกันมาตั้งแต่ในอดีต วันนี้คนเข้าโลกออนไลน์เยอะ คนร้ายตามเข้ามา รัฐบาลเข้าใจและเร่งแก้มาโดยตลอด มีการตั้งหน่วยงาน และที่บอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย คือการพูดไม่ดูข้อเท็จจริง

พร้อมกันนี้ ยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ มีคนมาร้อนเรียนตลอด บางคนหมดเนื้อหมดตัว รู้สึกสงสาร ไม่คิดว่าจะโดนหลอกขนาดนี้ ก็พยายามดำเนินการมาตลอด ประสานกับสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ส่วนที่เป็นการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตจากต่างประเทศ แม้รู้ว่าเป็นจุดไหนและขอคำสั่งศาลปิด แต่เขาก็เปิดจุดใหม่ขึ้นอีก ไม่แก้ปัญหาอะไร จึงมีการประสาน กสทช. ให้ขึ้นบวกรหัสประเทศเพื่อให้ประชาชนรู้ว่าเป็นเบอร์ที่มาจากต่างประเทศ การดำเนินคดีและทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หากอยู่ในประเทศไทยไม่ยาก แต่ฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน บางคนโดนหลอกไป บางคนก็สมัครใจ แต่ผิดทุกคนเพราะลักลอบออกและเข้าเมือง ซึ่งปัจจุบันหากสืบจนรู้จุดจะออกหมายจับ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐบาลไทยที่ประสานงานกัน เชื่อว่าจะลดปัญหานี้ได้ในที่สุด

ขอยืนยันให้มั่นใจว่า รัฐบาลทำงานเต็มที่ และมีการขับเคลื่อนทุกเรื่องโดยตลอดเพื่อแก้ปัญหา แม้กระทั่งเรื่องบัญชีม้าซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก ประสานให้ธนาคารใช้ AI ตรวจสอบ ถ้าเข้าข่ายต้องบล็อก อาจจะบล็อกได้เฉพาะอินเทอร์เน็ต อีกทั้งถ้าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและตรวจสอบจนพบว่าเป็นบัญชีม้า จะเร่งอายัดใน 1 ชั่วโมง นี่คือเร็วที่สุดที่พยายามทำ เพราะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ปัญหาเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ และฝากเตือนประชาชนว่าการตามเงินคืนยาก คิดให้ดีก่อนโอน โดยมีการประสานไปยังธนาคารให้ขึ้นข้อความเตือนระวังมิจฉาชีพอีกทางหนึ่ง ยอมรับว่าคงไม่สามารถทำให้สื่อสังคมออนไลน์บริสุทธ์ผุดผ่องได้ ที่ผ่านมาการขายของออนไลน์ก็มีปัญหามาก ซื้อแล้วไม่ได้ของ ขณะนี้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว รอประกาศใช้ กำหนดมาตรการในการยืนยันตัวตน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น หากไม่ได้สามารถคืนเงินได้ โดยจะใช้อำนาจตรงนี้ในการกำกับดูแล และที่อยากจะทำต่อมาคือแบล็กลิสต์ผู้ค้าที่มักถูกร้องเรียน ประชาชนจะได้ตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม การปิดกั้นเว็บไซต์หรือแอคเคาต์ที่ผิดกฎหมายมีการทำมาตลอด รวมถึงเว็บพนันที่ปิดไปแล้วจำนวนมาก

ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ต้องมีทักษะพิเศษ ก็ทำกันอยู่และกำลังหาคนมาเพิ่ม รวมถึงซื้อซอฟต์แวร์ ระบบที่ทันสมัย แต่ไม่มีทางทันด้วยกำลังคนที่มีในปัจจุบัน และต้องสร้างภูมิต้านทานให้ประชาชน พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยเตือนประชาชน ฝากให้ลงไประดับตำบล หมู่บ้าน ให้คนแก่รู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ต้องให้ความรู้และเตือน นายชัยวุฒิ ยังมองว่า ผู้อภิปรายพูดแต่ปัญหา หรืออาจจะมีอคติ พูดแต่ด้านที่ไม่ดี อาจเพราะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้มาก อยากแก้ปัญหาให้ดีที่สุด

ทางด้าน ศรัณย์ กล่าวต่อหลังจาก นายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า การตั้งหน่วยงานขึ้นมา แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ แล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ถือว่าทำงานไม่ได้ ผู้เสียหายไปดำเนินการแล้วไม่เป็นอย่างที่รัฐมนตรีแจง การตั้งหน่วยงานไปเรื่อยๆ ไม่มีประโยชน์ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ขณะที่ประเทศอื่นตั้งหน่วยงานกลางขึ้นมาช่วยเหลือประชาชนได้ ส่วนที่บอกว่าค่าใช้จ่ายแพง เงินที่หมุนเวียนความเสียหายของประชาชนนั้น 2-3 แสนล้าน พร้อมถามถึงกรณีสปายแวร์เพกาซัส ที่มีการเปิดเผยว่ามีการสอดแนมประชาชนซึ่งมีการเปิดเผยในหลายวันนี้ ก่อนจะระบุว่า เราต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ประชาชนไม่เจอสิ่งนี้ จะปล่อยให้เว็บผิดกฎหมายเปิดใหม่อยู่เช่นนี้หรือ และบางเว็บพนันก็ไม่เคยโดนปิด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ตอบอีกครั้งเรื่องสปายแวร์เพกาซัส โดยรู้ว่าระบบนี้มีจริง เคยศึกษา แต่กระทรวงไม่ได้ทำเพราะไม่มีอำนาจ เท่าที่ทราบเป็นเรื่องความมั่นคง ยาเสพติด เข้าใจว่ามีการใช้แต่ต้องเป็นคดีพิเศษ มีอำนาจแบบนั้นที่ทำได้ แต่ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ โดยต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีการปิดเว็บที่เร็วขึ้น ปิดได้จริง รวมถึงปรับปรุงระบบและกระบวนการทำงาน พร้อมออกโรงว่า ตำรวจก็ทำคดีกันเยอะ แต่กลับไปยกคดีที่ยังไม่เสร็จขึ้นมากล่าวถึง ในโลกออนไลน์มีอวตาร ไม่ได้หาตัวง่าย บางคนเป็นนักโทษหนีอยู่ต่างประเทศ ไม่กลับมาก็จับไม่ได้ อยากให้ความเป็นธรรมตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามเมื่อ นายชัยวุฒิ กล่าวจบ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ระบุเวลาที่ฝ่ายค้านใช้ไปอยู่ที่ 11.15 ชั่วโมง ก่อนสั่งพักการประชุมในเวลา 23.52 น. และจะเริ่มประชุมอีกครั้งในเวลา 08.30 น. ของวันที่ 20 ก.ค. 2565 คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายจุรินทร์ สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือวันที่ 19-22 ก.ค. และลงมติ 23 ก.ค. 2565.